องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 331 การตายของหวงผัวจื่อ
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 331 การตายของหวงผัวจื่อ
สวีกงกงมาถึงหน้าประตูและกล่าวว่า:“พระสนมเอกทรงบรรทมทั้งวัน และอาเจียนออกมาเป็นเลือด
เรื่องนี้ไม่ค่อยดีนัก พระประสงค์ของฝ่าบาทคือต้องการให้ท่านราชครูจวินเข้าไปในวัง ความเป็นความตายของพระสนมเอกนั้นยังไม่แน่นอน และพระสนมเอกก็ต้องรอให้พระชายาเย่เข้าไปในวัง
จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ และไม่สามารถเปิดเผยได้ แม้ว่าจะเป็นท่านราชครูจวินก็ตาม”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าจวินเซียวเซียวกำลังคิดจะอะไร แต่นางก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ ในเวลานี้เกิดความโกลาหลในวัง และทำให้ใต้หล้าวุ่นวาย
แต่หากจวินเซียวเซียวจริงใจ เช่นนั้นนางก็เป็นเงาของพระมเหสีหวาในตอนนั้นจริง ๆ
เมื่อเดินไปถึงเตียง ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่เห็นสาวใช้เฝ้าอยู่ มีเพียงจวินเซียวเซียวที่ใบหน้าซีดและนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง
สวีกงกงกล่าวว่า:เป็นพระประสงค์ของพระสนมเอกที่ไม่ต้องการคนรับใช้ และให้คนไปเฝ้าอยู่ด้านนอก ทรงตรัสว่าวันนี้นางอารมณ์ไม่ดี เห็นผู้ใดก็รู้สึกหงิดหงิดพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองสวีกงกง:“เข้าใจแล้ว กงกงหลบไปก่อนเถิด ข้าจะตรวจดูหน่อย”
สวีกงกงถอยออกไป ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปที่เตียงและนั่งลง นางจับข้อมือของจวินเซียวเซียวและเริ่มใช้สมาธิเพื่อตรวจดูอาการ
จวินเซียวเซียวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า:“ท่านมาแล้วหรือ?”
“พระสนมเอกทรงไม่เป็นอะไรมากเพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างใจเย็น
จวินเซียวเซียวยิ้ม:“ก็ถือว่าดี เพียงแต่รู้สึกปวดตามร่างกาย”
ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยมือ นางลุกขึ้นและเปิดผ้าห่ม เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของจวินเซียวเซียวเรียบร้อย
ฉีเฟยอวิ๋นปลดกระดุมเสื้อของจวินเซียวเซียว และเผยให้เห็นร่างของจวินเซียวเซียว
“พระสนมเอก ล่วงเกินแล้วเพคะ”
จวินเซียวเซียวหันหน้าหนีและหลับตา:“พระชายาเย่ไม่ต้องกังวล”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าจวินเซียวเซียวต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง และนางก็รู้ว่านางไม่ตายแน่นอน เพียงแต่จะเจ็บปวดทรมานเท่านั้น
ฉีเฟยอวิ๋นจับหน้าอกของจวินเซียวเซียว จากนั้นก็ลองคลำดูและพบความคลาดเคลื่อนของข้อต่อ จึงออกแรงเพื่อให้มันกลับมาที่เดิม
จวินเซียวเซียวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยมือและสวมเสื้อผ้าให้นางให้เรียบร้อย และหยิบกินยาไหลเวียนโลหิตเพื่อบรรเทาอาการปวดบวมมาให้จวินเซียวเซียวกิน จากนั้นก็ถอยออกไปยืนด้านข้าง
จวินเซียวเซียวค่อย ๆ ลุกขึ้นและแตะที่หน้าอกของตัวเอง:“เคราะห์ดีที่มีท่าน!”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“การบาดเจ็บเช่นนี้ผู้อื่นก็สามารถรักษาให้พระสนมเอกได้เพคะ”
“แต่หมอหลวงล้วนแต่เป็นบุรุษ พวกเขาไม่สามารถแตะต้องข้าได้ และข้าก็ไม่สามารถปรนนิบัติฝ่าบาทได้ เช่นนั้นก็คงต้องเจ็บปวดจนตาย!”
จวินเซียวเซียวมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นอยู่สักครู่:“ขอบใจท่านมาก”
“นี่เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันเพคะ พระสนมเอกไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบพระทัย”
“บางทีหากท่านไม่ช่วยก็คงไม่มีใครรู้ ท่านช่วยข้ามาหลายครั้งแล้ว และข้ายังไม่ได้ตอบแทนเลย ได้ยินว่าท่านมีบุตรหลายคน ข้าจึงเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ท่าน”
จวินเซียวเซียวลุกจากเตียงแล้วเดินไปที่กล่องด้านข้าง นางเปิดกล่องและหยิบห่อผ้าออกมาจากด้านใน จากนั้นก็วางลงโต๊ะแล้วเปิดให้ฉีเฟยอวิ๋นดู เดิมทีก็ดีใจ แต่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในห่อผ้าแล้ว นางก็ตกใจตกตะลึงจนถอยหลังไป
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจกับภาพตรงหน้า ในห่อผ้ามีชุดเด็กเล็กหลายชุด มีสีแดงแกมเขียว และสีชมพูแกมฟ้า แต่มีแมลงสาบจำนวนมากอยู่บนเสื้อผ้า และล้วนแต่เป็นแมลงสาบที่ตายแล้ว
เมื่อเห็นแล้วก็น่าตกใจเป็นอย่างมาก
ฉีเฟยอวิ๋นมองอยู่ครู่หนึ่ง และเดินไปหาสวีกงกงที่ปหน้าประตู:“สวีกงกง ไปเชิญเสด็จฝ่าบาทกับท่ายอ๋องเย่เข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ” สวีกงกงหันไปทางห้องโถงด้านหน้า ไม่นานหนานกงเย่กับจักรพรรดิอวี้ตี้ก็เข้ามาที่ห้องโถงด้านหลังพร้อมกัน
เมื่อเข้ามาในห้องโถงด้านหลังแล้ว หนานกงเย่ก็เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋น เขารู้สึกโล่งใจที่เห็นว่านางไม่เป็นไร
เมื่อครู่ได้ยินเสียงกรีดร้อง เขาจึงเป็นกังวล แต่ฝ่าบาททรงไม่ลุกขึ้น เขาจึงไม่ลุกขึ้นเช่นกัน
หากมีอะไรเกิดขึ้น เขาจะต้องรู้สึกได้อย่างแน่นอน
ในเวลานี้จวินเซียวเซียวตกใจจนสีหน้าซีดเผือดและตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นจักรพรรดิอวี้ตี้ นางก็เดินเข้าไปหาเพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มลง:“ฝ่าบาท”
จักรพรรดิอวี้ตี้อุ้มจวินเซียวเซียวแล้วมองไปที่โต๊ะ
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปพร้อมกับหนานกงเย่อย่างสงบนิ่ง
เมื่อมาถึงข้างหน้าโต๊ะ ฉีเฟยอวิ๋นก็กล่าวว่า:“พระสนมเอกเซียวทรงบอกกับหม่อมฉันว่านางรู้สึกซาบซึ้งที่หม่อมฉันช่วยนางไว้หลายครั้งแล้ว จึงอยากจะมองของขวัญให้แก่หม่อมฉัน นางจึงหยิบห่อผ้าออกมาจากกล่อง จากนั้นก็เปิดให้หม่อมฉันดูของขวัญที่อยากจะมอบให้แก่บรรดาบุตรของหม่อมฉัน
และก็เป็นสิ่งเหล่านี้ แมลงชนิดนี้เรียกว่าแมลงสาบ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องทรงรู้จักหรือไม่เพคะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เคยเห็นสิ่งนี้ในจวนของอ๋องเย่มาก่อน วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น แต่ไม่คิดว่ามันจะอยู่ในวัง
แต่แมลงสาบเหล่านี้ตายอย่างน่าประหลาด พวกมันหงายท้องขาชี้ฟ้าและท้องนูนขึ้นมา บ่งบอกว่าการตายของพวกมันผิดปกติ ยิ่งไปกว่านั้นแมลงสาบทุกตัวมีขนาดใหญ่มาก และตัวที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่โป้ง
หนานกงเย่ต้องการจะยื่นมือออกไปจับ แต่ถูกฉีเฟยอวิ๋นห้ามไว้
หนานกงเย่เงยหน้าขึ้นมองฉีเฟยอวิ๋น และฉีเฟยอวิ๋นก็กล่าวว่า:“ท่านอ๋องทรงรู้จักสิ่งนี้หรือเพคะ?”
“รู้จัก พวกเราเรียกมันว่าหวงผัวจื่อ ตอนเด็ก ๆ ข้าเคยเห็นมันในห้องเครื่อง และผู้คนในห้องเครื่องก็ถูกโบย หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นมันอีก แต่เมื่อโตขึ้นและออกไปอยู่นอกวัง ข้าก็เคยเห็นมันที่จวนอ๋องเย่
ข้าเกลียดสิ่งนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ศึกษามันเล็กน้อย”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หนานกงเย่กล่าว ฉีเฟยอวิ๋นก็อยากจะหัวเราะ:“ท่านอ๋องเคยศึกษามันด้วยหรือเพคะ?”
