องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 178 จวนท่านอ๋องเย่เลี้ยงดูไม่ดี
บทที่ 178 จวนท่านอ๋องเย่เลี้ยงดูไม่ดี
“ในเมื่อท่านอ๋องทายถูกแล้ว ยังจะให้หม่อมฉันพูดอีกหรือเพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นถาม
หนานกงเย่ถามกลับ “มีวิธีอย่างนั้นหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า แต่ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ท่านอ๋องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ?” เธอก็แต่พยักหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดว่าเป็นอย่างไร เขารู้ได้อย่างไรกัน
“ไม่รู้ แต่เกี่ยวข้องกับเขา และมีส่วนเกี่ยวข้องมาถึงอวิ๋นอวิ๋น ถึงอย่างไรข้าก็รู้ได้ ข้ายังไม่โง่เขลาเช่นนั้น” หนานกงเย่หันกลับมาจับมือของฉีเฟยอวิ๋น และใช้มือเช็ดเหงื่อในมือของฉีเฟยอวิ๋น แต่ฉีเฟยอวิ๋นรู้ดีว่าไม่ใช่เหงื่อของเธอ แต่เป็นเหงื่อของหนานกงเย่
อาอวี่ติดตามอยู่ข้างหลังไม่ไกลนัก หนานกงเย่หันหลังเหลือบมอง และอาอวี่ก็หายไป
บนท้องถนนมีผู้คนน้อยลง และทั้งสองคนกำลังเดินอยู่ใต้ต้นไม้หลากสี
ในที่สุดหนานกงเย่ก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป “เรื่องมันเป็นอย่างไรหรือ?”
“……” ฉีเฟยอวิ๋นยังคงลังเล อันที่จริงไม่พูดเขาก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เขาทายถูกเกือบทั้งหมด ที่เหลือก็จะรู้ได้หากตรวจสอบ
ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ว่ากัดฟันไม่พูดถึงดี หรือว่าพูดบอกออกมาตามตรงทั้งหมด
“ท่านอ๋อง ไปถามจักรพรรดิก็ได้เพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นอดกลั้นอยู่นานก่อนจะพูดออกมา
หนานกงเย่กุมมือแน่นและไม่ถามอะไรอีก
ทั้งสองเดินอยู่นานโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน และฉีเฟยอวิ๋นก็เห็นอวิ๋นหลัวฉวน
อวิ๋นหลัวฉวนกำลังเดินวนไปมาอยู่หน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เห็นท่าเช่นนั้นดูเหมือนอยากจะเข้าไปแต่ก็ไม่กล้า ช่างแปลกมาก
โดยมีตงเอ๋อร์พูดอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไร
เมื่อเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นหยุดเดิน หนานกงเย่ก็ปล่อยมือลง ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองเขาและหนานกงเย่กล่าว “ข้ามีธุระ ให้อาอวี่ติดตามเจ้าไป”
เมื่อพูดจบก็จากไป ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและมองไปที่มือที่ถูกปล่อยลง
แต่ฉีเฟยอวิ๋นยังคงรู้สึกพอใจ เกิดในตระกูลราชวงศ์ อารมณ์ก็จะเย็นชาแตกต่างจากคนทั่วไป แต่หากไม่มีความอบอุ่นเลย อันที่จริงเธอก็ไม่กลัว
อย่างน้อยเขาก็มีความรู้สึก เมื่อก่อนเขาดูไม่จริงจัง แต่วันนี้ได้เห็นแล้ว
เมื่อเห็นเขาเดินไปไกล ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบไปมองอาอวี่
แม้ว่าจะกังวล แต่ก็ยังหันกลับมาและมองไปที่สองนายหญิงและบ่าวที่อยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยม
ยืนอยู่พักหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินเข้าไปหาอวิ๋นหลัวฉวน เพื่อต้องการดูว่าอวิ๋นหลัวฉวนทำอะไร
“จวิ้นจู่ พวกเราไม่มีเงิน กลับกันเถอะเจ้าค่ะ” ตงเอ๋อร์กล่าวอย่างช่วยไม่ได้
อวิ๋นหลัวฉวนปฏิเสธ “ยังมีเหลืออีกนิดหน่อยไม่ใช่หรือ?”
