องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 236 จวนมหาเสนาบดีถูกเล่นงาน
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 236 จวนมหาเสนาบดีถูกเล่นงาน
ฉีเฟยอวิ๋นฝันเห็นซูมู่หรง ใบหน้าของซูมู่หรงค่อนข้างเลือนราง แต่ไม่นานก็จางหายไปแล้ว หลังจากนั้นเธอก็เริ่มสู้รบ และยังไปตามป่าตามทุ่งด้วย อยู่ที่นั่นเธอได้รับการฝึกอบรมที่เลวร้ายมาก และยังเข้าร่วมหน้าที่รับผิดชอบที่อันตราย
ฉีเฟยอวิ๋นหลับไปหนึ่งวันถึงได้ตื่นขึ้นมา และพูดละเมออยู่ตลอดเวลา
รอจนเธอตื่นขึ้นมาก็เป็นวันถัดมาแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเคลื่อนไหวเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดของคนคนหนึ่ง เธอลืมตาขึ้นและเป็นหนานกงเย่กอดเธออยู่นั่นเอง
หนานกงเย่นอนหลับ หนาวเครายาวออกมาแล้ว อีกทั้งผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าก็ไม่เรียบร้อย
ฉีเฟยอวิ๋นมองอยู่สักพักจากนั้นลูบสัมผัสใบหน้าของเขา หนานกงเย่ลืมตามองคนในอ้อมกอดที่ตื่นขึ้นมาแล้ว ดึงแขนแล้วกล่าวว่า “รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉีเฟยอวิ๋นอิงแอบในอ้อมกอดของหนานกงเย่กล่าวว่า “นอนฝันเห็นผู้คนมากมาย พวกเขาล้วนตายหมดแล้ว เหลือแค่หม่อมฉันเพียงผู้เดียว น่ากลัวมากเลย!”
หนานกงเย่กล่าวถามอย่างประหลาดใจว่า “หรือว่าเมื่อก่อนเจ้าไม่ได้กลัว?”
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายศีรษะกล่าวว่า “เมื่อก่อนหม่อมฉันไม่หวาดกลัว”
“.……………….เพราะเหตุใด?”
“หม่อมฉันก็ไม่รู้ ก็คือไม่เคยคิดหวาดกลัวเลย แต่หม่อมฉันกลัวที่นี่”
หนานกงเย่โอบกอดฉีเฟยอวิ๋นอยู่สักพักหนึ่ง แล้วลุกขึ้นอุ้มฉีเฟยอวิ๋นไปอาบน้ำ และเรียกคนมาเก็บกวาดทำความสะอาดห้อง ทั้งสองคนกินอาหารเสร็จเลยนอนพักผ่อน
หมอโจวเป็นผู้ดูแลฉีเฟยอวิ๋นด้วยตนเอง อาหารการกินทุกอย่างต้องดูเอง เขากลัวว่าเวลานี้หากเกิดอะไรขึ้นกับฉีเฟยอวิ๋นเขาจะไม่สามารถอธิบายและรับผิดชอบได้
หนานกงเย่กินข้าวเสร็จเลยออกไปก่อน ฉีเฟยอวิ๋นถามเขาว่าจะไปทำอะไร เขาบอกว่าจะไปคิดบัญชีกับสกุลเฉิน ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าเขามีขอบเขตจำกัด เพราะฉะนั้นเลยไม่ได้อะไรกับเขา
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์เดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอนของตนเอง นางตกใจแทบแย่
“คุณหนู เป็นอะไรหรือเจ้าคะ”เสี่ยวชุ่ยเห็นสองวันมานี้เฉินอวิ๋นเอ๋อร์เอาแต่เดินวนเวียนในห้องนอน วันนี้ฮูหยินไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ว่ายังต้องคอยปรนนิบัติอยู่ในห้องนอน ปกติมักจะเห็นคุณหนูไปคอยเอาใจฮูหยิน แต่สองวันนี้ไม่เห็นเลย
“เจ้าอย่าวุ่นวายกับข้า ไปอยู่ทางนั้นไป”เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ทราบข่าวว่าฉีเฟยอวิ๋นได้รับบาดเจ็บ ได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรรายละเอียดนั้นนางยังไม่รู้ แต่คนแน่นอนว่าบาดเจ็บ
สองวันมานี้จวนอ๋องเย่วุ่นวายมาก ได้ยินมาว่าอาอวี่ก็คุกเข่าอยู่ในเรือน
ส่วนคนที่นางหามาเหล่านั้น วันนี้หากยังไม่ตาย ก็คือถูกจับไปแล้ว
เช่นนั้นคนถัดไปก็คือนาง นางควรที่จะทำอย่างไรดี?
