องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 229 ช่วยชีวิตฮูหยินเสนาบดี
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 229 ช่วยชีวิตฮูหยินเสนาบดี
หนานกงเย่หมุนตัวพาฉีเฟยอวิ๋นไปยังจวนเสนาบดี เฉินอวิ๋นเจี๋ยยืนรอพวกเขาอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าซีดเซียว มีเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ร้องไห้อยู่ด้านหลังตลอดเวลา
เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่ เฉินอวิ๋นเอ๋อร์จึงรีบรุดขึ้นหน้ากล่าวทักทายทันที : “ท่านอ๋อง”
หัวคิ้วของฉีเฟยอวิ๋นขมวดเล็กน้อย นี่มันสมัยไหนแล้ว ยังจะคิดร้ายอีก
สายตาของนางเป็นอะไร เห็นหนานกงเย่ แต่ไม่เห็นนาง?
หนานกงเย่ไม่ได้สนใจเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ ตรงกันข้ามกลับมองไปยังเฉินอวิ๋นเจี๋ย : “ฮูหยินเสนาบดีเป็นอย่างไรบ้าง?”
“นอกจากอาเจียนเป็นเลือด ก็ไม่มีอาการอื่นอีกพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นนึกถึงพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด เฉินอวิ๋นเจี๋ยก็แทบจะทรุดตัว
“อาเจียนเป็นเลือดยังรักษาได้ ข้าคิดว่าหากเป็นโรคชรา เช่นนั้นคงยุ่งยากเป็นแน่ ชีวิตคนเรา ความชราเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ หากเป็นโรคเฉย ๆ ยังพอรักษาได้”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยเปิดทาง : “เจ้ารีบเข้าไปดูเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวขึ้น : “นำทาง”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยหมุนตัวและเดินไป ฉีเฟยอวิ๋นเดินตาม
ครั้นมาถึงที่อยู่อาศัยของเสนาบดีด้านหลังจวนเสนาบดี ฉีเฟยอวิ๋นก็รีบเดินเข้าไปทันที เฉินอวิ๋นชูกำลังนั่งน้ำตาไหลรินอยู่ตรงหน้าต่างห้องฮูหยินเสนาบดี ร้องจนเจ้าตัวหายใจแทบไม่ออก
เสนาบดีเฉินเองก็นั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
ภายในห้องมีคนอยู่สองสามคน อายุไม่น้อยนัก แต่ท่าทางแข็งแรงนั้นคล้ายกับคนที่ฝึกวิทยายุทธ์
ทันทีที่เข้ามาอีกฝ่ายก็รีบกล่าวกับหนานกงเย่ว่า : “กระหม่อมน้อมทักทายองค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก”
หนานกงเย่มองไปทางเฉินอวิ๋นชู : “พี่สะใภ้”
เฉินอวิ๋นชูเช็ดน้ำตา : “นั่งสิ”
“ไม่ต้องร้อนใจ บางทีอวิ๋นอวิ๋นอาจจะมีหนทาง มิสู้ให้อวิ๋นอวิ๋นตรวจดูอาการเสียหน่อย” ในขณะที่หนานกงเย่กำลังกล่าวนั้น เฉินอวิ๋นชูได้มองไปยังฉีเฟยอวิ๋น
“พระชายาเย่ เจ้ารักษาได้จริง ๆ หรือ?”
เฉินอวิ๋นชูกล่าวด้วยเนื้อตัวที่สั่นสะท้าน ฉีเฟยอวิ๋นรีบรุดขึ้นหน้า : “พระสนมรักษาตนด้วย หม่อมฉันต้องตรวจดูเสียหน่อย ดูแลตนเองด้วยเจ้าค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล่าวมากความ รีบเดินไปตรวจอาการของฮูหยินเสนาบดีทันที
เฉินอวิ๋นชูยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเป็นกังวล
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงตรวจอาการโดยรวม ผ่านไปชั่วครู่ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวขึ้นว่า : “ไม่ใช่วัณโรค เป็นวินิจฉัยผิดพลาด!”