ตงเอ๋อร์รีบคว้าถุงผ้าออกมา “จวิ้นจู่ ถึงแม้ตำแหน่งจวิ้นจู่จะเป็นท่านฮูหยินหลวง แต่เงินตำลึงนั้นก็ถูกส่งไปที่จวนท่านอ๋องตวนทั้งหมด และตอนนี้พวกเราไม่สามารถไปหาท่านอ๋องตวนเพื่อขอตั๋วเงินได้ และก็ไม่สามารถยื่นมือขอตั๋วเงินกับจวนกั๋วกงได้ ส่วนเงินตำลึงที่เหลือเพียงน้อยนิดก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน บ่าวรู้ว่าจวิ้นจู่ต้องการดื่มเหล้าสักนิดเพื่อผ่อนคลายความเครียด แต่บ่าวให้ไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ จวิ้นจู่อดทนไว้นะเจ้าคะ พวกเรากลับกันเถอะ ขอที่จวนท่านอ๋องเย่สักหน่อย พวกเขาก็คงให้ได้เจ้าค่ะ”
ตงเอ๋อร์กล่าวเพื่อต้องการปกป้องเจ้านาย ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้ามาก จวนท่านอ๋องเย่ก็ไม่มีเงินตำลึงเลย!
“หยุดพูดกับข้าเรื่องพวกนี้ จวนท่านอ๋องเย่ก็เกือบไม่เหลืออะไรแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ทุกคนต่างก็บริจาคเงินตำลึง จวนท่านอ๋องเย่ก็บริจาคไปไม่น้อย ช่วงนี้ต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด ก็มีเพียงแค่เรือนของเราที่ยังจัดอาหารอย่างไม่ขาด
เดิมทีแค่ครั้งสองครั้งก็ถือว่าได้อยู่ แต่เมื่อนานไป พวกเรามีคนมาก กินดื่มไปเท่าไร?
ยังจะกลับไปอีก ข้าไม่กลับไปหรอก
และยังมีอีก ไปบอกคนที่จวนกั๋วกงว่าช่วงนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี ใครก็ตามห้ามมาหาข้าที่จวนท่านอ๋องเย่ หากมาตอนที่ข้าอารมณ์ไม่ดี สามารถทำร้ายใครโดยไม่สนใจทั้งนั้น”
สายตาของฉีเฟยอวิ๋นเป็นประกายขึ้น อวิ๋นหลัวฉวนถึงแม้จะดูไร้ความกังวล แต่จริงๆ แล้วนางก็รู้จักคิด
เมื่อฟังนายและบ่าวคุยกัน ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินเข้าไปหา
“ท่านพี่เสียนเฟย” เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋น อวิ๋นหลัวฉวนก็รู้สึกประหลาดใจ
“เมื่อสักครู่ทะเลาะกับท่านอ๋องเล็กน้อย จึงออกมาเดินเล่น ข้าอยากกินเหล้า ทำไมพวกเจ้าถึงอยู่ที่นี่หรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นถาม
ดวงตาของตงเอ๋อร์เป็นประกาย “จวิ้นจู่ก็ต้องการดื่มเหล้า แต่น่าเสียดาย……”
ถึงแม้อวิ๋นหลัวฉวนจะอายุยังน้อย แต่นางก็มีจิตใจที่กล้าหาญ
จวินฉูฉู่และอวิ๋นหลัวฉวนจะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร?
