องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 354 สองแสนตำลึงเพื่อซื้อชีวิต
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 354 สองแสนตำลึงเพื่อซื้อชีวิต
“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจ” จวินฉูฉู่ใจลอยอยู่นานกว่าจะรู้สึกตัว แต่เมื่อรู้สึกตัวแล้ว นางก็ปฏิเสธที่จะยอมรับ
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม:“จวินฉูฉู่ ที่นี่ไม่มีคนอื่น ดังนั้นข้าจะพูดตรง ๆ หากข้าไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ข้าคงจะไม่มาถามหาความผิดกับเจ้า จะว่าไปแล้ว……ก็เป็นข้าที่จับจุดอ่อนของเจ้าได้ เรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงฝ่าบาทเลย เพียงแค่ข้าไปพบท่านราชครูจวิน เจ้าก็รับผิดชอบผลที่จะตามมาไม่ไหวแล้ว และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปกราบทูลพระมเหสีหวาเลย
เจ้าให้คนไปก่อความวุ่นวายที่หน้าจวนอ๋องเย่ของข้า และทำร้ายผู้คนในจวนของข้า การกระทำที่ชั่วช้าของเจ้าในวันนี้ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะไม่มีใครในต้าเหลียงที่สามารถช่วยเจ้าได้?”
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดอะไร แต่ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้ามีหลักฐานถึงได้มาหาข้า เช่นนั้นเจ้าก็ลองนำออกมาดูสิ หากไม่สามารถนำออกมาได้ เจ้าก็อย่าคิดว่าจะรังแกจวนอ๋องตวนได้ง่าย ๆ เจ้าคิดอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป หรือคิดจะใส่ร้ายป้ายสีอย่างไรก็ได้”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าจวินฉูฉู่ไม่ได้ดีอย่างที่พูด แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และลุกขึ้นยืน
“ไม่สำคัญว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อทำการซื้อขายกับเจ้า หากเจ้ายินยอมก็ทำ แต่หากไม่ยินยอมก็ไม่เป็นไร”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปที่ประตูและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับจวินฉูฉู่ นางลุกขึ้นยืนและตะโกนเรียกฉีเฟยอวิ๋น:“เจ้าหยุดนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับมา:“มีอะไรรึ?”
สีหน้าของจวินฉูฉู่เปลี่ยนไป และเหลือบมองพ่อบ้านกับสาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ :“ออกไปให้หมด”
พ่อบ้านและสาวใช้ถอยออกไป จวินฉูฉู่เดินไปหาฉีเฟยอวิ๋น:“เจ้าต้องการอะไร?”
“เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง”
“เท่าไหร่นะ?” จวินฉูฉู่ตกใจมาก
“เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง แน่นอนว่าหากเจ้าต้องการจะให้เป็นทองคำก็ได้” ใครบ้างที่ไม่กลัวว่าเงินจำนวนจะกัดมือ
จวินฉูฉู่หัวเราะเยาะ:“ฉีเฟยอวิ๋น เจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง ครั้งก่อนเจ้าต้องการเงินหกหมื่นตำลึงจากข้า ข้าก็ให้เจ้า และในตอนนี้เจ้าต้องการเงินจากข้าหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง
น้องสะใภ้มันจะไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรือ เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าจริง ๆ หรือ?”
จวินฉูฉู่ยังคงปากแข็ง ฉีเฟยอวิ๋นใจร้อนและหิวมาก
“เจ้าจะกลัวข้าหรือไม่นั้น มันเป็นเรื่องของเจ้า หากไม่มีเงินก็ไม่พูดจาไร้สาระให้มันน้อยหน่อย เมื่อพบพระมเหสีหวาแล้ว ข้าก็จะเอาจากนาง เจ้าอาจจะไม่มี แต่พระมเหสีหวาต้องมีอย่างแน่นอน”
ฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะจากไป จวินฉูฉู่พูดอย่างโกรธจัดว่า:“ฉีเฟยอวิ๋น เจ้าอย่ารังแกกันมากเกินไป”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้พูดและเดินออกไปข้างนอก
เมื่อจวินฉูฉู่เห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะออกไปแล้ว นางจึงขวางฉีเฟยอวิ๋นไว้ และกำลังผลักฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปข้างใน
เมื่ออาอวี่เห็นว่าจวินฉูฉู่ต้องการจะลงมือ เขาก็เข้าไปขัดขวางในทันที จวินฉูฉู่ตาไวมือไว นางเป็นผู้ที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ หากนางคิดจะฆ่าฉีเฟยอวิ๋นนั้นง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ วันนี้นางเพียงแค่เข้าตาจนเลยต้องเสี่ยง
