องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 189 ความโกรธของอ๋องตวน
บทที่ 189 ความโกรธของอ๋องตวน
ฉีเฟยอวิ๋นนำเอกสารขององค์หญิงใหญ่ตรงไปหาหนานกงเย่ นางวางลงและเอ่ยว่า “ท่านอ๋องเป็นคนนำเงินหนึ่งหมื่นตำลึงออกมา ยากที่หม่อมฉันจะทำตามคำสั่ง และยิ่งไม่กล้าไปคุยเรื่องนี้กับองค์หญิงใหญ่ เช่นนั้นเงินนี่ท่านอ๋องควรเป็นคนจ่าย”
หนานกงเย่กำลังนั่งอ่านตำราศึกษาคดีของท่านอ๋องแปดอยู่บนเตียงอุ่น
เขาเหลือบมองเอกสารที่นำมาและเอ่ยว่า “เช่นนั้นคืนสิบเดือนแรกของพระชายาไปก่อน อีกสองเดือนข้างหน้าพระชายาบอกข้าด้วย ข้าจะไปคืนให้ครบถ้วน”
“หม่อมฉันน้อมรับคำสั่งเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นตอบรับง่ายๆ อย่างไม่เกรงใจ นางถวายความเคารพและหยิบเอกสารขึ้นมา
หนานกงเย่รู้สึกขบขัน “พระชายาโกรธเรื่องวันนี้หรือ”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น จะเป็นเรื่องบังเอิญก็ดี หรือเป็นเรื่องที่ตั้งใจก็ดี
โดยรวมแล้วก็นับว่ามีเหตุผล
สองสามีภรรยามองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนว่า “เว่ยหลินชวนคิดจะช่วยข้าจริงๆ เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าข้าจะเกลียดเขามากก็ตาม”
หนานกงเย่มีสีหน้าอึมครึม “ข้าเห็นเขาแล้วไม่สบายใจเลย”
“เช่นนั้นท่านอ๋องควรเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่านี้ หรือควรเห็นแก่ตัวมากกว่านี้ล่ะเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นมองไม่ออกเลย เป็นไปได้ไหมว่าหนานกงเย่เป็นคนจัดการทุกสิ่งทุกอย่างเพียงคนเดียว เรื่องของเว่ยหลินชวนคราวนี้มันบังเอิญเกินไป
แต่เพื่อเรื่องของท่านอ๋องแปด หนานกงเย่คิดจะปล่อยให้นางถูกเฆี่ยนจริงๆ หรือ?
ถ้าตอนนั้นเว่ยหลินชวนไม่เข้ามาห้าม จะไม่เสียเลือดเสียเนื้อกันไปแล้วหรอกหรือ
หนานกงเย่ไม่คิดว่าฉีเฟยอวิ๋นจะถามถึงความรู้สึกที่เขามีต่อนาง เขานึกถึงความโกรธของเว่ยหลินชวนที่สั่งสมมาเนิ่นนาน
“ไม่คุ้มเลยที่ข้าจะใช้เว่ยหลินชวนเพื่อข่มขู่เสด็จอาใหญ่ ท่านเป็นอะไรกับข้า เอาเรื่องของพระชายาไปใช้เช่นนี้ เกียรติของข้ายังจำเป็นอยู่หรือไม่”
หนานกงเย่ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ อยากจะไปเอาคืนเว่ยหลินชวนเสียเดี๋ยวนี้
ฉีเฟยอวิ๋นถลกเสื้อคลุมขึ้นมาและนั่งลง ถามหนานกงเย่ว่า “นั่นแปลว่าท่านอ๋องเป็นคนใจแคบมาก!”
