องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 183 ได้รับพระบัญชามาจากฝ่าบาท
บทที่ 183 ได้รับพระบัญชามาจากฝ่าบาท
“ท่านนอนลงก่อน”
อวิ๋นหลัวฉวนลุกขึ้นไปรินน้ำ และกลับมาฉีกเสื้อผ้า นางหยิบผ้าออกมาแล้วจุ่มลงในน้ำ จากนั้นก็เช็ดให้อ๋องตวน อ๋องตวนหลับตาลงและไม่พูดอะไร
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นมาถึง บนพื้นก็สกปรกมาก
จวินฉูฉู่ยืนอยู่อย่างโง่เขลา
“ข้าขอดูหน่อย” เมื่อเดินมาถึงข้างหน้าอ๋องตวน ฉีเฟยอวิ๋นก็จับข้อมือของเขาและเริ่มใช้สมาธิ
“ใครให้เจ้าดื่มน้ำ?” ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอ๋องตวนอย่างไม่สบอารมณ์ และไม่ได้อะไรสนใจมากนัก ถึงอย่างไรก็ยังไม่สิ้นหวัง
ฉีเฟยอวิ๋นใส่ยาลูกกลอนเข้าไปในปากของอ๋องตวน และมองไปที่อวิ๋นหลัวฉวน:“เจ้ามาดูแลท่านอ๋องตวน ข้าจะไปเตรียมยา วันนี้ข้าไม่มีเวลามาแล้ว”
“ท่านพี่เสียนเฟยไปเถอะ”
อวิ๋นหลัวฉวนไม่ไว้ใจจวินฉูฉู่ ดูจากสีหน้าของพระมเหสีหวาแล้ว นางคงจะไม่ละเลยอ๋องตวน
หงเถาเก็บของและเช็ดทำความสะอาดก่อนที่จะจากไป
อวิ๋นหลัวฉวนนั่งลงและเหลือบมองจวินฉูฉู่ ร่างกายของนางก็สกปรกเช่นกัน
“ท่านกลับไปก่อนเถอะ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยกลับมาที่นี่ ร่างกายของท่านเพิ่งจะดีขึ้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า” อวิ๋นหลัวฉวนพูดด้วยความอึดอัดใจ และรู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย
จวินฉูฉู่มักจะได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมาก แต่ในวันนี้กลับรู้สึกหวาดกลัว
อวิ๋นหลัวฉวนดูถูกนาง
จวินฉูฉู่มองไปที่อ๋องตวน และเดินไปข้าง ๆ เขา:“ท่านอ๋อง ทรงหลับแล้วหรือเพคะ?”
อ๋องตวนไม่ตอบสนอง และจวินฉูฉู่ก็ลูบศีรษะของเขา
“ข้าจะกลับก่อน ฝากพระชายารองอวิ๋นดูแลท่านอ๋องด้วย ข้าไปแล้วจะรีบกลับมา”
อวิ๋นหลัวฉวนไม่พูดอะไร และจวินฉูฉู่ก็หันหลังเดินออกไป
หลังจากที่นางออกไปแล้ว อวิ๋นหลัวฉวนก็ลืมถามฉีเฟยอวิ๋นเรื่องตงเอ๋อร์ว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้างหรือไม่
ฉีเฟยอวิ๋นเขียนรายการ ห้ามทานอาหาร หากกระหายน้ำให้ใช้ผ้าสะอาดจุ่มน้ำแล้วซับลงบนริมฝีปากของอ๋องตวน
อ๋องตวนตื่นขึ้นมาหลายครั้ง อวิ๋นหลัวฉวนจ้องมองไปที่เขาอยู่ตลอดเวลา
แต่หลังจากรอมาทั้งวัน จวินฉูฉู่ก็ไม่มา
อวิ๋นหลัวฉวนไม่ได้สนใจ ไม่มาก็ดี เห็นหญิงที่เสแสร้งผู้นั้นแล้วก็รู้สึกรำคาญ
เมื่ออ๋องตวนฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาก็ถามหาจวินฉูฉู่ อวิ๋นหลัวฉวนกลัวว่าเขาจะเสียใจ จึงไม่ได้พูดอะไร
จนกระทั่งมืด คนในจวนอ๋องตวนก็มาบอกว่าจวินฉูฉู่ป่วย ไข้สูงไม่ลดและมาไม่ได้แล้ว
อ๋องตวนมองไปที่ประตู เขาสั่งว่าให้ดูแลพระชายาเป็นอย่างดี และไล่ให้คนผู้นั้นไป
ฉีเฟยอวิ๋นมาตอนดึกและฉีดยาให้อ๋องตวน นางพบว่าจวินฉูฉู่ไม่ได้อยู่ที่นี่
นางหันมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบจวินฉูฉู่ จึงถามว่า:“พระชายาตวนล่ะ?”
