องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 265 ความชั่วร้ายของคนผู้หนึ่ง
หลังจากที่ทุกคนเดินจากไป จวินฉูฉู่ก็จับมือของฉีเฟยอวิ๋นแน่น : “ก่อนเกิดเรื่อง ข้าเคยเจอกับท่านพี่ นางนำขนมกุ้ยฮวากล่องหนึ่งมาให้ข้า และอยู่กินเป็นเพื่อนข้า เพียงแต่…”
จวินฉูฉู่หยุดชะงัก จากนั้นก็มองไปยังประตู ฉีเฟยอวิ๋นโน้มตัวลงมากระทั่งใบหน้าแนบติดกับข้างปากของจวินฉูฉู่ ครั้นจวินฉูฉู่กล่าวจบก็หันไปมองฉีเฟยอวิ๋น ในที่สุดดวงตาก็เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา
“ข้ารู้ มีแค่พระชายาเย่ที่ช่วยข้าได้ ขอร้องล่ะ ช่วยข้าด้วย!”
หยาดน้ำตาของจวินฉูฉู่หลั่งริน ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากรู้ว่าหยาดน้ำตาของจวินฉูฉู่นั้นเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก แต่นางรู้ว่านางควรทำอะไร
ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า : “วางใจเถอะ เจ้าจะไม่เป็นไร”
ฉีเฟยอวิ๋นจับข้อมือของจวินฉูฉู่ พลางตรวจจับชีพจรโดยรวม เด็กในครรภ์ไม่อยู่แล้ว ร่างกายก็ทรุดหนัก อาจจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีก คนผู้นี้ลงมือทำร้ายได้อย่างป่าเถื่อน ตัดเส้นทางชีวิตของจวินฉูฉู่ไปโดยปริยาย
โชคดีที่ฉีเฟยอวิ๋นย้อนเวลากลับมาพอดี ไม่เช่นนั้นแม้ว่าจวินฉูฉู่จะยังมีชีวิตรอด แต่ก็คงทนได้อีกไม่นาน
“เจ้ารอข้าอีกหน่อย ประเดี๋ยวจะมีคนมา”
“อื้อ”
จวินฉูฉู่เอนกายนอนลงไป พลางกุมมือของฉีเฟยอวิ๋นตลอดเวลา ราวกับนี่คือโลกทั้งใบ ภายในวังอันหนาวเหน็บ มีแค่ฉีเฟยอวิ๋นเพียงผู้เดียวที่ดึงนางไว้
หลังจากเกิดเรื่องนี้ ตระกูลจวินก็ไม่โผล่หน้าอีกเลย
นี่เป็นความโหดร้ายของตระกูลจวิน และเป็นความจนปัญญาของตระกูลจวิน
ราชครูจวินรู้ดี หากอาศัยบุตรสาวแสวงหาผลประโยชน์จากในวังย่อมเป็นไปไม่ได้
แต่กลับแทรกตัวเข้าไปยุ่งเรื่องในวังหลัง ซึ่งเป็นข้อห้ามของพวกเขา
ดังนั้นไม่ว่าจวินฉูฉู่จะถูกถอดจากการเป็นพระสนมหรือสิ้นใจ ตระกูลจวินก็ล้วนไม่มีการร้องเรียนใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
คาดว่าจวินฉูฉู่เองก็เข้าใจ ตั้งแต่นางเข้าวังมาในวันนั้น ตระกูลจวินก็ไม่สนับสนุนนางอีกเลย ต่อมาก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่อีกครั้ง ซึ่งต้องยืนอยู่บนตำแหน่งที่สูงศักดิ์ ตระกูลจวินถึงจะเป็นที่พึ่งพาให้แก่นาง
เช่นนี้จวินฉูฉู่จึงทำได้แค่มาหานาง
ไม่นาน หนานกงเย่ก็มาถึง ครั้นเข้ามาหนานกงเย่ก็ยื่นกล่องยาให้กับฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและกระซิบบางอย่างข้างหูของหนานกงเย่ จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็หันไปให้น้ำเกลือกับจวินฉูฉู่ หนานกงเย่จึงออกคำสั่ง : “ทหาร จับกุมพระชายาตวน ไปยังคุกของศาลพิเศษกลาง ไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามเยี่ยม หากผู้ใดฝ่าฝืน ลงโทษแล้วค่อยรายงานได้เลย
ทหารองครักษ์เข้ายึดจวนอ๋องตวน ห้ามท่านอ๋องตวนไปยังตำหนักหวาหยางโดยเด็ดขาด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทหารองครักษ์น้อมรับคำสั่งไปจัดการ จวินฉูฉู่มองไปยังฉีเฟยอวิ๋นอย่างไร้แววตา : “พระชายาเย่ ข้าจะมองเห็นอีกหรือไหม?”