“ใครใจแคบ” หนานกงเย่ไม่พอใจ แววตาของเขาเย็นชา
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองเขานิดหนึ่ง “ต่อให้เว่ยหลินชวนมีใจจริงๆ แต่หม่อมฉันไม่มีมิใช่หรือ ท่านอ๋องทำไมจะต้องคิดเล็กคิดน้อยด้วย หรือว่าข้าจะต้องขังนางสนมตัวเล็กตัวน้อยไว้ให้หมดเพราะท่านอ๋องเป็นที่ชื่นชอบเมื่ออยู่ข้างนอก
ไม่ควรไปเอาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงนั่นมาเลยจริงๆ นี่เป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ต่อไปท่านอ๋องอย่าทำอีกเลย
ถ้าไม่ได้รู้สึกสบายใจจริงๆ ก็อย่าไปสร้างปัญหาเรื่องเงิน ถึงอย่างไรจวนอ๋องของเราไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น
ไว้ถ้าต่อไปมีเงินมากมาย ท่านอ๋องอยากจะทำตามใจตัวเองอย่างไร หม่อมฉันจะไม่ขัดเลย”
พูดจบฉีเฟยอวิ๋นก็ลุกออกไป นางไม่เคยเจอคนเช่นนี้มาก่อน เงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ให้ไปแล้วแต่ยังตัดใจไม่ค่อยได้
แน่นอนว่าหนานกงเย่ย่อมไม่เป็นสุขใจ แต่เมื่อเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะไป เขาจึงทำได้เพียงลุกขึ้นตามไปเกลี้ยกล่อม
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้โกรธแล้วและนางกำลังเตรียมจะออกเดินทางไปที่วัง
หนานกงเย่เปิดประตูและมองหาฉีเฟยอวิ๋น เขาเห็นนางกำลังเตรียมยาและเดินออกไป
“ต้องรีบเข้าวังตอนนี้เลยหรือ” หนานกงเย่เองก็คิดจะเข้าวัง แต่เขาไม่คิดว่าจะไปเร็วขนาดนี้
ฉีเฟยอวิ๋นขยับตัวเล็กน้อย หนานกงเย่ขยับเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิด
“ช่วงนี้ท่านอ๋องใจไม่นิ่งเลยนะเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นสังเกตว่าตั้งแต่เกิดเรื่องกับจักรพรรดิอวี้ตี้ หนานกงเย่ก็ยิ่งอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไม่สงบนิ่งเหมือนเดิม
“ถ้าพระชายาเข้าใจ พระชายามีวิธีทำให้ผ่อนคลายลงบ้างหรือไม่”
“ยังไม่มีวิธีเพคะ รอไปอีกสักหน่อยคงจะหาวิธีได้” ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกหดหู่เพราะเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนนี้ยิ่งนานไปนางก็ยิ่งร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ
มันเป็นพิษอะไรกันแน่ เหตุใดจึงหาร่องรอยไม่พบเลยสักนิด
พิษนี้ถ้าแก้ไม่ได้จะทำอย่างไรดี?
ฉีเฟยอวิ๋นเก็บของเตรียมจะออกไป แต่หนานกงเย่มาขวางเอาไว้ที่หน้าประตู
“อวิ๋นอวิ๋น…”
หนานกงเย่ยังคงไม่ยอมแพ้
ฉีเฟยอวิ๋นลังเลนิดหนึ่ง “ท่านอ๋อง เหตุใดท่านจะต้องถามอีกในเมื่อท่านก็รู้อยู่แล้ว ถ้าหม่อมฉันทำได้หม่อมฉันจะทำแน่ๆ แต่ถ้าทำไม่ได้ ท่านอ๋องขู่เข็ญหม่อมฉันไปก็ไร้ประโยชน์”
ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่อยู่ครู่หนึ่ง นางออกไปแล้วและกลับมาอีก มองหนานกงเย่ที่กำลังใจลอยและเอ่ยว่า “ท่านอ๋องวางใจเถิด ข้าจะทำทุกอย่างที่ทำได้”
หนานกงเย่ไม่ตอบเพราะอารมณ์ไม่ดี
ฉีเฟยอวิ๋นต้องกลับไปที่วังเร็วหน่อย เมื่อไปถึงแล้วต้องไปดูอาการของท่านอ๋องตวน นอกจากนั้นยังต้องไปตรวจสอบยาพิษของจักรพรรดิอวี้ตี้ให้กระจ่างด้วย
หลังจากออกมาและขึ้นรถม้า อาอวี่ก็พาฉีเฟยอวิ๋นไปยังพระราชวัง
สวีกงกงกับป้าซีมารอฉีเฟยอวิ๋นอยู่ที่หน้าประตูวังแล้วตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นลงมาจากรถม้า ป้าซีตรวจสอบยาสมุนไพรที่นำลงมาจากรถ จากนั้นจึงให้คนนำยาสมุนไพรไปส่งที่พระตำหนักเฟิ่งอี๋
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปทำความเคารพฮองเฮาเฉินอวิ๋นชูซึ่งกำลังรอนางอยู่นานแล้ว