“พระองค์ป่วยและพักฟื้นอยู่ที่จวนอ๋องตวน คนรับใช้มาบอกเพคะ” สีหน้าของหงเถาดูไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่ากลัวจะสกปรก และไม่อยากปรนนิบัติ จึงรีบหนีไป
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบอ๋องตวนที่อยู่บนเตียง นางอยากจะหัวเราะและถือโอกาสพูดว่าสมน้ำหน้า
แต่เกรงว่าจะส่งผลต่อกระทบต่อการฟื้นตัวของอ๋องตวน นางจึงไม่อยากพูด
“นี่เป็นห้องที่ข้าพักอาศัยอยู่ ท่านอ๋องต้องเปลี่ยนสถานที่เพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่เกรงใจ และต้องการไล่ออกไป
อวิ๋นหลัวฉวนลุกขึ้น:“ท่านพี่เสียนเฟย หากเปลี่ยนสถานที่ในตอนนี้ แล้วถ้าเกิดท่านอ๋องตวนทรงได้รับบาดเจ็บล่ะเพคะ ?”
“เขาไม่ตายหรอก อย่างมากก็แค่ได้รับความลำบาก” ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจ
อวิ๋นหลัวฉวนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องไปพร้อมกับอ๋องตวน
เมื่อมาถึงจู๋อวิ๋นใจ อวิ๋นหลัวฉวนก็ดูแลอ๋องตวนด้วยตนเอง
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปที่จู๋อวิ๋นใจสามครั้งต่อวัน หลังจากเห็นว่าไม่เป็นอะไรแล้ว นางก็ออกไปและไม่ได้อยู่นานนัก
ไม่นานจวนอ๋องเย่ก็กลับมาเป็นปกติ
นอกจากฉีเฟยอวิ๋นจะเป็นกังวลเรื่องของจักรพรรดิอวี้ตี้แล้ว นางก็ยังคิดว่าใครเป็นคนทำร้ายอ๋องตวน
หลังจากพักอยู่สองวัน ฉีเฟยอวิ๋นก็ตามหนานกงเย่เข้าไปในวัง หลังจากเข้าใจสถานการณ์ของอ๋องตวนแล้ว หนานกงเย่ก็ไม่อยากจากไป
“กระหม่อมมีเรื่องจะทูลถามฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” หนานกงเย่ไม่ยอมจากไป
จักรพรรดิอวี้ตี้ยืนขึ้นและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง:“เรื่องอะไร?”
“พระวรกายของฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?” หนานกงเย่เงยหน้าขึ้น ไม่มีท่าทีของข้าราชบริพาร แต่ดูเหมือนพี่น้อง
จักรพรรดิอวี้ตี้เดินลงบันไดมายืนอยู่ตรงหน้าหนานกงเย่ด้วยความประหลาดใจ:“สมองของเจ้ามีปัญหาหรือไม่?เกิดเรื่องขึ้นกับอ๋องตวน ข้ายังไม่ได้จัดการความผิดของเจ้าเลย เจ้ายังจะมาถามข้าอีกหรือ?”
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมถามถึงพระวรกายของฝ่าบาท” หนานกงเย่ไม่ประนีประนอม
ฉีเฟยอวิ๋นยืนอยู่ข้าง ๆ และก้มหน้าลง
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง
เป็นเรื่องของพวกเขาสองพี่น้อง
จักรพรรดิอวี้ตี้เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่:“ร่างกายของข้าเป็นอะไรหรือ?”
“พระวรกายของฝ่าบาทเป็นอะไร ฝ่าบาทย่อมรู้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” หนานกงเย่ยังคงยืนกราน
จักรพรรดิอวี้ตี้ขบขัน:“มีคนมาถวายฎีกาแล้ว เพราะสงสัยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับอ๋องตวนเกี่ยวข้องกับเจ้า วันนี้เจ้าคงไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงก่อน และคิดจะระงับเรื่องนี้หรอกนะ?”