ฉีเฟยอวิ๋นรีบปกป้องท้องของนางไว้ จวินฉูฉู่ชักดาบออกจากตัว
ฉีเฟยอวิ๋นถอยห่างออกไป อาอวี่ขวางดาบของจวินฉูฉู่ไว้ และทั้งสองก็ต่อสู้กัน
อาอวี่ตะโกนว่า:“พระชายาออกไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องนี้จะต้องให้บทเรียนแก่จวินฉูฉู่บ้าง
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้เคลื่อนไหว จวินฉูฉู่หัวเราะเยาะ:“ฉีเฟยอวิ๋น หากเจ้ากล้าก็เข้ามา”
ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะเหอะ ๆ และจับที่ท้องของตัวเอง:“แน่นอนว่าข้ากล้า แต่ข้าไม่ได้ตัวคนเดียว แต่ยังมีคนที่อยู่ในท้องของข้า และนี่คือความหวังของต้าเหลียง ส่วนเจ้า……ไม่มีอะไรเลย”
“ฉีเฟยอวิ๋น ข้าจะฆ่าเจ้า” ผู้คนมักกลัวว่าจะถูกตบหน้า และสิ่งที่จวินฉูฉู่รับไม่ได้มากที่สุดคือเรื่องที่ไม่สามารถมีบุตรได้
จวินฉูฉู่ถีบอาอวี่ออกไปด้วยความโกรธ และรีบเดินตรงไปที่ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นจึงตะโกนว่า:“มีงูอยู่บนดาบ”
เดิมทีจวินฉูฉู่ถือดาบไว้แน่น และดาบก็ตกลงไปบนพื้น
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม และจวินฉูฉู่ก็รู้ว่านางถูกหลอก นางไม่ยอมและเหลือบมองดาบที่อยู่บนพื้น จากนั้นก็จับคอของฉีเฟยอวิ๋น และพูดอย่างโกรธเคืองว่า:“วันนี้เป็นวันตายของเจ้า ข้าจะดูว่าเจ้าจะทำอะไรได้อีก?”
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แววตาของนางสงบนิ่ง:“เจ้าไม่ดูว่าเจ้ามีโอกาสหรือไม่”
จวินฉูฉู่มือชาและถอยหลังไปสองสามก้าว นางยกมือขึ้นมาดูและเห็นว่าฝ่ามือของนางเป็นสีดำ และหลอดเลือดบนข้อมือของนางก็ดำคล้ำ จวินฉูฉู่รีบถกแขนเสื้อขึ้น และด้านใน แขนเสื้อก็ดำคล้ำเช่นกัน ไม่นานก็มีจุดสีดำปรากฏขึ้นและมีเลือดไหลออกมา
“นี่มันอะไรกัน?” จวินฉูฉู่ตกใจ ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปจับข้อมือของอาอวี่เพื่อตรวจดูอาการ เมื่อแน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไร นางก็มองไปที่จวินฉูฉู่
“ก่อนเย็นวันนี้จะต้องส่งเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงไปให้ข้าที่จวนอ๋องเย่ มิเช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าก็ต้องเตรียมโลงศพไว้ได้เลย”
หลังจากพูดจบแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็จากไปและอาอวี่ก็เดินตามออกไป จวินฉูฉู่กรีดร้องตามหลังไป นางเจ็บปวดใจเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทงที่หัวใจ นางจึงรีบหน้าอกไว้และเรียกให้คนเข้ามา
หมอประจำจวนรีบเข้ามาตรวจดูอาการของจวินฉูฉู่ เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้เพียงแต่ว่าถูกพิษ
หลังจากออกไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็กลับไปที่จวนอ๋องเย่ และงีบหลับกลางวันไปสักพัก
ในตอนเย็นเมื่อหนานกงเย่กลับมาแล้ว ทั้งสองก็เตรียมที่จะไปทานอาหาร และอ๋องตวนก็มา
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องตวนเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเข้ามารายงาน ฉีเฟยอวิ๋นจึงให้คนไปเชิญอ๋องตวนเข้ามา
“อวิ๋นอวิ๋น พระชายาตวนก่อเรื่องอีกแล้วใช่หรือไม่?” หนานกงเย่จับมือของฉีเฟยอวิ๋นและไม่ได้คาดหวังใด ๆ กับการกระมำของคนในจวนอ๋องตวน
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบไปมองหนานกงเย่:“ท่านอ๋องทรงรู้จักเขาดี”
“ข้าเข้าใจอวิ๋นอวิ๋น”
หนานกงเย่รู้ดีว่าฉีเฟยอวิ๋นเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้อ๋องตวนมาถึงหน้าประตูได้
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สับสน หากเป็นอย่างที่หนานกงเย่กล่าว เขาก็คงรู้จักนางเป็นอย่างดี
เมื่อมาถึงห้องโถงด้านหน้า อ๋องตวนก็รออยู่ที่นั่นแล้ว และเมื่อเห็นหนานกงเย่กับฉีเฟยอวิ๋น อ๋องตวนก็เดินออกไป
“ฉูฉู่ทำให้ล่วงเกินเจ้า ข้าจึงมาที่นี่เพื่อที่จะขอโทษ นำยาถอนพิษมาให้ข้า” อ๋องตวนไม่เกรงใจ และฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่เกรงใจเช่นกัน
“ท่านอ๋องตวนทรงทราบหรือไม่เพคะว่าเหตุใดพระชายาตวนถึงเป็นเช่นนั้น?”