ทันทีที่ได้ยินฉีเฟยอวิ๋นกล่าวเช่นนั้น เฉินอวิ๋นชูและคนอื่นพากันผงะ
เสนาบดีเฉินรีบเดินขึ้นหน้า: “วินิจฉัยผิดพลาดรึ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้รีบบอก ยังคงตรวจอีกชั่วครู่
จากนั้นก็ลุกขึ้น ปลดชุดคลุมยาวของฮูหยินเสนาบดี มือวางลงบนร่างกายของฮูหยินเสนาบดี และเริ่มตรวจ
“ผู้ใดรับหน้าที่ดูแลนี้?” ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวกลับมามองคนที่อยู่ตรงหน้า
เสนาบดีเฉินลังเลเล็กน้อย : “หมออาวุโส”
“ท่านเสนาบดี ฮูหยินไม่ได้เป็นวัณโรค แม้ว่าจะอาเจียนเป็นเลือด แต่นางแค่ป่วยทางใจ จึงทำให้เจ็บป่วย แต่นางไม่ได้เป็นโรคหัวใจ แค่มีเลือดคลั่งในทางเดินน้ำดี”
“อะไรคือทางเดินน้ำดี?” เสนาบดีเฉินสีหน้างุนงง ฉีเฟยอวิ๋นจึงต้องอธิบายรอบหนึ่ง
“ทางเดินน้ำดีคือถุงน้ำดี คืออวัยวะภายในร่างกายอย่างหนึ่ง อยู่ข้างตับ เรามักจะกล่าวเสมอว่าให้มีจิตใจซื่อตรงต่อกันดุจดั่งตับและถุงน้ำดีที่ทำงานร่วมกัน ทั้งสองส่วนมีความสัมพันธ์ต่อกัน
หมองใจ แม้ว่าต่อไปท่านจะไม่เป็นไรแล้ว แต่กลับยังส่งผลต่อตับเป็นเวลาสามวัน ถุงน้ำดีหลั่งน้ำดีออกจากตับ ….หม่อมฉันกล่าวเช่นนี้พวกท่านคงไม่เข้าใจ ตอนนี้มีอยู่หนึ่งวิธี หม่อมฉันต้องผ่าตัดถุงน้ำดี
พวกท่านครุ่นคิดพิจารณาให้แน่ใจ เวลามีไม่มากนัก มีเลือดคลั่งมากมายเพียงนี้ อย่างมากสุดก็แค่หนึ่งวัน นางก็จะจากไป”
….
ทุกคนพากันเงียบลงทันใด
“ทำ”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยกล่าวออกไปอย่างฉับพลัน ฉีเฟยอวิ๋นมองตามไป เฉินอวิ๋นเจี๋ยจึงกล่าวว่า : “เริ่มเถอะ”
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ นางตั้งใจทำร้ายเสด็จแม่ เจ้าอย่าไปหลงกลนังปีศาจหมาป่าตนนี้เชียวนะ” เฉินอวิ๋นเอ๋อร์พุ่งตัวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะตะโกนเสียงแหบแห้งออกไป
ในบรรดาคนที่อยู่ในห้องฉีเฟยอวิ๋นอึดอัดใจที่สุด นางไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอย่างไร
ดั่งคำกล่าวที่ว่ามุ่งแสวงหาแต่ผลประโยชน์ จนทำร้ายชีวิตผู้อื่น!
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์โวยวายเช่นนี้ หนานกงเย่จึงมีสีหน้าเคร่งขรึมลง : “อวิ๋นอวิ๋นมีเจตนาดี พวกเจ้าเลือกจะไม่ทำก็ได้ ข้าเองก็ไม่อยากให้อวิ๋นอวิ๋นต้องมารับผิดชอบความตายของฮูหยินเฉินเช่นเดียวกัน
บัดนี้ฮูหยินเสนาบดีป่วยหนักปางตาย มีหรือไม่มีอวิ๋นอวิ๋นนางก็ไม่รอดอยู่ดี ไม่คุ้มที่จะพาตนเข้าไปเกี่ยวพันกับกลิ่นคาวนี้
อวิ๋นอวิ๋น เราไปกันเถอะ”
หนานกงเย่ดึงฉีเฟยอวิ๋นเตรียมจะจากไป เฉินอวิ๋นเจี๋ยดึงฉีเฟยอวิ๋นด้วยมือข้างหนึ่ง : “หากเป็นจริงดั่งที่พูด เจ้ามั่นใจแค่ไหน?”
“ข้าไม่มั่นใจ แต่ข้าจะลองดู โรคนี้เกิดขึ้นช้า ดูจากอาการของฮูหยินแล้ว เลือดคงจะคลั่งเป็นจำนวนมากแล้ว เกรงว่านางคงจะไม่ฟื้นในเร็ววันนี้
การผ่าตัดค่อนข้างซับซ้อนยุ่งยาก หากผ่าตัดไปได้ด้วยดี นางจะค่อย ๆ ฟื้นตัว
ข้าต้องการวัสดุยาจำนวนมาก ระหว่างนั้นหากหยุดกลางคัน ฮูหยินจะต้องจบชีวิตลง”
“เจ้ากำลังบอกว่า เสด็จแม่จะฟื้นขึ้นมาใช่หรือไม่?” เฉินอวิ๋นเจี๋ยตอบสนองอย่างรวดเร็ว แววตาของเขาล้ำลึกมาก
“อื้อ”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยรีบลากฉีเฟยอวิ๋นไปตรงหน้าฮูหยินทันที : “เจ้าทำเถอะ ข้าจะรับผลทุกอย่างเอง”
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ?” เฉินอวิ๋นเอ๋อร์โกรธเกรี้ยวมาก
เฉินอวิ๋นเจี๋ยดึงกระบี่ม่อเสียออกมาและชี้ไปยังเฉินอวิ๋นเอ๋อร์: “หากเจ้าขัดขวาง ข้าจะสังหารเจ้า!”
