องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 363 ยุ่งเหยิงไปแล้ว
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 363 ยุ่งเหยิงไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เคยคิดเกี่ยวกับปัญหานี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมในหัวของเธอจู่ๆ ก็มีความคิดเช่นนี้ หาวันเวลาดีๆ เพื่อทดสอบเขาสักครั้ง
“อวิ๋นอวิ๋นไม่คิดทำเช่นนั้น” หนานกงเย่กล่าวออกมาด้วยความโมโห
จู่ๆ ฉีเฟยอวิ๋นก็เข้าใจได้ทันทีว่าหนานกงเย่รู้สึกโกรธ เขาไม่ต้องการถูกหักหลัง หากเธอทำเช่นนั้น เขาคงทำเหมือนอย่างที่ทำกับจวินฉูฉู่กับเธอ
“ทำไมหรือ ท่านโมโหหรือ?”
จวินฉูฉู่มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น “ฉีเฟยอวิ๋น เจ้าไม่ต่างไปนักหรอก หากเจ้าทรยศหักหลังเขา เขาจะต้องทำเช่นนี้กับเจ้า
ผู้หญิงในเมืองหลวงมีตั้งมากมาย คนที่สวยกว่าข้าและเจ้ามีเต็มไปหมด ต่อให้ตอนนี้ไม่มี อนาคตต่อไปต้องมีอย่างแน่นอน
เจ้ากล้าพูดหรือว่าเจ้าไม่กังวล เจ้ากล้าพูดหรือว่าเขาจะดีต่อเจ้าไปตลอดชีวิต เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าเจ้าไม่ต้องการอำนาจ?
เกิดเป็นคน ทำไมต้องเป็นผู้หญิง?
เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นผู้หญิงมันช่างต่ำต้อย?
วันนี้หากไม่ต้องการอะไร วันต่อไปก็จะเป็นจุดจบของข้า?
เขาจะมีผู้หญิงเป็นจำนวนมาก และสุดท้ายเจ้าจะกลายเป็นคนที่เขารังเกียจที่สุด
ถึงตอนนั้น เขาก็จะไปจากเจ้า
ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีอำนาจ สิ่งที่เจ้าเหลืออยู่มีเพียงความเหงาเดียวดาย
ข้าไม่ต้องการเป็นผู้หญิงเช่นนั้นที่วันๆ เอาแต่รอให้เอาพลิกแผ่นป้ายเพื่อมาเจอ ข้าผิดตรงไหน?”
หนานกงเย่ขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการให้ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินสิ่งเหล่านี้
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่คิดอะไรและหัวเราะออกมา “เจ้าผิดก็ตรงที่โยนทุกอย่างไปที่ผู้ชาย ทำให้ผู้ชายต้องมาทำตามเจ้าทุกอย่าง
และข้าจะไม่มีทางเป็นแบบเจ้า
หากมีวันนั้นที่เขาจะไปตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่น ข้าจะจากเขาไป
เขาไม่มีค่า บนโลกนี้มีค่ามากกว่า ยังมีคนอื่นที่ดีกว่าเขา
อำนาจและตำแหน่งอะไรนั่น สำหรับข้าแล้วไม่มีความสำคัญเลย
ต้องการหัวใจของคนหนึ่งไว้ และอยู่ด้วยกันไม่จากไปไหน
นี่ต่างหากเป็นสิ่งที่ข้าต้องการ เจ้าจะเข้าใจได้อย่างไร?”
จวินฉูฉู่ตกตะลึง หนานกงเย่ค่อยๆ ดึงฉีเฟยอวิ๋นไปใกล้ “ข้าจะไม่จากอวิ๋นอวิ๋นไปไหน และจะไม่มีผู้หญิงคนอื่น”
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม “ก่อนหน้านี้ท่านไม่เคยพูดเรื่องนี้ วันนี้ดูประม่าเช่นนี้ หรือว่าในใจของท่านเคยคิดเอาไว้หรือเพคะ?”
“พูดจาเหลวไหล ข้าไม่เคยนึกถึงผู้หญิงคนอื่นทั้งนั้น”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ต้องการพูดเรื่องนี้ และมองไปที่จวินฉูฉู่ จวินฉูฉู่มองฉีเฟยอวิ๋นด้วยสายตาโกรธแค้น “พวกเจ้ามาหาข้าที่นี่ก็เพื่อต้องการแสดงให้ข้าดูอย่างนั้นหรือ?”
“เป็นเพราะเจ้าเตือนข้าขึ้นมาก่อน ข้าจึงอธิบายให้เจ้าฟัง” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ต้องการพูดอะไรมาก จึงไม่ได้พูดต่อ
“ลงมือเถอะ”
หนานกงเย่ออกคำสั่ง คนของเขาเตรียมตัวจะลงมือและจวินฉูฉู่ก็ตะโกนออกมา “หนานกงเย่ พวกเขาไม่สามารถฆ่าข้าได้ หากต้องการฆ่าก็เป็นเจ้าที่มาฆ่าข้า”
หนานกงเย่ไม่สนใจ คนเหล่านั้นเริ่มทำการลงมือ
“ช้าก่อน” จู่ๆ ท่านอ๋องตวนก็โผล่เข้ามาจากประตู ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหนานกงเยี่ยนที่วิ่งเข้ามา หนานกงเยี่ยนได้มาถึงตรงหน้าของจวินฉูฉู่
“อย่าฆ่านาง ข้าให้สัญญาต่อไปนางจะอยู่ในเรือนแห่งนี้และไม่ออกไปไหน และไม่ไปทำร้ายพระชายาเย่อีก”
หนานกงเย่มีสีหน้าเย็นชา นัยต์ตาเป็นประกายเย็นชา “พี่รองคิดว่าจะควบคุมนางไว้ได้หรือ?”