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองไปที่ตงเอ๋อร์ “อาอวี่ เจ้าดูนางไว้ ข้าจะเข้าไปดื่มเหล้าให้เมากับพระชายารองอวิ๋น”
เมื่อพูดจบ ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม ตงเอ๋อร์ต้องการจะเดินตามเข้าไปแต่ถูกอาอวี่ขวางเอาไว้
โรงเตี๊ยมมีขนาดเล็ก และมีคนน้อย
เมื่อเข้ามาข้างใน ฉีเฟยอวิ๋นก็หาสถานที่เพื่อเข้าไปนั่ง
อวิ๋นหลัวฉวนเรียกให้เสี่ยวเอ้อร์นำเนื้อวัวอบใส่เครื่องเทศ ไก่แช่เหล้า ผัดเครื่องในและถั่วลิสงมา
เหล้าก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้ามาเห็นอวิ๋นหลัวฉวนจึงเดินเข้าไปหาและนั่งลงเพื่อดูอวิ๋นหลัวฉวนเทเหล้าดื่ม
“เจ้าต้องการดื่มเหล้า หรือว่าต้องการดื่มเหล้าเพื่อบรรเทาทุกข์หรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นยกจอกเหล้าขึ้นมาดมอยู่ครู่หนึ่งและวางลง
ฉีเฟยอวิ๋นทำอะไรไม่ได้ เพราะร่างกายของเธอไม่สามารถดื่มเหล้าได้
เธอต้องใช้ชีวิตต่อไปในร่างนี้ แต่มีหลายอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไม่ได้
เธอคนเดิมนั้น ดื่มเหล้าได้เป็นพันจอกโดยไม่เมา
แต่ร่างกายในตอนนี้ อย่าพูดถึงจอกเลย วัดจากหยดเหล้าจะดีกว่า
อวิ๋นหลัวฉวนไม่ได้คะยั้นคะยอให้เธอดื่ม นางดื่มเองหนึ่งจอก และคีบเนื้อวัวหนึ่งชิ้น ดูเหมือนว่าจะอื่มเหล้าได้ไม่เลว
“จวนท่านอ๋องขาดแคลนตั๋วเงิน ข้าเลยรู้สึกไม่ดีที่ต้องกินเนื้อสัตว์ทุกวัน จึงออกมากินอาหารมื้อใหญ่ข้างนอก” อวิ๋นหลัวฉวนเป็นคนจริงใจ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกยกย่องอย่างมาก
“ไม่ใช่เป็นเพราะท่านอ๋องตวนแล้วมาดื่มเหล้าบรรเทาทุกข์ก็ดีแล้ว” ฉีเฟยอวิ๋นหยิบตะเกียบขึ้นและคีบเนื้อวัวหนึ่งชิ้นเข้าปาก และกินอย่างเอร็ดอร่อย
อวิ๋นหลัวฉวนหัวเราะ “เพื่อผู้ชายไม่คุ้มค่า”
“ก็ใช่”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุข แต่ฉีเฟยอวิ๋นกลับคิดไม่ถึงว่า การดื่มเหล้าของอวิ๋นหลัวฉวนนั้นไม่ดี นางดื่มไปได้ไม่นานก็เมาแล้ว
เมื่อเห็นอวิ๋นหลัวฉวนเมาหลับลงกับโต๊ะ ฉีเฟยอวิ๋นจึงรู้สึกอดเห็นใจไม่ได้
เธอลุกขึ้นไปตามอาอวี่ เพื่อให้อาอวี่เข้ามาช่วย ไม่คิดเลยว่าอาอวี่ไม่ได้รออยู่ที่หน้าประตู และก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน
ประมาทเลินเล่อต่อหน้าที่เช่นนี้ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเป็นกังวลแทนอาอวี่
หากทำให้หนานกงเย่รู้ เขาคงต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน
ฉีเฟยอวิ๋นหาอาอวี่ไม่เจอ จึงทำได้เพียงกลับไปก่อน แต่เธอหันกลับไปเห็นท่านอ๋องตวนและอีกคนหนึ่งเดินมาพร้อมกัน
เมื่อนึกถึงเรื่องของอวิ๋นหลัวฉวน ฉีเฟยอวิ๋นจึงไม่ได้พูดออกไป ประเดี๋ยวอาอวี่ก็คงกลับมา
“พระชายาเย่”
ไม่รอให้ฉีเฟยอวิ๋นจากไป คนที่เดินมาพร้อมกับท่านอ๋องตวนก็ทักขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นจึงต้องหยุดลง ท่านอ๋องตวนก็เงยหน้าขึ้นมองฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นรอโดยไม่ได้เดินออกไป เมื่อท่านอ๋องตวนและคนอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ฉีเฟยอวิ๋นก้มตัวโค้งคำนับ “ท่านอ๋องตวน”
“ผอมลงแล้วหรือ?” ท่านอ๋องตวนทักขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
คำกล่าวทักทาย?