“หวงผัวจื่อที่ถูกตัดหัว มันสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกเก้าวัน มันเข้มแข็งมาก”
เมื่อหนานกงเย่พูดเช่นนั้น ฉีเฟยอวิ๋นก็ตกตะลึง นางมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของหนานกงเย่ด้วยความชื่นชม
เป็นเหมือนหัวข้อเฉพาะทาง หากไม่ใช่ผู้ที่ศึกษาวิจัยก็จะไม่รู้ แต่น่าตกใจที่เขาสามารถบอกได้
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้หัวเราะเยาะเขา แต่กล่าวอย่างจริงจังว่า:“ในความทรงจำของหม่อมฉัน นี่เรียกว่าแมลงสาบ เสี่ยวเฉียงและชื่ออื่น ๆ อีกมากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่าหวงผัวจื่อ แต่ไม่ว่าจะมีกี่ชื่อก็ตาม จะต้องเหมือนกันอย่างแน่นอน”
หนานกงเย่จับมือฉีเฟยอวิ๋นมาวางไว้ข้างหลัง จากนั้นก็มองไปที่หวงผัวจื่อและกล่าวว่า:“อวิ๋นอวิ๋นพูดต่อเถิด”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวต่อว่า:“การไม่มีหัวไม่ใช่สาเหตุการตายของมัน สาเหตุของการตายของมันเป็นเพราะมันหิวมากเกินไป
และเป็นเพราะมันไม่หัว มันจึงไม่สามารถกินอะไรเข้าไปได้ และท้องของมันก็ว่างเปล่า ดังนั้นมันจึงอดตาย
หวงผัวจื่อนั้นแข็งแกร่ง และเป็นเพราะไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันถึงฆ่าไม่ตาย
โดยปกติเมื่อพวกเราเห็นหวงผัวจื่อ เราก็จะเหยียบมันหรือไม่ก็ใช้อะไรแข็ง ๆ ตีมัน
แต่ด้วยวิธีนี้ร่างกายของมันก็ยังดีอยู่ เว้นแต่มันจะแตกละเอียด มันถึงจะตาย
การตัดหัวและเท้าของมันออกก็ไร้ประโยชน์
ในท้องของมันมีรูหายใจอยู่สองรู หากปิดกั้นไว้ พวกมันจะต้องตายอย่างแน่นอน”
หนานกงเย่ก้มลงไปมองท้องแมลงสาบใกล้ ๆ ในเวลานี้ท้องของแมลงสาบนูนขึ้นมาราวกับว่ามันกำลังตั้งครรภ์
“ไข่ของหวงผัวจื่อไม่ใช่เช่นนี้” หนานกงเย่รู้ดี
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า:“ดังนั้นจึงสามารถชี้ขาดได้ว่าหวงผัวจื่อเหล่านี้ถูกพิษจนตาย”
“ถูกพิษ?”
หนานกงเย่มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น และฉีเฟยอวิ๋นก็กล่าวว่า:“ใช่เพคะ หวงผัวจื่อเหล่านี้ถูกพิษจนตาย นี่คือรูที่พวกมันใช้แลกเปลี่ยนอากาศ และเป็นรูที่ใช้ในการหายใจ เมื่อพวกมันหายใจเข้าไปก็จะสูดดมอากาศพิษเข้าไปในท้อง และในนั้นก็เป็นเหมือนถุงลมที่เต็มไปด้วยอากาศพิษ จึงทำให้พวกมันตายเพราะถูกพิษ”
หนานกงเย่หันกลับมามองจักรพรรดิอวี้ตี้ที่อุ้มจวินเซียวเซียวไว้ แววตาของจักรพรรดิอวี้ตี้ลึกล้ำและกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า:“มีคนปองร้ายพระสนมเอกเซียว?”
“……” ฉีเฟยอวิ่นเหลือบมองจวินเซียวเซียวที่สงบนิ่ง และไม่พูดอะไร
พวกเขาสองคนพี่น้องต่างรู้ดีว่าไม่มีคนปองร้ายพระสนมเอกเซียว แต่มีคนที่ปองร้ายจักรพรรดิอวี้ตี้
ในตอนนี้สามารถพูดได้เพียงว่ามีความจริงที่ถูกปกปิดไว้ และสามารถโยนความเกี่ยวข้องนี้ให้กับจวินเซียวเซียวได้