“ฝ่าบาทเพียงแค่บอกกระหม่อมว่าพระวรกายของพระองค์เป็นอะไรหรือไม่?” หนานกงเย่ไม่ฟังและยืนกราน
ฉีเฟยอวิ๋นยิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าจักรพรรดิอวี้ตี้เป็นจักรพรรดิที่ไร้เหตุผล และไม่มีอะไรเลยที่เขาสามารถตัดสินใจเองได้
ตนเองเจ็บป่วยก็ให้หนานกงเย่ไปคอยควบคุมเหล่าขุนนาง
“ข้าต้องบอกอะไรเจ้า ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดอะไร ดูเหมือนว่าช่วงนี้เจ้าจะว่างเกินไป เลอะเทอะ!……… ทหาร นำตัวอ๋องเย่ไปขังคุก แล้วให้เขาพิจารณาตัวเองอยู่ในนั้น”
“พ่ะย่ะค่ะ”
มีคนจะเข้ามาจับตัวหนานกงเย่ลง ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบขอร้องในทันที:“ฝาบาท ท่านอ๋องเย่ทรง……”
“เจ้าไม่ต้องพูด” ฉีเฟยอวิ่นเงียบในทันที สีหน้าของหนานกงเย่มืดมน
เมื่อคนที่ต้องการจะเข้ามาใกล้ เห็นสายตาของหนานกงเย่ พวกเขาก็ถอยกลับไป
หนานกงเย่หันหลังเดินออกไป
สีหน้าของฉีเฟยอวิ๋นดูงุนงง เขาจะจากไปเช่นนี้เลยหรือ มันเกิดอะไรขึ้น?
เมื่อเขาจากไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ขอร้อง:“ฝ่าบาทเพคะ เรื่องนี้……”
“ตรวจดูอาการให้ข้าหน่อย เมื่อคืนข้าออกจากห้องบรรทมแล้วไปที่อื่น” จักรพรรดิอวี้ตี้ยื่นมือออกไป ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้ารอช้าและรีบตรวจชีพจรให้จักรพรรดิอวี้ตี้ในทันที หลังจากใช้สมาธิตรวจดูแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกว่าพิษของจักรพรรดิอวี้ตี้รุนแรงมากขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยข้อมือของจักรพรรดิอวี้ตี้ สีหน้าของนางซีดเซียว
ทำอย่างไรดี?
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
จักรพรรดิอวี้ตี้ถามฉีเฟยอวิ๋น และฉีเฟยอวิ๋นก็อ้าปากค้าง:“ฝ่าบาท ยาของหม่อมฉันไม่สามารถระงับได้เพคะ”
“งั้นหรือ?”
จักรพรรดิอวี้ตี้หันหลังและเดินขึ้นบันไดไป เขาเดินขึ้นไปพลางและกุมมือไปพลาง
ฉีเฟยอวิ๋นมองดู:“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันหมดหนทางแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากที่จะเห็นจักรพรรดิอวี้ตี้ตายไปเช่นนี้ นางไม่รู้ว่าจะอธิบายกับหนานกงเย่อย่างไร
จักรพรรดิอวี้ตี้เดินไปที่ด้านบนสุด แล้วนั่งลงบนบัลลังก์ จากนั้นก็มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“น่าประหลาดใจจริง ๆ ข้ากินพิษนี้เข้าไปได้อย่างไร?”
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึง:“ใช่เพคะ!”
“อวิ๋นอวิ๋น ข้าต้องการให้อ๋องเย่ไปตรวจสอบคดีของจงชินอ๋อง เหตุการณ์ของอ๋องตวนทำให้เหล่าราชนิกุลตกใจ พวกเขาล้วนแต่หวาดกลัวเสด็จแม่ ในเวลานี้จุดประสงค์ของพวกเขาคือการลดอำนาจของเสด็จแม่ลง ข้าจึงทำได้เพียงคุมขังอ๋องเย่ไว้ชั่วคราว
ส่วนเจ้า เจ้าอธิบายเรื่องของอ๋องตวนมาให้ชัดเจน แล้วเข้าวังมาเพื่อตรวจสอบเรื่องพิษในทันที”
ฉีเฟยอวิ๋นออกมาจากในวังด้วยความคิดมาก และเมื่อกลับไปถึงจวนอ๋องเย่ พระราชโองการก็มา
ในนามของวังทั้งสองตำหนักเรียกตัวฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในวังเพื่อดูแลครรภ์ ส่วนหนานกงเย่ ฝ่าบาทไม่ได้กล่าวถึงและไม่มีใครรู้
ตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มจิ้งจอกหางสั้นและกำลังจะเข้าไปในวัง บนท้องถนนก็มีข่าวลือว่าหนานกงเย่กบฏ และถูกจักรพรรดิอวี้ตี้จับไปขังคุก!