หนานกงเย่พาคนมุ่งตรงมาที่หน้าประตูจวนมหาเสนาบดี หยุดอยู่สักครู่หนึ่งก็เงยหน้ามองแผ่นป้ายที่แขวนอยู่เหนือประตูของจวนมหาเสนาบดี และก้าวเท้าย่างกรายเข้าไปทางด้านใน ด้านหลังของเขาได้มีคนตามมาด้วยจำนวนหนึ่ง
พอคนของจวนมหาเสนาบดีมองเห็นท่าทางของหนานกงเย่ต่างหลบหลีกเป็นพัลวัน
หนานกงเย่มุ่งเข้าไป แต่เขาไม่ไปห้องโถงด้านหน้า และก็ไม่ไปทางด้านหลังเรือนที่มีคนพักอาศัย เขาได้มุ่งตรงไปสถานที่พักของเฉินอวิ๋นเอ๋อร์โดยตรงเลย
พอมาถึงหน้าที่พักอาศัยของเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ ผู้คนที่อยู่ด้านหลังต่างรีบพุ่งกระโจนบุกเข้าไป
คนของจวนมหาเสนาบดีต่างตกใจ ทยอยถอยหลังกันไปทีละคนๆ
ทุกคนล้วนรู้ว่าท่านอ๋องเย่อารมณ์ร้าย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องเย่มาก่อเรื่องที่จวนมหาเสนาบดี
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ถูกคนที่กระโจนบุกเข้ามาในห้องลากออกไป นางถูกมัดด้วยเชือก เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นหนานกงเย่นางตัวสั่นเทาระริกทั้งตัว
คนด้านหน้าลากนางเดินไป นางยืนไม่มั่นคงเลยล้มหน้าคะมำลงบนพื้น นางยังคงถูกลากไปด้านหน้าเรือนจนชุดขาดแปดเปื้อนไปหมด
คนของจวนมหาเสนาบดีรีบวิ่งไปรายงานฮูหยินจวนมหาเสนาบดี ฮูหยินของจวนมหาเสนาบดียังไม่หายดีเลยปล่อยไปเลยตามเลยทำอะไรไม่ได้
เวลานี้ท่านมหาเสนาบดีก็ไม่ได้อยู่ที่จวนมหาเสนาบดี ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่อยู่ พอฮูหยินจวนมหาเสนาบดีไม่เป็นอะไรแล้วเขาก็รีบไปที่ด่านชายแดน
เหลือเฉินอวิ๋นเจี๋ยที่อยู่ด้านในจวนมหาเสนาดี เพิ่งจะได้ทราบเรื่อง
“นี่ท่านกำลังทำอะไร?”เฉินอวิ๋นเจี๋ยรีบเดินมาที่หน้าเรือน หนานกงเย่ยืนมือไขว้หลังอยู่มองเฉินอวิ๋นเจี๋ยด้วยสายตาอึมครึม
“ข้ามาแก้แค้นคน เจ้าไม่เห็นหรือ?”เดิมทีเวลาหนานกงเย่เห็นเฉินอวิ๋นเจี๋ยก็ไม่ถูกในตาอยู่แล้ว ครั้งนี้ยิ่งหนักมากขึ้น
“ท่านมาแก้แค้นคนอย่างไรก็ต้องมีเหตุผลใช่หรือไม่?”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยจะประคองเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ลุกขึ้นจากพื้น คนจำนวนหนึ่งรีบลงมือกับเฉินอวิ๋นเจี๋ยทันที เฉินอวิ๋นเจี๋ยชักกระบี่ม่อเสียออกมา และชี้ไปทางคนที่โผเข้ามา กล่าวว่า “ กระบี่ม่อเสียของฝ่าบาท ข้าจะดูสิว่าใครมันกล้า?”