“พระสนมจงทำจิตใจให้เบิกบาน ไม่ว่าอย่างไรจะต้องกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง วางใจเถอะเจ้าค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาบำรุงและโปรตีนออกมา นางคาดไม่ถึงว่า ของเหล่านี้จะได้ใช้เร็วถึงเพียงนี้ โชคดีที่นางย้อนกลับไปในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจวินฉูฉู่ต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ต้องสงสัยเป็นแน่
จวินฉูฉู่สงบลง ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมจะไปเยี่ยมเฉินอวิ๋นชู
“ท่านอ๋องเย่ หม่อมฉันจะไปเยี่ยมฮองเฮา เช่นนั้นไหว้วานให้ท่านช่วยอยู่ดูแลพระสนมเซียวทางนี้ด้วยนะเจ้าคะ”
หนานกงเย่หันกลับไปมองพระสนมเซียวแวบหนึ่ง : “ทหาร ไปเชิญหมอหลวงหูมาเดี๋ยวนี้”
หมอหลวงหูเป็นคนข้างกายของพระพันปี เขามาย่อมเป็นที่พึ่งได้
ฉีเฟยอวิ๋นรอให้หมอหลวงหูมาถึง หลังจากอธิบายเกี่ยวกับเข็มฉีดยาว่าใช้อย่างไร ของที่อยู่ด้านบนใช้อย่างไรจนชัดเจน พบว่าสถานการณ์ควรจะรับมืออย่างไร ก็ตรงไปหาเฉินอวิ๋นชูในตำหนักเฟิ่งอี๋ทันที
ป้าซีรอฉีเฟยอวิ๋นอยู่ก่อนแล้ว ครั้นเห็นนางก็รีบปรี่เข้ามาต้อนรับ ย่อกายแสดงความเคารพทันที : “บ่าวของคารวะพระชายาเย่เจ้าค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นประคองป้าซีเล็กน้อย : “ป้าซีเชิญลุกขึ้นเถอะ ฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่ได้สติเลยเพคะ นางเสียเลือดมาก แต่กระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่เห็นเด็กหลุดออกมา เหล่าหมอหลวงเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ยังไม่ทันได้เจอหน้าเด็ก เกรงว่าฮูหยินอาจจะสิ้นใจเสียก่อน”
“ข้าจะไปดูสักหน่อย” ฉีเฟยอวิ๋นแบกกล่องยาตรงไปหาเฉินอวิ๋นชูทันที
เวลานี้ด้านหลังของตำหนักล้วนคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทันทีที่ฉีเฟยอวิ๋นพ้นประตูเข้ามาก็เห็นเฉินอวิ๋นเจี๋ยยืนอยู่ด้านใน สีหน้าของเฉินอวิ๋นเจี๋ยซีดเซียว ร่างกายซูบผอม เหมือนกับถูกทรมานอย่างหนักหน่วง
ครั้นเห็นฉีเฟยอวิ๋นดวงตาคู่นั้นของเฉินอวิ๋นเจี๋ยก็นิ่งชะงักก่อนจะได้สติกลับมา
ฉีเฟยอวิ๋นเจ้าไปหาเฉินอวิ๋นชู เฉินอวิ๋นเจี๋ยเองก็เดินตามเข้าไป
เฉินอวิ๋นชูดูท่าทางจะอาการหนักกว่าจวินฉูฉู่เสียอีก แต่นางก็ยังมีชีวิตชีวาและเรี่ยวแรง
ฉีเฟยอวิ๋นวางกล่องยาลงและรีบหยิบยาให้เฉินอวิ๋นชูกินทันที จากนั้นก็ตรวจร่างกายโดยรวมให้แก่เฉินอวิ๋นชู นางและจวินฉูฉู่เหมือนกัน ล้วนได้การทำร้ายจนเกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ เพียงแต่เด็กในครรภ์ของนางไม่อยู่แล้ว ยาเม็ดนี้มีฤทธิ์รุนแรง บีบให้โพรงมดลูกของนางหลุดออกมา และมีเลือดออกในช่องคลอด
ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวไปฉีดยาให้กับเฉินอวิ๋นชู ใช้ยาเหมือนกับจวินฉูฉู่ทุกประการ แต่ที่แตกต่างคือ ยาเม็ดที่นางให้เฉินอวิ๋นชูกิน ทำให้หน้าท้องของนางค่อย ๆ ยุบตัวลง
เฉินอวิ๋นชูอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานบ้าง ฉีเฟยอวิ๋นเรียกมามามาเก็บข้าวของเหล่านั้น และนั่งลงเป็นเพื่อนเฉินอวิ๋นชู
เฉินอวิ๋นชูนอนหลับไปชั่วครู่ ครั้นลืมตาขึ้นมาเห็นฉีเฟยอวิ๋นแต่ไม่มีเรี่ยวแรงจะเอื้อนเอ่ย
กลับเป็นป้าซี ที่เอ่ยเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น
“ก่อนที่ฮองเฮาจะเกิดเรื่อง พระชายาตวนเคยเสด็จมา นำขนมกุ้ยฮวามาให้ บอกว่าทรงแสดงฝีมือด้วยตนเอง หลังจากที่ฮองเฮาทรงเสวยเข้าไป ก็กลายเป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ” ป้าซีตอบกลับตามความเป็นจริง
ฉีเฟยอวิ๋นเอ่ยถาม : “เรื่องนี้ฝ่าบาทไม่เคยตรัสถามเลยหรือ?”