หลังจากที่เข้าไปในวังแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปคารวะพระพันปีก่อน การคารวะครั้งนี้แตกต่างออกไป เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋น พระพันปีก็ขับไล่นางออกไป ฉีเฟยอวิ๋นถูกไห่กงกงพาตัวออกมาจากตำหนักเฉาเฟิ่ง เมื่อออกมาแล้ว ไห่กงกงก็มองไปรอบ ๆ แล้วกระซิบว่า:“เรื่องการล้มล้างราชนิกุล ทำให้เหล่าราชนิกุลเกิดความไม่พอใจและมีคนมาถวายฎีกา พระพันปีจึงไม่ได้รับแขกมาสองสามวันแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า และหยิบขวดเล็ก ๆ ออกมาให้ไห่กงกง:“นี่เป็นยาบำรุงหัวใจที่ข้าเตรียมมาให้เสด็จแม่ ต้องรบกวนไห่กงกงแล้ว
เสด็จแม่ทรงทราบว่าต้องใช้งานอย่างไร”
“พระชายาเย่ช่างใส่ใจจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นบ่าวกลับก่อน พระชายาเย่เดินทางปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”
ไห่กงกงกำลังจะจากไป ฉีเฟยอวิ๋นยังไม่วางใจ นางจึงหันกลับไปเรียกไห่กงกง และก้มลงมองจิ้งจอกหางสั้น:“กงกงพามันไปด้วย มันรู้ภาษาและเชื่อฟัง ให้มันคอยเฝ้าอยู่ข้างกายเสด็จแม่ หากในตอนกลางคืนกงกงง่วง มันจะได้ช่วยดูแลแทน”
ไห่กงกงมองจิ้งจอกหางสั้นที่อยู่ในอ้อมแขนของฉีเฟยอวิ๋น แม้ว่าเขาจะไม่ชอบมัน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องอุ้มมันเข้าไปในตำหนักแล้วมันก็คงจะเชื่อฟัง
“ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นก็ให้มันตามบ่าวไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ” ไห่กงกงกำลังจะอุ้มจิ้งจอกหางสั้น และมันก็เงยหน้าขึ้นอย่างไม่แยแส จากนั้นก็เดินไปเดินมา และไม่ยอมให้ไห่กงกงอุ้ม
ไห่กงกงดูหมดหนทาง:“เฮ้ ยังจะหยิ่งผยองอีก”
ไห่กงกงหัวเราะเหอะ ๆ ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“มันกินปลากินเนื้อ และต้องดิบ ๆ ไม่ต้องสนใจมันมากนัก หากหาไม่เจอก็ไม่ต้องหา แล้วมันจะออกมาเอง
เจ้าจิ้งจอกน้อย เจ้าอยู่ที่นี่นะ มีอะไรก็มาหาข้า”
จิ้งจอกหางสั้นกระดิกหู แสดงว่ามันตกลงแล้ว
จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็จากไป และจิ้งจอกหางสั้นก็เดินตามไห่กงกงไป
ฉีเฟยอวิ๋นมาคารวะจักรพรรดิอวี้ตี้ที่ตำหนักบำรุงฤทัย และจักรพรรดิอวี้ตี้ขอให้นางไปตรวจชีพจรให้ทั้งสองตำหนัก จากนั้นนางจึงตามไปที่ตำหนักเฟิ่งอี๋ของฮองเฮา และพักอยู่ที่ตำหนักด้านข้างของตำหนักเฟิ่งอี๋
“พระชายาเย่ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบถูกควบคุม ข้าสามารถปล่อยให้เจ้าเดินไปไหนมาไหนในวังได้ แต่เจ้าต้องรู้จักขอบเขต และอย่าเพิ่มปัญหาให้กับข้า เจ้ารู้หรือไม่?” จักรพรรดิอวี้ตี้นั่งข้าง ๆ ฮองเฮาเฉินอวิ๋นชู และกล่าวอย่างราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเหี่ยวเฉา
เฉินอวิ๋นชูดึงมือของจักรพรรดิอวี้ตี้:“ฝ่าบาท เป็นเรื่องยากที่พระชายาเย่จะเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนหม่อมฉันในวัง ฝ่าบาทตรัสให้น้อยลงได้หรือไม่เพคะ?”