คนที่กรูเข้ามาต่างทยอยถอยหลัง เฉินอวิ๋นเจี๋ยประคองเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ลุกขึ้น หนานกงเย่ถีบเตะออกไป จนทำให้เฉินอวิ๋นเจี๋ยถลาไปด้านหลัง อีกนิดหนึ่งก็ล้มลง เฉินอวิ๋นเจี๋ยประคองตัวเองได้แล้วมองหนานกงเย่แล้วถีบกลับ ผลสรุปเขามีฝีมือเทียบไม่ได้ กระบี่ม่อเสียที่อยู่ในมือเลยหลุดไปอีกทาง
เลือดพุ่งออกมาจากทางปากของเฉินอวิ๋นเจี๋ย หนานกงเย่หยิบกระบี่ม่อเสียขึ้นมาแล้วเอาไว้ข้างกายโดยไม่ถาม จากนั้นกล่าวว่า
“ฝ่าบาทให้กระบี่ม่อเสียกับเจ้ามาก็เพื่อที่จะฝึกฝนวิชา เพื่อตอบแทนราชวงศ์ ไม่ใช่ให้เจ้าเอามาทำให้ภูมิฐานน่าเกรงขาม
วันนี้ข้าจะเก็บไว้ หากเจ้าไม่พอใจ เข้าพระราชวังไปหาฝ่าบาทได้เลย”
หนานกงเย่พูดจบเฉินอวิ๋นเจี๋ยก็ยืนไม่มั่นคงแล้ว ร่างกายสั่นไหวไปมาอยู่บนพื้น
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ตกใจจนร้องไห้กล่าวว่า “ท่านพี่เย่”
“ข้าไม่ใช่ท่านพี่เย่ของเจ้า ไม่ต้องมาเรียกข้า”หนานกงเย่เดินออกไป เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ถูกลากมาที่หน้าประตูและจะถูกนำลากออกไปด้วย
มหาเสนาบดีเฉินรีบเดินเข้ามา ขวางหนานกงเย่ไว้
มหาเสนาบดีเฉินรู้แล้วว่าหนานกงเย่มาที่จวน ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่แน่นอนว่าต้องมีสาเหตุและเหตุผล
พอมหาเสนาบดีเฉินมองเห็นหนานกงเย่ เลยรีบเรียกคนปิดประตู
หนานกงเย่หยุดฝีเท้าลง มองมหาเสนาบดีเฉิน เขาไม่พูด มหาเสนาบดีเฉินเลยรีบคารวะทำความเคารพ กล่าวขึ้นว่า “ข้าน้อมคารวะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์”
หนานกงเย่กล่าวว่า “สองวันก่อนหน้านี้ พระชายาอยู่หน้าประตูของจวนอ๋องเย่ มีผู้มาขอร้องหาหมอ บอกว่าต้องการช่วยชีวิตคน พระชายารีบนั่งรถม้าออกนอกเมือง ผลสรุปถูกคนลอบทำร้าย ได้รับบาดเจ็บ อีกนิดหนึ่งก็ตายกับเรื่องนี้ ข้าได้ทำการไต่สวนแล้ว ถึงได้รู้ว่าเป็นการกระทำของคุณหนูเฉิน
วันนี้ข้ามาก็เพื่อที่จะแก้แค้นคุณหนูเฉิน”
มหาเสนาบดีเฉินตกใจจนเหงื่อแตกทั้งตัว กล่าวว่า “ช้าก่อนผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เรื่องนี้ไม่ต้องให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ลงมือ เคราะห์ไม่ดีของครอบครัวข้า สอนบุตรสาวได้ไม่ดี ข้าไม่กล้ารบกวนผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ข้าจะลงมือสั่งสอนด้วยตนเองเพื่อเป็นการให้คำอธิบายแก่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์”