“พระชายาเย่” อีกคนหนึ่งมองมาที่ฉีเฟยอวิ๋นและพยักหน้า
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่อีกฝ่าย เธอไม่รู้จัก ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่มีคนคนนี้
“พระชายาอาจจะลืมข้าไปแล้ว เราเคยเจอกันมาก่อน” อีกฝ่ายอายุประมาณยี่สิบเศษๆ ดูเหมือนจะรุ่นราวคราวเดียวกับท่านอ๋องตวน หน้าตาก็ไม่เลว คิ้วดกตาเฉี่ยว รูปร่างสูงโปร่ง
ดูจากใบหน้าแล้วไม่ใช่คนธรรมดา แต่งกายด้วยเสื้อสีฟ้าและพูดจาสุภาพ
“ข้าลืมไปแล้ว ขอโทษด้วย” ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่อีกฝ่ายและกล่าวคำขอโทษ
“เขาคือญาติทางสายเลือดของจักรพรรดิ หนานกงเซวียนเฉิน พวกเจ้าเคยเจอกันก่อนหน้านี้ ได้ยินมาว่าเจ้าแต่งงานกับท่านอ๋องเย่แล้ว เขาควรเรียกเจ้าว่าอย่างไร?” ดูจากท่าทางของฉีเฟยอวิ๋นแล้ว เธอก็ไม่รู้ ท่านอ๋องตวนแนะนำ
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า “จงชินอ๋อง”
ชินอ๋องก็คือลูกชายของพี่น้องของอดีตจักรพรรดิ
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกมึนงงเล็กน้อย จงชินอ๋อง?
ตระกูลไหน?
เป็นเพราะพี่น้องของอดีตจักรพรรดิมีเยอะเป็นจำนวนมาก แปดเก้าสิบก็ยังไม่จบสิ้น เพราะจำนวนพี่น้องเยอะทำให้ฉีเฟยอวิ๋นจำแทบไม่ได้ ที่ยังไม่เจอก็มีเป็นจำนวนมาก
“พระชายาเย่ทำอะไรอยู่ที่นี่หรือ?” ท่านอ๋องตวนมองไปรอบๆ ที่ไม่มีผู้คน และนึกถึงหนานกงเย่ที่ดูแลเอาใจใส่ฉีเฟยอวิ๋นก็ยิ่งแปลกใจ
ฉีเฟยอวิ๋นทำตัวไม่ถูก “ข้า……”
“ท่านพี่เสียนเฟย”
ยังไม่ทันที่ฉีเฟยอวิ๋นจะพูดจบ เสียงของอวิ๋นหลัวฉวนในโรงเตี๊ยมก็ดังออกมา
ท่านอ๋องตวนขมวดคิ้วเล็กน้อย และหันมองไปในโรงเตี๊ยม เสียงผิดไปอย่างเห็นได้ชัด
ฉีเฟยอวิ๋นปิดบังต่อไปไม่ได้อีกต่อไป
ท่านอ๋องตวนมองไปที่อวิ๋นหลัวฉวนเดินโซซัดโซเซหน้าแดงก่ำออกมาจากโรงเตี๊ยม และยืนเรออยู่หน้าโรงเตี๊ยม
“ท่านพี่เสียนเฟย ข้าไม่ได้นำตั๋วเงินมา ท่านพี่เสียนเฟยเรียกตงเอ๋อร์มาหาข้าหน่อย” อวิ๋นหลัวฉวนเซไปเซมาจนเกือบจะล้มลง ท่านอ๋องตวนก้าวเข้าไปและประคองอวิ๋นหลัวฉวนไว้
เรือนร่างของอวิ๋นหลัวฉวนเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า แต่ก็ยังผสมไปด้วยกลิ่นหอมของผู้หญิง
ท่านอ๋องตวนรู้สึกหงุดหงิดและหันไปหาฉีเฟยอวิ๋นอย่างเย็นชา “พระชายาเย่ เจ้ารู้ไหมว่าพาพระชายารองอวิ๋นออกมาดื่มเหล้าต้องได้รับโทษ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้สนใจ “ไม่รู้”
“…… ข้าจะไม่ยอม”
ท่านอ๋องตวนอุ้มอวิ๋นหลัวฉวนขึ้นและเดินออกไป ที่นี่อยู่ห่างจากจวนท่านอ๋องเย่ไม่ไกลนัก จึงไปที่จวนอ๋องเย่
ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามหลังไปพร้อมกับจงชินอ๋อง
จงชินอ๋องเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายและชอบยิ้มหัวเราะ
แต่ก็ไม่พูดจาพร่ำเพรื่อไร้สาระ
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้นับว่าไม่เลว
