องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 355 ยาแก้แพ้ท้องไม่ได้ผล
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 355 ยาแก้แพ้ท้องไม่ได้ผล
ฉีเฟยอวิ๋นจึงเล่าเรื่องที่เกิดชึ้นให้หนานกงเย่ฟัง สีหน้าของหนานกงเย่ไม่น่ามองมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้ฟังแล้ว เขาก็กล่าวอย่างเย็นชา:“สองแสนตำลึงยังน้อยไป”
“ไม่เป็นไรเพคะ เดิมทีแค่หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของท่านอ๋องตวน จึงขอเพิ่มอีกห้าหมื่นตำลึงเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นอธิบาย
หนานกงเย่ยังคงไม่พอใจ:“อาอวี่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ไปที่จวนอ๋องตวน แล้วทำลายป้ายประตูของเขา!”
“หา?”
อาอวี่ทำอะไรไม่ถูก เขามองหนานกงเย่และไม่พูดอะไร
ทำลายป้ายประตูของจวนอ๋องตวน แต่นั่นเป็นจวนอ๋อง
แม้ว่าจวนอ๋องเย่จะมีอำนาจมากเพียงใด แต่ก็ไม่ดีที่จะไปฉีกหน้ากันเช่นนี้
หนานกงเย่มองอย่างเย็นชา:“ทำไม?ต้องให้ข้าไปด้วยตนเองหรือ?”
“ผู้น้อยจะไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” อาอวี่หันหลังเดินออกไป เขาพาคนรับใช้ในจวนไปด้วยสองสามคน และไม่นานก็มาถึงหน้าจวนอ๋องตวน อาอวี่ผิวปาก จากนั้นคนรับใช้ก็ลงมือและป้ายประตูจวนอ๋องตวนก็ถูกทำลาย
ก่อนที่อาอวี่จะกลับมา ฉีเฟยอวิ๋นก็กำลังเฝ้ามองหนานกงเย่ สีหน้าของหนานกงเย่ไม่ค่อยดีนัก ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า:“ไม่ต้องทนทุกข์เช่นนั้นหรอกเพคะ”
“ข้าอยากจะฆ่านาง” หนานกงเย่จับมือของฉีเฟยอวิ๋นด้วยแววตาที่เย็นชา
ฉีเฟยอวิ๋นโน้มตัวเข้าไปหา:“สองแสนตำลึงก็ไม่น้อยแล้วเพคะ และหม่อมฉันก็ไม่ได้เป็นอะไร?”
“นิสัยโฉดชั่วเหมือนหมาป่า ไม่ช้าก็เร็วต้องทำให้เกิดความหายนะ อวิ๋นอวิ๋นอยู่ในที่สว่าง นางอยู่ในที่มืด จึงไม่สามารถป้องกันได้”
“หม่อมฉันจะระวังตัวเพคะ”
สองสามีภรรยาสนทนากันอยู่สักพัก และอารมณ์ของหนานกงเย่ก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เขากำลังจะกลับไปพักผ่อน และคนของอ๋องตวนก็มาพร้อมกับเงินสองแสนตำลึง
ฉีเฟยอวิ๋นไปดูเงิน มีสิบหีบ ฉีเฟยอวิ๋นจึงเปิดดูและเรียกให้คนมาตรวจนับ หลังจากที่ตรวจนับเรียบร้อยแล้วก็เอาไปเก็บในคลัง
ฉีเฟยอวิ๋นยืนนิ่งและส่ายหัว:“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องตวนทรงมีรายได้มากมาย ช่างน่าอิจฉาเสียจริง”
“มีอะไรน่าอิจฉากัน?อวิ๋นอวิ๋นก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้พูดอะไร นางหยิบยาขึ้นมาหนึ่งเม็ดและมอบให้คนของอ๋องตวน:“ผสมกับน้ำอุ่น หากกลับไปช้า ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”
คนของอ๋องตวนรับยาและรีบกลับไปในทันที ในเวลานี้จวินฉูฉู่เริ่มมีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ดแล้ว นางนอนอยู่บนเตียงและร้องโวยวายด้วยความทรมาน