หนานกงเย่ไม่ได้สนใจ เสนาบดีเฉินเลยสั่งกำชับว่า “ทหาร นำแส้ม้ามา”
คนที่ตกใจรีบนำแส้ม้ามาทันที
หนานกงเย่ที่ยืนอยู่ด้านข้างโบกสะบัดมือ เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ถูกปล่อยออก ลุกขึ้นไปหามหาเสนาบดีเฉิน และกอดขาของเสนาบดีเฉินร่ำไห้ กล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ท่านอย่าเฆี่ยนตีลูกเลย ข้าขอร้องนะเจ้าคะท่านพ่อ”
“เจ้ายังกล้าขอร้องข้า เจ้าทำข้าขายหน้าหมดแล้ว หากข้าไม่เฆี่ยนเจ้า นั่นคือการทำผิดต่อพระชายาเย่
พระชายาเย่ดูแลท่านแม่ของเจ้า ช่วยชีวิตแม่ของเจ้า เป็นผู้มีพระคุณของจวนมหาเสนาบดีของพวกเรา แต่ทว่าเจ้ากลับไปทำร้ายพระชายา หากวันนี้ไม่ตีเจ้าจนตาย ก็ไม่เพียงพอต่อการตอบแทนบุญคุณของพระชายาเย่หรอก
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ชะงักงัน เงยหน้ามองมหาเสนาบดีแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ แต่ข้าเป็นบุตรสาวแท้ๆของท่านนะเจ้าคะ”
“หากเจ้ารู้ว่าเป็นบุตรสาวแท้ๆของข้า เจ้าก็ไม่ควรที่จะทำเรื่องเยี่ยงนี้ จวนมหาเสนาบดีเป็นเจ้าเองที่ทำร้ายเสื่อมเสีย”
“ท่านพ่อ…….ฉีเฟยอวิ๋นกลั่นแกล้งข้า หากไม่ใช่นาง เดิมทีพระชายาเย่ต้องเป็นข้า ข้าไม่ยินดี”
มหาเสนาบดีเฉินกล่าวด้วยความเดือดดาลว่า “เจ้านี่เป็นคนที่ไร้ความคิดอนาคต วันนี้ข้าตีให้ตายเลย”
คนรับใช้ยื่นแส้ม้าให้เสนาบดีเฉิน มหาเสนาบดีเฉินฟาดลงไป จนเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ร้องอย่างคร่ำครวญโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
มหาเสนาบดีเฉินเฆี่ยนฟาดอย่างต่อเนื่อง จนเฉินอวิ๋นเอ๋อร์มีแผลเหวอหวะเป็นลมสลบไป
มหาเสนาบดีเฉินทิ้งแส้ม้าไปอีกด้าน มองหนานกงเย่แล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องเย่ ข้าชดเชยแก่ท่านแล้ว บุตรสาวผู้นี้ทำข้าโมโห หลังจากนี้ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อยอมรับผิดและขอขมา”
“มหาเสนาบดี ครั้งนี้เพียงครั้งเดียว หากมีครั้งหน้า อย่ามาโทษว่าข้าไร้นำใจก็แล้วกัน”หนานกงเย่พูดจบก็สะบัดชุดเดินไป คนที่มากับเขาได้นำกระบี่ม่อเสียกลับไปด้วย
มหาเสนาบดีเฉินชำเลืองมองเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ กล่าวด้วยความโมโหว่า “ลากนางไป เรียกหมอให้มาตรวจอาการ ครึ่งเดือนนี้ดูให้ดี หากว่านางกล้าออกไป ก็ตัดขาของนางซะ”