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ตื่นตกใจจนไม่กล้ากล่าวอะไร ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวขึ้นว่า : “ข้าต้องการผู้ช่วย ท่านอ๋องช่วยเรียกหมอประจำจวนให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ”
“อื้อ”
หนานกงเย่ออกไปเรียกหมอประจำจวน ฉีเฟยอวิ๋นกำชับเฉินอวิ๋นเจี๋ยให้เตรียมเตียงสำหรับผ่าตัด
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์เดินออกมาจากด้านในนางง้างมือจะตบฉีเฟยอวิ๋น มีหรือฉีเฟยอวิ๋นจะยอมให้นางตบ ในขณะที่กำลังจะตบ เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ได้ถูกขู่ : “หากมือของคุณหนูเลื่อนลงมา ข้าจะทำให้เจ้ายื่นมือออกตบผู้ใดไม่ได้อีกเลย”
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ผงะไปในทันที ครั้นมองไปยังคนพูดก็พบว่าเป็นหนานกงเย่ หนานกงเย่เดินมาข้างกายของฉีเฟยอวิ๋นด้วยสีหน้าเย็นชา “บาดเจ็บหรือไม่?”
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า : “ไม่เป็นไร ท่านอ๋องไม่ต้องตามหม่อมฉันหรอก นั่งเถอะ”
หนานกงเย่เดินมานั่งลงด้านข้าง สายตาเย่อหยิ่งยังคงจับจ้องเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ แม้ว่าจะไม่คมกริบมากนัก กลับเห็นเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ตัวสั่งงันงกอย่างอดไม่ได้
หนานกงเย่กล่าว : “คุณหนูเฉินเชิญออกไป”
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ยืนอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
เฉินอวิ๋นเจี๋ยเริ่มเตรียมการอย่างวุ่นวาย ไม่นานเตียงก็สมบูรณ์แบบอย่างที่ฉีเฟยอวิ๋นบอกไว้ หมอประจำนวนของพระชายาเย่ก็มาถึงแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นออกคำสั่งให้คนยกร่างของฮูหยินเสนาบดีขึ้นเตียง นางเตรียมวัสดุยาไว้มากพอแล้ว ครั้งนี้ไม่เหมือนกับท่านอ๋องตวน สถานการณ์ของท่านอ๋องตวนในครั้งนั้นแม้แต่เข็มฉีดยาก็ไม่พร้อมสักอย่าง ตอนนี้ต้องดีกว่าครั้งก่อน
ฉีเฟยอวิ๋นฉีดยาให้ฮูหยินเสนาบดี เวลานี้ไม่มีใครเข้ามาขัดขวางฉีเฟยอวิ๋นแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงถอดเสื้อคลุมยาวตัวนอกออก เหลือเสื้อตัวใน หยิบเสื้อคลุมอีกตัวมาติดกระดุมหนึ่งเม็ด เช่นนี้จะทำให้สบายตัวมากขึ้น
จากนั้นก็หยิบมีดจากในกล่อง ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังหนานกงเย่ : “ท่านอ๋อง มีดของท่าน”
หนานกงเย่ชำเลืองไปมองขากางเกงของเขา เขาทำได้แค่โน้มตัวลงไปหยิบมันออกมา และยื่นมาให้ฉีเฟยอวิ๋นอย่างว่าง่าย
ฉีเฟยอวิ๋นตระหนักถึงอะไรบางอย่างฉับพลัน การมาถึงของมีดเล่มนี้ บ่งบอกว่าจะต้องใช้ของเขาสักวัน
หลังจากรับมีดมา ฉีเฟยอวิ๋นมองอยู่ชั่วครู่ ผ่อนลมหายใจ หยิบยาฆ่าเชื้อออกมา หลังจากฆ่าเชื้อแล้ว ก็ฉีดยาชา ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังฮูหยินเสนาบดี : “ท่านได้ยินที่หม่อมฉันพูดไหมเจ้าคะ?”
ฮูหยินเสนาบดีกะพริบตา ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้โล่งใจ ไม่ได้สับสนอีก : “ด้านล่างของท่านจะไม่มีความรู้สึก หม่อมฉันฉีดยาชาให้ท่าน ไม่นานตั้งแต่ลำคอลงไปถึงด้านล่างจะไร้ความรู้สึก หม่อมฉันจะต้องทำการผ่าตัดให้ท่าน ท่านจะดีขึ้น นึกถึงบุตรไว้นะเจ้าค่ะ เด็กกำลังรอให้ท่านย่าไปดูแลอยู่ ท่านยังมีบุตรชายและบุตรสาวที่ต้องดูแล ไม่ว่าอย่างไรจะต้องหายเร็ววันนะเจ้าคะ”
ฮูหยินเสนาบดีน้ำตาไหลริน นางคาดไม่ถึง ฉีเฟยอวิ๋นจะกล่าวเช่นนี้
นางหลับตาลงในที่สุด