จักรพรรดิอวี้ตี้จับมือของเฉินอวิ๋นชู:“ข้ารู้แล้ว”
จักรพรรดิอวี้ตี้เหลือบมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นและโบกมือ:“ออกไปเถอะ”
“หม่อมฉันทูลลาเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นถอยออกไปและกลับไปนั่งที่ตำหนักด้านข้าง
ไม่มีใครเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู และฉีเฟยอวิ๋นก็นั่งอยู่ด้านในสักพัก นางออกมาจากตำหนักด้านข้างและเดินเตร่อยู่ในวัง
ตำหนักเฟิ่งอี๋ให้เวลาฉีเฟยอวิ๋นไม่ถึงหนึ่งชั่วยามและให้นางไปตรวจดูอีกรอบ นางไม่ได้พูดอะไร คนที่เดินผ่านไปมาต่างโค้งคำนับและช่วยลดปัญหาได้มาก
หลังจากที่ออกจากมาจากตำหนักเฟิ่งอี๋แล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปคารวะพระมเหสีหวาที่ตำหนักหวาหยาง
พระมเหสีหวาอยากจะสอบถามเรื่องของอ๋องตวนอยู่พอดี เมื่อได้ยินว่าฉีเฟยอวิ๋นจะมาที่นี่ นางก็ดีใจมาก และแน่นอนว่าต้องต้อนรับเป็นอย่างดี
“อวิ๋นอวิ๋น รีบเข้ามานั่งสิ หากเจ้าไม่มาข้าก็จะให้คนไปเชิญเจ้า” พระมเหสีหวาเรียกฉีเฟยอวิ๋นเข้าไป และตบลงเก้าอี้ข้าง ๆ นาง เพื่อบอกใบ้ให้ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลง
เดิมทีนางไม่ชอบฉีเฟยอวิ๋น แต่ฉีเฟยอวิ๋นช่วยชีวิตบุตรชายของนางไว้ แม้ว่าพระมเหสีหวาจะสับสน แต่นางก็ไม่แสดงสีหน้าให้ฉีเฟยอวิ๋นเห็น
แน่นอนว่าฉีเฟยอวิ๋นรู้ดี แต่นางได้รับพระบัญชามาจากฝ่าบาทและนางไม่สนใจว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับใคร
ฉีเฟยอวิ๋นถอนสายบัว:“คารวะพระมเหสีหวาเพคะ”
“ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง มานั่งตรงนี่สิ” พระมเหสีหวาเชิญให้ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลง
“ขอบพระทัยพระมเหสีเพคะ หม่อมฉันยืนดีกว่า วันนี้หม่อมฉันมากราบทูลเรื่องอ๋องตวนเพคะ”
“อ้อ?แล้วอ๋องตวนเป็นอย่างไรบ้าง?” พระมเหสีหวารีบถาม และฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกเห็นใจมาก
อันที่จริงแล้วคนที่อยู่ในวังล้วนแต่ไม่มีอิสระ ดูเหมือนว่าจะมีอำนาจล้นฟ้า แต่แท้จริงแล้ว พวกเขาเป็นเพียงคนที่น่าสงสาร
เช่นเดียวกับพระมเหสีหวา แม้แต่อยากเจอบุตรชายของตนเองก็ไม่สามารถทำได้
บุตรชายได้รับบาดเจ็บสาหัส และทำได้เพียงอยู่นอกวัง
แต่อยู่นอกวัง ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่วางใจ
หากมีอะไรผิดพลาด ทุกอย่างที่ทำมาก็จะสูญเปล่า
“ท่านอ๋องตวนทรงดีขึ้นแล้วเพคะ ขอเพียงแค่รักษาตามวิธีการของหม่อมฉัน ไม่เกินครึ่งเดือนก็จะพ้นจากอันตรายเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันกังวลว่า……” ฉีเฟยอวิ๋นลังเล
พระมเหสีหวาถามในทันที:“อะไรรึ ?”
“ทูลพระมเหสีเพคะ บาดแผลภายนอกอาจเกิดบาดทะยักได้ง่าย หากติดเชื้อก็อาจจะทำให้มีไข้สูงได้ หม่อมฉันไม่อยู่ บรรดาหมอประจำจวนก็ช่วยเหลือไม่ได้เลย หม่อมฉันกังวลว่าอาการบาดเจ็บของท่านอ๋องตวนจะยิ่งสาหัสเพคะ
ยังหาผู้ที่ลอบสังหารท่านอ๋องตวนไม่พบ แม้ว่าจงชินอ๋องจะถูกจับกุม แต่ก็ไม่มีหลักฐาน
หากเป็นเช่นนั้น จับได้แล้วได้ก็จบปัญหา
แต่หากไม่ใช่ก็คงจะยุ่งยากแล้วเพคะ
หากผู้ที่ลอบสังหารไม่ตายใจแล้วกลับมา ลำพังแค่พระชายารองอวิ๋นเพียงคนเดียว คงจะไม่สามารถปกป้องท่านอ่องตวนได้เพคะ
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดอีกครั้ง