อ๋องตวนยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ เมื่อเขาจะเข้าไปใกล้ จวินฉูฉู่ก็กรีดร้องเสียงดัง
ตอนที่จวินฉูฉู่เจ็บปวดทรมาน นางก็ด่าทอให้อ๋องตวนออกไป
อ๋องตวนยืนเฝ้าอยู่ในห้องและนึกถึงใบหน้าของอวิ๋นหลัวฉวน เขานึกถึงแววตาที่ไม่พึงปรารถนาของนางและรอยยิ้มที่มีความสุขของนาง
คนของอ๋องตวนเข้ามาและมอบยาให้:“ท่านอ๋อง ยาพ่ะย่ะค่ะ”
อ๋องตวนหยิบยาไปให้จวินฉูฉู่กิน จวินฉูฉู่มองไปที่อ๋องตวน และนางก็ค่อย ๆ สงบลง
ไม่เจ็บแล้ว น้ำตาของจวินฉูฉู่ไหลออกมา และมีเลือดปนออกมาด้วย น่าเกลียดมาก นอกจากนี้นางยังซูบผอมลงอีกด้วย และไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูไม่ดีเอาเสียเลย
อ๋องตวนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจวินฉูฉู่จะน่าเกลียดเช่นนี้ และคราวนี้เขาก็คิดว่ามันน่าเกลียดจริง ๆ
อ๋องตวนหันกลับไปข้างนอก และออกไปที่เรือนเซี่ยวเฟิง เขาหยุดอยู่ที่หน้าเรือนเซี่ยวเฟิงชั่วครู่จากนั้นก็เข้าไปนั่งที่ในเรือน
ในเรือนเงียบสงบ อ๋องตวนมองไปยังประตูที่อยู่ไม่ไกลอย่างเหม่อลอย
อ๋องตวนลุกขึ้นและออกไปจากจวนอ๋องตวน ป้ายประตูจวนถูกโยนไว้ที่พื้น พ่อบ้านจึงพาคนมาซ่อมแซมป้ายประตูจวนที่ถูกคนมาทำลายกลางดึก
พ่อบ้านเห็นว่าอาอวี่เป็นคนทำลายและบอกอ๋องตวนแล้ว แต่อ๋องตวนไม่ได้พูดอะไร เขาจึงไม่กล้าถามอะไรมากนัก
ไม่ง่ายเลยที่จะยั่วโมโหพระชายาเย่
อ๋องเย่จัดการเช่นนั้น เขาก็คงพอแล้ว!
“ท่านอ๋อง” เมื่อเห็นหนานกงเหยี่ยนออกมา พ่อบ้านก็รีบเข้าไปทักทาย อ๋องตวนเหลือบมองไปที่พื้นแล้วเดินจากไป
พ่อบ้านจึงรีบสั่งให้คนมาซ่อมแซมโดยเร็ว และฉวยโอกาสตอนที่ท้องฟ้ายังมืด เพื่อไม่ให้ผู้คนหัวเราะเยาะ
หนานกงเหยี่ยนออกไปและเดินไปที่จวนของฉีกั๋วกงอย่างไม่รู้ตัว
ในเวลานี้ประตูของจวนฉีกั๋วกงถูกปิดสนิท หนานกงเหยี่ยนยืนอยู่สักพักและกำลังจะจากไป
หนานกงเหยี่ยนเคยมาที่นี่หลายครั้ง แต่ถูกจวนฉีกั๋วกงปฏิเสธ เขาต้องการจะมารับอวิ๋นหลัวฉวนกลับไป แต่ฮูหยินใหญ่ของจวนกั๋วกงไม่ยินยอม เขาจึงต้องยอมแพ้
หลังจากที่ยุ่งเรื่องของจวินฉูฉู่ เขาก็ไม่ได้มาที่นี่อีก
หนานกงเหยี่ยนยืนอยู่สักพัก เขาคิดว่าหากไม่สามารถเข้าไปทางประตูได้ เขาก็จะปีนกำแพงขึ้นไป
เมื่อคนในจวนฉีกั๋วกงเห็นว่ามีคนเข้ามาก็ถือมีดเล่มใหญ่ตามไป
พอเข้าไปใกล้ก็เห็นว่าเป็นอ๋องตวน จึงถอยออกไป
เขาไม่ชอบอ๋องตวนและคิดว่าเป็นคนขี้ขลาดคนหนึ่ง แต่ก็เห็นแก่หน้าของอวิ๋นหลัวฉวน ผู้คนในจวนฉีกั๋วกงจึงเคารพเขาอยู่บ้าง
หนานกงเหยี่ยนไปรอบ ๆ เรือนของอวิ๋นหลัวฉวน ไม่มีใครอยู่ที่หน้าประตู หนานกงเหยี่ยนจึงเดินตรงเข้าไป
ไม่มีสิ่งของใด ๆ ในจวน ตงเอ๋อร์อยู่เฝ้าอยู่ที่ประตูด้านใน นางรู้ว่ามีการเคลื่อนไหวที่หน้าประตู
ตงเอ๋อร์ถือค้อนออกมาและถามว่า:“ใคร?มาที่นี่ทำไมกลางดึก?”
