องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 232 ท่านอ๋องตวนเสด็จมา
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 232 ท่านอ๋องตวนเสด็จมา
“ข้าผ่านข้อแรก นอกจากไม่ชื่นชอบผู้อื่น ท่านอ๋อง ข้อที่สองล่ะ?”
หนานกงเย่ชะงัก คาดไม่ถึงว่าจะให้เขาพูดข้อเรียกร้องที่สอง เช่นนั้นเขาก็ไม่เกรงใจแล้ว “ข้อที่สองคือห้ามปกปิดข้าทุกเรื่อง หากข้าไม่รู้ อวิ๋นอวิ๋นก็ต้องบอก”
“อืม ข้อนี้ได้เพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นรับปาก ยกคิ้วถามว่า “แล้วข้อที่สามล่ะเพคะ?”
หนานกงเย่ลังเล “ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามจากไปโดยไม่บอกกล่าว”
ฉีเฟยอวิ๋นคลี่ยิ้ม “ข้าคิดว่าท่านอ๋องจะพูดว่า ห้ามไปจากข้าเสียอีก”
“ข้ากลัวการเข้าใจผิดที่สุด” หนานกงเย่เป็นผู้สูงศักดิ์ จำต้องประสบพบเจอเรื่องราวต่างๆแน่แท้
สังคมที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นมีมากโข ทั้งยังมีผู้หมายปองพวกเขาหลายคน จำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้าหงึกๆ “ข้ารับปากท่านอ๋องเพคะ”
“อืม”
หนานกงเย่คิดจะเริ่มเสวยสุข ทว่าถูกฉีเฟยอวิ๋นทักท้วง “ท่านอ๋องเพคะ ท่านตั้งกฎเสร็จแล้ว ถึงตาหม่อมฉันแล้วเพคะ”
หนานกงเย่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงกล่าวว่า “อวิ๋นอวิ๋นพูดสิ มีแค่สามข้อนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มคิกคัก “ข้อแรก ห้ามมีพระชายารอง”
“ได้ ข้าไม่แต่ง”
“ข้อสอง ห้ามมีพระชายารอง”
ร่างกายหนานกงเย่แข็งค้าง มองนางด้วยสายตาจดจ่อ “ข้อสามล่ะ?”
“ห้ามมีพระชายารอง”
ฉีเฟยอวิ๋นเสนอข้อตกลงทั้งสามข้อเสร็จสรรพ หนานกงเย่เอ่ยว่า “ข้ารับปาก”
หนานกงเย่หยิกพวงแก้มฉีเฟยอวิ๋น “ข้ารับปากทั้งหมด ข้ารับปากว่านอกจากอวิ๋นอวิ๋น ข้าจะไม่แต่งงานกับใครอีก”
“ท่านอ๋องอย่าได้หลงลืมนะเพคะ”
หนานกงเย่โอบกอดฉีเฟยอวิ๋น “ข้าไม่ลืม”
“อืม”
กอดไปสักพัก ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกร้อน ผละออกจากอ้อมแขนหนานกงเย่ พลางกล่าวว่า “ท่านอ๋องไปอาบน้ำเถอะเพคะ”
“อืม”
หนานกงเย่ตามฉีเฟยอวิ๋นไปที่บ่อน้ำพุร้อน หลังจากถอดอาภรณ์เสร็จก็ไปหาฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นนอนคว่ำหน้าอยู่ตรงนั้น หนานกงเย่เดินไปด้านหลังนาง พร้อมกับถามว่า “วิธีสุขสมฉบับใหม่หรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม “สมองท่านอ๋องคิดเป็นแต่เรื่องพวกนี้หรือเพคะ?”
“หรืออวิ๋นอวิ๋นไม่อยาก?”
“อยากแต่ก็ไม่ใช่แบบนี้เพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นยื่นปลายเท้าไปยั่วเย้าเขา
หนานกงเย่กระตุกมุมปากขึ้น สายตาดุจวสันตฤดู โน้มกายเข้าไปทันที
หลังจากที่ทั้งสองออกจากบ่อน้ำพุร้อนก็เหน็ดเหนื่อยแล้ว จึงไม่ได้ออกไปไหนยามบ่าย พักผ่อนอยู่แต่ในจวน
เมื่อฟ้ามืดฉีเฟยอวิ๋นก็ถูกปลุกให้ตื่น
หงเถารายงานอยู่นอกประตูว่า “ท่านอ๋องเพคะ ท่านอ๋องตวนเสด็จมาเพคะ”
หนานกงเย่ถึงตื่นจากนิทรา ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากออกไป ทว่าเมื่อตระหนักได้ว่า ท่านอ๋องตวนมาจวนอ๋องเย่กะทันหันเช่นนี้ คาดว่าต้องมีธุระแน่ จึงได้แต่ออกไปดู
เวลานี้ท่านอ๋องตวนอยู่หน้าประตูจู๋อวิ๋นไจ และทำท่าจะเดินเข้าไป
อวิ๋นหลัวฉวนกำลังอ่านตำราพิชัยสงครามอยู่ในเรือนจู่อวิ๋นไจ เมื่อเทียบกับเรื่องเย็บปักถักร้อยแล้ว อวิ๋นหลัวฉวนชอบทำเช่นนี้มากกว่า ตงเอ๋อร์ยืนเฝ้าอยู่ด้านข้าง นางเห็นท่านอ๋องตวนก็ทำตาขวางใส่อีกฝ่าย ไม่เคารพท่านอ๋องตวนเลยสักนิด
ไม่มีคนบอกอวิ๋นหลัวฉวน นางก็จดจ่อกับการอ่านตำราพิชัยสงครามต่อไป
เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ อวิ๋นหลัวฉวนจึงกล่าวว่า “ตงเอ๋อร์ พรุ่งนี้จงชินอ๋องถูกปล่อยตัว ข้าอยากไปรับเขา เจ้าว่าดีหรือไม่?”