เมื่อกลับมาถึงเรือนจู๋อวิ๋นไจที่เรือนหลังของจวนท่านอ๋องเย่ ฉีเฟยอวิ๋นเรียกให้คนจัดเตรียมน้ำแกงหนึ่งถ้วยมาให้อวิ๋นหลัวฉวนทานเพื่อให้มีสติ เมื่อทานน้ำแกงเข้าไปอวิ๋นหลัวฉวนเริ่มพลิกตัวไปมา นอนลงก็รู้สึกไม่สบายตัว
ท่านอ๋องตวนเดินไปมาอยู่ในห้อง และนั่งลงมองไปที่อวิ๋นหลัวฉวน
ฉีเฟยอวิ๋นยกน้ำชาเข้ามาและนั่งอยู่กับจงชินอ๋องข้างนอก
“แจ้งให้ท่านอ๋องทราบหรือยัง?” ฉีเฟยอวิ๋นถามลี่ว์หลิ่วที่อยู่ข้างนอก ลี่ว์หลิ่วตอบกลับมาว่าแจ้งแล้ว แต่ไม่รู้ว่าท่านอ๋องไปไหนแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นยกชาขึ้นมาดื่ม “ช่วงนี้ท่านอ๋องยุ่งอยู่กับเรื่องเขื่อนตู้ฟางจุน จึงทำให้ตารางการทำงานไม่แน่ชัดนัก คาดว่าคงไปที่นั่นแล้ว”
“ข้ามาอย่างกะทันหัน ไม่เป็นไรหรอก” จงชินอ๋องกล่าวและมองออกไปข้างนอก “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน”
“ออกไปส่งจงชินอ๋อง”
ฉีเฟยอวิ๋นส่งจงชินอ๋องถึงหน้าประตู จงชินอ๋องกำลังจะขึ้นรถม้าแต่ก็มองเห็นรถม้าของหนานกงเย่กำลังหยุดลง
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่รถม้า คาดว่าน่าจะกลับมาจากวังหลวง
เมื่อลงจากรถม้าหนานกงเย่คิดจะเดินเข้าประตูมา เมื่อเห็นจงชินอ๋องก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง “จงชินอ๋องกลับมาแล้วหรือ?”
จงชินอ๋องยิ้มอย่างขมขื่น “หากไม่กลับมาเกรงว่าจะได้แต่งงาน”
“……น่าจะแต่งงานได้ตั้งนานแล้ว”
หนานกงเย่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นและถามจงชินอ๋อง “ภรรยาของข้า”
“เจอกันแล้ว พระชายาเย่มีนิสัยอ่อนโยน ไม่เหมือนกับที่ร่ำลือในอดีต” จงชินอ๋องกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้า ทำไมทุกคนต้องหยิบยกเรื่องของเธอมาพูด?
“นิสัยอ่อนโยนของนางนั้นเป็นเพียงภายนอก เมื่อรู้จักกันไปนาน ข้าก็ไม่รู้ว่านิสัยอ่อนโยนเขียนอย่างไรแล้ว” น้ำเสียงของหนานกงเย่ขุ่นเคือง ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกสงสัย หรือเพราะมีเรื่องไม่สบายใจจากในวัง?
“ที่ไหนกัน?” จงชินอ๋องหัวเราะออกมา
หนานกงเย่เหลือบมองเข้าไปในจวนด้วยความแปลกใจ “มาหาข้าหรือ?”
“ก็ไม่เช่นนั้น ไปพบพระชายารองอวิ๋นที่ข้างนอกเข้า ข้าเลยติดตามอ๋องตวนมาที่นี่” จงชินอ๋องอธิบาย หนานกงเย่จึงเชิญจงชินอ๋องเข้ามา
เดิมที่คนที่จะกลับไปก็เดินตามเข้ามาในจวน
หลังจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็สั่งให้จัดเตรียมสำรับอาหาร โดยมีท่านอ๋องตวนและจงชินอ๋องอยู่ร่วมรับประทานอาหาร
ก่อนที่อวิ๋นหลัวฉวนจะตื่น ท่านอ๋องตวนเฝ้าดูแลนางตลอด เมื่อยืนอยู่ที่ข้างเตียงท่านอ๋องตวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพียงเวลาสั้นๆ ครึ่งเดือนเศษที่ไม่ได้เจอกัน ดูเหมือนจะสูงขึ้น ใบหน้ากลมๆ ก็เปลี่ยนเป็นหน้ารูปไข่
จะบอกว่าผอมก็ไม่ผอม แต่ก็ไม่อ้วนแล้ว
ท่านอ๋องตวนไม่สามารถระงับความโกรธได้ นางชอบกินเนื้อสัตว์ คงเป็นเหมาะได้รับการเลี้ยงดูไม่ดีจากจวนท่านอ๋องเย่อย่างแน่นอน
บทที่ 177 ราวกับเข็มทิ่มแทงจิตใจ