“เคยตรัสถามเจ้าค่ะ แต่ฝ่าบาทไม่ได้ตรัสสิ่งใดอีก” ป้าซีกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว อีกเดี๋ยวท่านอ๋องเย่จะเสด็จมาที่นี่ เจ้าก็ทูลรายงานท่านอ๋องเย่ก็แล้วกัน” ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังเฉินอวิ๋นชูครู่หนึ่ง ครั้นเห็นนางหลับไปแล้วก็เตรียมจะลุกขึ้นและจากไป
ภายในตำหนักเฟิ่งอี๋บรรยากาศอึมครึมไปทั่วทุกหนแห่ง มีกลิ่นคาวเลือดลอยตลบอบอวล
ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกมาจากด้านใน เฉินอวิ๋นเจี๋ยเองก็เดินตามออกมาพร้อมกัน
“ท่านพี่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เฉินอวิ๋นเจี๋ยเป็นห่วงเฉินอวิ๋นชูมาก จึงตามมาถาม
ฉีเฟยอวิ๋นอธิบาย : “นางมีเลือดออกในช่องคลอด แต่ข้าฉีดยาให้นางแล้วคาดว่าคงไม่เป็นไร ให้นางพักผ่อนอยู่ในห้องสักพักเถอะ เวลานี้ก็คอยป้อนของบำรุงให้แก่นาง”
“ขอบใจเจ้ามาก”
เฉินอวิ๋นเจี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก และหมุนตัวเดินกลับไป
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองเฉินอวิ๋นเจี๋ยแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปรอหน้าประตู
ทั้งสองตำหนักไม่เป็นอะไรบุตรของนางเองก็ไม่เป็นไร แต่จักรพรรดิอวี้ตี้ต้องการฝังบุตรของพวกนางไปพร้อมกัน ฉีเฟยอวิ๋นจึงยิ่งหนาวสะท้านในหัวใจ
ที่นี่เป็นสถานที่เช่นไรกันแน่ คนของที่นี่น่ากลัวยิ่งกว่าภัยพิบัติอันใหญ่หลวงเสียอีก เอะอะก็ประหารเอาชีวิตลูกเดียว
นางเคยพร่ำถามตนเองว่าจักรพรรดิอวี้ตี้ใช่บุคคลที่ควรสนิทสนมอะไรหรือไม่ แต่การเจอหน้ากันทุกครั้งความคิดของนางก็มักจะมุ่งไปยังจักรพรรดิอวี้ตี้ จักรพรรดิลักษณะเช่นนี้ เป็นสหายที่ดีสำหรับนาง ฉีเฟยอวิ๋นจึงไม่เคยระแวดระวัง
คาดไม่ถึง หลังจากบุตรของเขาเกิดเรื่อง กลับดึงตัวนางไปเป็นแพะรับบาป หากฉีเฟยอวิ๋นไม่เสียใจ ก็ไม่รู้ควรจะต้องทำตัวอย่างไร
ไม่นานหนานกงเย่ก็มาถึงตำหนักเฟิ่งอี๋ ทันทีที่เข้ามาก็เห็นฉีเฟยอวิ๋นยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว สามีภรรยาเจอหน้ากันต่างไถ่ถามเรื่องของฮองเฮาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉีเฟยอวิ๋นตอบกลับความเป็นจริง รักษาชีวิตไว้ได้ เพียงแต่ร่างกายเสื่อมโทรมมาก อย่าว่าแต่ให้กำเนิดบุตรเลย ต่อให้มีชีวิตรอดอีกเป็นสิบปีก็ล้วนเกิดปัญหาทั้งสิ้น
ในขณะที่กล่าวถึงเรื่องนี้ ความกระวนกระวายใจของฉีเฟยอวิ๋นก็ยังไม่สิ้นสุด
เดิมทีนางไม่ใช่คนที่จมปลักอยู่กับความทุกข์ กลับเพราะเรื่องและคนในราชวัง จึงจนปัญญา
คนผู้หนึ่ง ลงมือกับนางอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้ เช่นนั้นนางต้องยอมอ่อนข้อให้กับผู้อื่นหรือ
ฉีเฟยอวิ๋นบอกกล่าวอย่างชัดเจน ส่วนเรื่องอื่นมอบหมายให้แก่หนานกงเย่