ตงเอ๋อร์เห็นท่านอ๋องตวนที่เดิมทียืนหน้านิ่งขรึม บัดนี้ฉายประกายความเย็นยะเยือกแวบผ่าน
ไม่รอให้ตงเอ๋อร์ตอบ อวิ๋นหลัวฉวนพลันพึมพำว่า “เป็นเพราะข้าที่ทำให้จงชินอ๋องเดือดร้อน เขาไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์เพทุบาย หากไม่ใช่ข้า เขาคงไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่รู้ว่าสภาพเขากลายเป็นเช่นไรแล้ว”
อวิ๋นหลัวฉวนหันไปมองตงเอ๋อร์ด้วยใบหน้าวิตกกังวล ไยสาวใช้คนนี้ไม่พูดจา?
อวิ๋นหลัวฉวนใบหน้าแข็งค้างกะทันหัน
ท่านอ๋องตวนยืนมองอวิ๋นหลัวฉวนหน้าประตูด้วยสีหน้าเย็นยะเยือกประหนึ่งถ้ำน้ำแข็ง
อวิ๋นหลัวฉวนปิดตำรา ย่อกายคำนับ “ท่านอ๋อง”
ไม่เห็นมีเรื่องอันใดเลย ทว่าเหตุใดสีหน้าท่านอ๋องตวนจึงเย็นเยียบปานนี้?
“หากข้าไม่ได้ยินกับหูตัวเอง ข้าก็ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ นี่เจ้ากำลังโทษข้าอยู่หรือ?” ท่านอ๋องตวนช่างพิสดารนัก อวิ๋นหลัวฉวนไม่เข้าใจพลันหันไปมองตงเอ๋อร์ปราดหนึ่ง
ตงเอ๋อร์เย่อหยิ่งราวกับเป็นอะไร วางวาดใหญ่โตกว่าผู้เป็นนายอย่างนางเสียอีก
อวิ๋นหลัวฉวนคิดว่าคงอารมณ์เสียเพราะตงเอ๋อร์ไม่ให้ความเคารพยำเกรง นางจึงไม่ได้อธิบาย
ท่านอ๋องตวนทำตัวไม่สมกับเป็นเจ้าคนนายคนเอง เช่นนั้นข้ารับใช้ก็ไม่จำเป็นต้องเจียมเนื้อเจียมตัวเฉกเช่นข้ารับใช้ด้วย
นางโยนตำราพิชัยสงครามไปด้านหลัง ตงเอ๋อร์รับไว้อย่างแม่นยำ
อวิ๋นหลัวฉวนถาม “เหตุใดวันนี้ท่านอ๋องจึงมีเวลามาเพคะ?”
“……” นี่ท่านอ๋องตวนกำลังโกรธขึ้ง ไยมีท่าทีเยี่ยงนี้?
ท่านอ๋องตวนไม่ตอบ อวิ๋นหลัวฉวนไม่มีความอดทนรอฟัง นางหมุนกายคิดจะเดินเข้าไป ท่านอ๋องตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราด “หยุดเดี๋ยวนี้”
อวิ๋นหลัวฉวนหันกลับ ท่านอ๋องตวนถามขึ้นมาว่า “พรุ่งนี้เจ้ามีธุระไหม?”
อวิ๋นหลัวฉวนส่ายหัว “ไม่มีเพคะ”
“พรุ่งนี้ข้าจะไปเที่ยว เจ้าว่างก็ไปกับข้าเถอะ” ท่านอ๋องตวนมองภายในเรือน จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกสงสัย พลางหันไปมองท่านอ๋องตวน เหตุใดเขาจึงเข้าไป?