“นั่งลงเถิด”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้านั่งเมื่อเหลือบไปเห็นติ่มซำบนโต๊ะ
ติ่มซำเหล่านี้กินไปแล้วลำไส้ทะลุได้เลย แม้ว่าตอนนี้ร่างกายของนางจะชำระล้างพิษได้ แต่นางก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยในระยะยาว
ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้ในท้องของนางยังมีชีวิตเล็กๆ อีกชีวิตหนึ่ง ระบบของร่างกายเป็นอย่างไรนางก็ยังบอกไม่ได้
“หม่อมฉันยังต้องไปดูอาการของท่านอ๋องตวน ไว้เย็นนี้หม่อมฉันจะมาเข้าเฝ้าฮองเฮาอีกครั้งเพคะ”
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด”
เฉินอวิ๋นชูยิ้มเรื่อยๆ อย่างไม่ใส่ใจ ฉีเฟยอวิ๋นปลีกตัวออกไปและไปที่ตำหนักตำหนักหวาหยางเพื่อดูอาการอ๋องตวน
หลังจากมองแผ่นหลังของฉีเฟยอวิ๋นที่เดินจากไป เฉินอวิ๋นชูจึงโบกมือให้ทุกคนออกไปก่อน จากนั้นจึงหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน กินไปก็ยิ้มไป
แมวตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาทางหน้าต่างและมาคลอเคลียอยู่แทบเท้าเฉินอวิ๋นชู
เฉินอวิ๋นชูวางขนมชิ้นหนึ่งลงบนพื้น และแมวก็ก้มลงไปกิน
วันนี้อาการของอ๋องตวนเริ่มดีขึ้นและเขาก็ลืมตาได้แล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวจะกลับไปหลังจากตรวจอาการให้อ๋องตวนเรียบร้อย แต่ถูกอวิ๋นหลัวฉวนรั้งตัวไว้ก่อนและบอกว่าอยากจะคุยถึงเรื่องราวเก่าๆ กับฉีเฟยอวิ๋น
อ๋องตวนอารมณ์เสีย “เมื่อวานข้าเห็นนะ ท่านกับนางคุยอะไรกัน”
อวิ๋นหลัวฉวนจึงปล่อยฉีเฟยอวิ๋นอย่างไม่เต็มใจนัก
เมื่อเห็นสีหน้าที่อัดอั้นของนาง อ๋องตวนจึงกล่าวว่า “เจ้าเองก็เหนื่อยแล้ว เดี๋ยวบ่ายนี้พระชายาก็มา เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ “พระชายาตวนจะมา?”
“อื้ม” อวิ๋นหลัวฉวนพยักหน้าอย่างหมดหนทาง ใบหน้าของนางซูบลงและดูสวยยิ่งกว่าเดิม
ฉีเฟยอวิ๋นมองอวิ๋นหลัวฉวนและนึกถึงคำพูดบางประโยคขึ้นมา ‘คนอ้วนทุกคนซ่อนความสวยหล่อเอาไว้’
เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นหลัวฉวนพิสูจน์แล้วว่าคำพูดนี้คือความจริง
แต่ก่อนใบหน้ากลมๆ ทำให้มองไม่ออก ทว่าตอนนี้มองเห็นชัดขึ้นแล้ว
ความงามของอวิ๋นหลัวฉวนปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด!
อวิ๋นหลัวฉวนไม่ค่อยเต็มใจนัก “ข้าไม่ได้อิจฉานะ แต่ข้าแค่คิดว่านางอาจจะดูแลเขาไม่ได้ ถ้าดูแลไม่ดีแล้วตายขึ้นมาจะทำอย่างไร”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่แน่ใจ ดูแลจนถึงขั้นทำให้คนตายน่ะหรือ?
“เจ้าอยู่ที่นี่ทั้งวัน ข้าเห็นแล้วรำคาญ” อ๋องตวนอารมณ์เสีย
ฉีเฟยอวิ๋นมองอ๋องตวน เขาดูเหมือนจะรำคาญมาก
แต่จวินฉูฉู่กำลังจะมา และในตำหนักก็จะหมดสิ้นความสงบ
เรื่องระหว่างสามีภรรยานางจะพูดอะไรมากก็ไม่ดี ดังนั้นจึงไม่เข้าไปก้าวก่าย
“เช่นนั้นเจ้าจะไปที่ไหน” ฉีเฟยอวิ๋นถามอวิ๋นหลัวฉวน อวิ๋นหลัวฉวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ข้ากลับไปที่จวนกงกั๋วไม่ได้ ที่จวนอ๋องตวนก็รับข้าไม่ได้ ข้า…”
“เช่นนั้นก็ไปที่จวนอ๋องเย่ ข้าไม่อยู่พอดี ท่านก็ช่วยดูแลให้หน่อย ท่านอ๋องเย่เองก็จะเข้ามาอยู่ในวังสองสามวัน ถ้าที่เรือนไม่มีใครอยู่เลยข้าคงไม่วางใจ” ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าอวิ๋นหลัวฉวนไม่มีที่ไป นางจึงกล่าวไปแบบนั้น
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองอ๋องตวน อ๋องตวนหันหน้าไปทางอื่น
ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ว่าอ๋องตวนไปโกรธอะไรมาจากไหน แต่อวิ๋นหลัวฉวนควรจะพักผ่อนได้แล้วจริงๆ ถ้ายังทนต่อไป ต่อให้ไม่ตายก็คงจะสาหัสน่าดู