หนานกงเหยี่ยนหันกลับไป:“ข้าเอง”
“ท่านอ๋อง” ตงเอ๋อร์ตกใจ
หนานกงเหยี่ยนเดินไปข้างหน้า ในเวลานี้ไฟในห้องของอวิ๋นหลัวฉวนยังคงสว่างอยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะพักผ่อนอยู่ด้านใน
หนานกงเหยี่ยนเดินไปที่ประตูและเคาะประตู และไม่นานแม่นมเว่ยก็ออกมาจากด้านใน
เมื่อประตูเปิดออก แม่นมเว่ยก็ตกตะลึง และรีบถอนสายบัว:“ท่านอ๋อง”
“พระชายารองล่ะ?”
“ทรงนอนพลิกตัวไปพลิกตัวมา ยังไม่ได้บรรทม และทรงกำลังร้องไห้อยู่เพคะ”
แม่นมเว่ยก็แปลกใจเช่นกัน ยาแก้แพ้ท้องก็กินไปแล้ว แต่วันนี้นางก็ยังอาเจียนอยู่ กินอะไรไม่ลง และไม่รู้ว่าเป็นอะไร เป็นเพราะเสียใจมากเกินไป พระชายารองถึงได้ร้องไห้
และห้ามใครพูดออกไป นางเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง
หนานกงเหยี่ยนขมวดคิ้วแน่น สีหน้าของเขาดูไม่พอใจ:“ก็ดี ๆ อยู่ ร้องไห้ทำไมกัน?”
ในขณะที่พูด เขาก็ก้าวเข้าไปข้างใน
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกอึดอัดใจ นางไม่สามารถไปไหนได้เลย นางอารมณ์ไม่ดีและอาเจียนตลอดเวลา อยากกินอะไรก็กินไม่ได้ ท้องของนางว่างเปล่า และนางก็หิวมาก
อวิ๋นหลัวฉวนนอนน้ำตาไหลอยู่บนเตียง
นางเอามือกดไว้ที่ท้อง ทำไมการมีบุตรถึงได้ยากลำบากเช่นนี้!
นางมีบุตร คนอื่นก็มีบุตร แต่ทำไมนางถึงทรมานเช่นนี้
หนานกงเหยี่ยนยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยความงุนงง เขามองดูใบหน้าที่ซูบผอมของอวิ๋นหลัวฉวน เขายังคิดว่านี่เป็นความผิดปกติทางจิตใจ
ก่อนหน้าใบหน้าของนางกลม!
หนานกงเหยี่ยนเดินไปนั่งลง อวิ๋นหลัวฉวนมองไปที่หนานกงเหยี่ยนด้วยความตกตะลึง:“ท่านอ๋อง?”
“ได้ยินมาว่าเจ้าไม่สบาย ข้าเลยมาดูหน่อย” เป็นเรื่องยากที่หนานกงเหยี่ยนจะปล่อยวางเขาดึงแขนเสื้อมาเช็ดใบหน้าของอวิ๋นหลัวฉวน อวิ๋นหลัวฉวนลุกขึ้นนั่ง นางสวมชุดซับในสีขาว นางซูบผอมลงมากและนั่งกอดเข่า
ทั้งสองมองหน้ากัน หนานกงเหยี่ยนถามว่า:“ไม่สบายหรือ?”
อวิ๋นหลัวฉวนบอกไม่ถูก:“เพียงแค่รู้สึกหิว อย่างอื่นก็สบายดีเพคะ”
หนานกงเหยี่ยนถาม:“ของกินล่ะ?”
“ทรงเสวยไม่ได้เพคะ เสวยอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมา” แม่นมเว่ยอธิบาย หนานกงเหยี่ยนหันกลับไปมองด้วยความแปลกใจ
“มิน่าใช่ ยาแก้แพ้ท้องของท่านราชครูจวิน ข้าได้ยินว่าเสด็จย่าก็เคยใช้มันมาก่อน เหตุใดพระยารองจึงเป็นเช่นนี้ได้?”
แม่นมเว่ยส่ายหัว:“เรื่องนี้บ่าวก็ไม่รู้เพคะ แต่คืนนี้อาการรุนแรงมาก และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คนรู้สึกไม่สบายใจก็ไม่เป็นไร แต่หากเป็นเด็กแล้วจะทำอย่างไรเพคะ?”
หนานกงเหยี่ยนลุกขึ้นยืน:“ข้าจะไปที่จวนอ๋องเย่ และเชิญพระชายาเย่มา”
“ท่านอ๋อง กลางดึกเช่นนี้พระชายาเย่จะเสด็จมาหรือเพคะ?อีกอย่างพระองค์ก็ยุ่งมาก จะไปเชิญเสด็จเวลานี้คงไม่ดี?” แม่นมเว่ยไม่ได้คิดว่าฉีเฟยอวิ๋นจะไม่ช่วย แต่คิดว่ากลางดึกเช่นนี้ ท่านอ๋องเย่คงจะไม่อนุญาต
หนานกงเหยี่ยนไม่ได้คิดมากเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียด:“ข้ามีวิธีทางของเขา”