“ฉูฉู่บอกว่านางเลอะเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง จึงโต้เถียงกับเจ้า และแตะต้องเจ้า จากนั้นก็ถูกพิษ” อ๋องตวนตอบตามความจริง
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบไปที่หนานกงเย่ และมองไปที่อ๋องตวน:“ท่านอ๋องตวนทรงคิดว่าอย่างไรเพคะ?”
อ๋องตวนคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ก็ไม่อยากที่จะคิด
“ข้าไม่ต้องการรู้เหตุผล ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เจ้าก็ได้โปรดผ่อนปรนด้วย และปล่อยฉูฉู่ไปข้าจะรับโทษทั้งหมดเอง”
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว:“คนล่ะ ต้องแยกแยะดีชั่วให้ได้ หากไม่สามารถแยกแยะได้ก็จะไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ
จวินฉูฉู่พยายามที่จะทำร้ายข้าหลายครั้ง และข้าก็ไม่รับประกันว่าจะไม่ฆ่านาง
แต่ในเมื่อท่านอ๋องตวนทรงคิดว่าชีวิตของหม่อมฉันสามารถฟื้นคืนกลับมาได้ เช่นนั้นหม่อมฉันจะได้ไม่ต้องเห็นแก่พระพักตร์ของท่านอ๋อง และเห็นแก่พระพักตร์ของท่านอ๋องตวนแทน
ในเมื่อท่านอ๋องตวนทรงแน่พระทัยแล้ว และต้องการที่จะช่วยคน เช่นนั้นหม่อมแันก็จะไม่เกรงใจ”
สีหน้าของอ๋องตวนเป็นเขียวคล้ำด้วยความโกรธ เขาเหลือบมองไที่หนานกงเย่ จากนั้นก็มองไปที่หงเถา:“รินน้ำชา”
หงเถาไปรินน้ำชา ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงและจับที่เท้าแขนของเก้าอี้อย่างสบาย ๆ จากนั้นก็จัดเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อยและเงยหน้าขึ้น:“เงินสองแสนตำลึงต้องมาถึงก่อนฟ้ามืด แล้วเอายาถอนพิษไป หากไม่เป็นเช่นนั้นก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก ต่อให้พระชายาตวนเป็นเทพเซียนก็ยากที่จะรอด และพรุ่งนี้เช้าท่านอ๋องตวนก็เตรียมโลงศพไว้ได้เลยเพคะ”
“สองแสนตำลึง?” อ๋องตวนจ้องมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น เขาไม่คิดว่าฉีเฟยอวิ๋นต้องการเงินมากมายเช่นนี้
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า:“ชีวิตของพระชายาตวนนั้น คุ้มค่ากับเงินสองแสนตำลึง”
อ๋องตวนถอนหายใจ:“ตกลง สองแสนตำลึง อีกเดี๋ยวข้าจะให้คนนำมาให้”
หลังจากที่พูดจบแล้ว อ๋องตวนก็หันหลังจากไป และหนานกงเย่ก็เดินไปส่งอ๋องตวน
สีหน้าของอ๋องตวนสงบนิ่งมาตลอดทาง หนานกงเย่จึงกล่าวว่า:“ข้าจะลองไปพูดกับพระชายาให้ บางทีอาจจะลดน้อยลงกว่านี้”
“ไม่ต้องหรอก สองแสนตำลึงยังพอที่จะเอาออกมาได้” หนานกงเหยี่ยนสะบัดแขนเสื้อและเดินออกไป จากนั้นหนานกงเย่ก็หันไปมองฉีเฟยอวิ๋น
ในเวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกมาจากห้องโถงด้านหน้าแล้ว หนานกงเย่เดินเข้าไปใกล้และก้มหน้าลงมามอง:“จวินฉูฉู่ล่วงเกินอวิ๋นอวิ๋นอย่างไร?สองแสนตำลึง ไม่น้อยเลยนะ”
“หลายวันที่ผ่านมาท่านอ๋องทรงไม่เห็นคนที่หน้าประตูหรือเพคะ?” เมื่อฉีเฟยอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ หนานกงก็หันไปมองหน้าที่ประตูและนึกขึ้นได้