ตงเอ๋อร์มองท่านอ๋องตวนด้วยแววตาสะท้อนความดูแคลน ได้ยินว่าพรุ่งนี้จวิ้นจู่จะไปรับจงชินอ๋องก็คิดจะทำลาย
ฉีเฟยอวิ๋นรอที่ห้องโถงส่วนหน้าสักพัก เมื่อยังไม่เห็นท่านอ๋องตวน จึงถามหนานกงเย่ว่า “ท่านอ๋องตวนมารับพระชายารองหรือไม่เพคะ?”
“ใช่กระมัง” หนานกงเย่ไม่คิดเช่นนั้น
การจะพาพระชายารองกลับไป ควรมีพระชายาเอกมารับถึงจะถูก
“พระชายา เสวยพระกระยาหารไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
พ่อบ้านอาวุโสเตรียมกับข้าวเรียบร้อย รอให้ฉีเฟยอวิ๋นไปรับประทานอยู่
“กินสิ ไปถามท่านอ๋องตวนให้มากินด้วยกันเถอะ” ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่ปราดหนึ่ง ก่อนจะย้ายเท้าไปยังห้องรับประทานอาหาร
พ่อบ้านสั่งลูกน้องไปเชิญหนานกงเหยี่ยน หนานกงเหยี่ยนจึงมาพร้อมกับอวิ๋นหลัวฉวน
เดิมทีอวิ๋นหลัวฉวนไม่อยากทานข้าวร่วมกันเลบสักนิด ทว่าโดนหนานกงเหยี่ยนคะยั้นคะยอ อวิ๋นหลัวฉวนที่ว่างอยู่แล้วเลยตามมาด้วยกัน
เมื่อนางกวาดสายตามองบนโต๊ะ พบว่ามีอาหารโอชะมากกว่าเมื่อวาน
จึงมีความวาดหวังรอคอย นัยน์ตาโชนประกายแสงรื่นรมย์
ท่านอ๋องตวนย่นคิ้ว เพราะเขามา จึงต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ปกติคงไม่ได้กินอาหารเลิศรสมากมายนัก
หนานกงเย่นั่งลงก่อน เตรียมจะเริ่มรับประทานอาหาร
ท่านอ๋องตวนก็นั่งลง ฉีเฟยอวิ๋นจึงเชิญอวิ๋นหลัวฉวนนั่งลงด้วย สตรีทั้งสองต่างคนต่างนั่งด้านข้างบุรุษผู้เป็นสามี
หนานกงเย่หยิบตะเกียบขึ้นมากินข้าว ฉีเฟยอวิ๋นมองเขาแวบหนึ่ง รู้สึกว่าคนผู้นี้ทำตัวเหลวไหลมาก มีคนมาเยือนในจวน กลับทำเหมือนไม่พบเห็น ไม่มีมารยาทเสียเลย
อวิ๋นหลัวฉวนยกถ้วยขึ้น มองหมูตงพอ(หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๊ว)ที่วางอยู่ด้านหน้าฉีเฟยอวิ๋น นางรู้สึกอยากทาน ทว่าร่างกายนางเจริญเติบโตสู้ผู้ใหญ่ไม่ได้ แขนยังสั้นอยู่ หากจะเอื้อมมือไปตักก็คงไม่งาม หลังจากลังเลสักพักก็ตัดสินใจกินอย่างอื่น
ท่านอ๋องตวนรู้สึกหงุดหงิดในใจ แค่จะกินเนื้อในจวนอ๋องเย่ยังต้องดูสีหน้าคนอีก?
หนานกงเย่คีบเนื้อหมูตงพอให้ฉีเฟยอวิ๋น “กินเยอะๆนะ”
ใบหน้าท่านอ๋องตวนเสมือนทะเลสาบในช่วงเหมันตฤดู จะเป็นสีเขียวก็ไม่เชิง หากแต่แผ่ซ่านไอเย็นยะเยือกออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นยิ่งดูยิ่งรู้สึกประหลาดใจ แขกผู้นี้มาหาเรื่องโดยเฉพาะหรือเปล่า?
ทว่าเขาหาเรื่องผิดที่แล้ว หากเขากล้าเหิมเกริม นางก็พร้อมจะรับมือเต็มที่
ฉีเฟยอวิ่นคีบหมูตงพอเข้าปากพลันรู้สึกอร่อย จึงยกจานหมูตงพอให้อวิ๋นหลัวฉวน เพราะรู้ว่านางก็ชอบกิน
ก่อนหน้านี้ติดเรื่องไฉฝู จึงกินไม่ค่อยลง ตอนนี้เริ่มมีความอยากอาหารมากขึ้นแล้ว จึงยกให้นางเป็นพิเศษ
อวิ๋นหลัวฉวนรีบเอ่ยว่า “ข้ายกเอง”
“เจ้าชิมดู อร่อยมากเลย” ฉีเฟยอวิ๋นแนะนำด้วยความจริงใจ ทว่าในสายตาท่านอ๋องตวนกลับเป็น อวิ๋นหลัวฉวนได้กินของเหลือ