ขณะนี้หนานกงเย่กำลังเดินไปที่พวกเขา และชักดาบที่เอวออกมาและกล่าวว่า “ข้าสามารถทำให้พี่รองตัวขาดเป็นท่อนออกไป”
“เจ้ากล้าหรือ?” ท่านอ๋องตวนดึงจวินฉูฉู่ไว้ และจวินฉูฉู่ก็ดึงท่านอ๋องตวนไว้เพื่อต้องการให้ท่านอ๋องตวนมากันนางไว้
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกทำอะไรไม่ถูก จวินฉูฉู่เห็นท่านอ๋องตวนเป็นอะไรกัน?
อวิ๋นหลัวฉวนยืนอยู่ข้างนอก และนางก็ถือดาบเดินเข้ามา ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกสับสนขึ้นมา
อวิ๋นหลัวฉวนเดินไปข้างกายของท่านอ๋องตวนและชี้ดาบไปทางหนานกงเย่ “หากท่านทำอะไรท่านอ๋องตวน ข้าจะฆ่าท่าน!”
หนานกงเยี่ยนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นหลัวฉวนได้มายืนกันไว้อยู่ตรงหน้าของเขา หนานกงเยี่ยนไม่ตอบสนองใดๆ เขามองไปที่ใบหน้าของอวิ๋นหลัวฉวนอย่างเหม่อลอย
ดวงตาของหนานกงเย่นั้นเคร่งขรึม “อวิ๋นหลัวฉวนกรุณาถอยออกไป”
“ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
อวิ๋นหลัวฉวนมีแววตาที่เย็นชาและเฉียบคม นางเป็นคนที่ฆ่าศัตรูได้อย่างไม่อ่อนข้อให้
หนานกงเย่มองไปที่ท่านอ๋องตวน “เช่นนั้นพี่รองออกมา ไม่เช่นนั้นตรงหน้าจะมีให้เห็นถึงสองศพ”
“ท่านบ้าไปแล้ว!”
อวิ๋นหลัวฉวนพูดพร้อมกับชี้ดาบไปทางหนานกงเย่เพื่อลอบสังหาร หนานกงเย่เบี่ยงตัวเพื่อหลบ อวิ๋นหลัวฉวนหมุนตัวและแทงเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจจนร้องตะโกนออกมา “นางกำลังตั้งครรภ์ ห้ามใช้กำลัง”
หัวใจของท่านอ๋องตวนเต้นด้วยความตกใจ “ฉวนเอ๋อร์!”
หนานกงเย่เล็งโอกาสไว้และพุ่งดาบตรงไปที่จวินฉูฉู่เพื่อที่จะฆ่านางให้ได้!
ท่านอ๋องตวนพลิกตัวไปเพื่อกันนางไว้ เมื่ออวิ๋นหลัวฉวนเห็นดาบพุ่งออกไปจึงผลักหนานกงเยี่ยนและใช้ไหล่ของนางรับดาบไว้แทน
ดาบทิ่มแทงเข้าไปที่ไหล่ของนาง อวิ๋นหลัวฉวนถอยหลังไปก้าวหนึ่งและดาบในมือของนางก็ตกลงกับพื้น
หนานกงเยี่ยนตกใจและรีบวิ่งเข้าไป
อวิ๋นหลัวฉวนปล่อยแขนลงและมองไปที่ดาบที่อยู่บนพื้น นางคุกเข่าลงข้างเดียวเพื่อก้มลงไปหยิบดาบขึ้นมา และใช้ดาบเพื่อประคองตัวให้ลุกขึ้นยืน
ท่านอ๋องตวนประคองนางไว้ “ฉวนเอ๋อร์”
อวิ๋นหลัวฉวนกัดฟัน “ท่านอ๋อง ข้าจะปกป้องท่าน”
เมื่อลุกขึ้นมาได้ อวิ๋นหลัวฉวนก็ยืนนิ่ง ท่านอ๋องตวนมองไปที่ไหล่ของนางที่มีเลือดไหลออกมาและจูงนางเพื่อจะออกไป แต่อวิ๋นหลัวฉวนกลับไม่ยอม
นางมองไปที่หนานกงเย่ด้วยสายตาที่เฉียบคม “วันนี้หากท่านอ๋องเย่ฆ่าข้าได้ ถึงจะฆ่าท่านอ๋องได้ ไม่เช่นนั้นก็ออกไปจากที่นี่”
“คนที่ข้าจะฆ่าคือจวินฉูฉู่ นางนำคนมาลอบสังหารอวิ๋นอวิ๋น หากเจ้ากล้ามาขัดขวาง ข้าก็จะไม่ปล่อยเอาไว้”
ตงเอ๋อร์และแม่นมเว่ยวิ่งเข้ามา อวิ๋นหลัวฉวนตะโกนออกไป “ถอยออกไป!”
เสียงของอวิ๋นหลัวฉวนดังกึกก้อง จนถึงตอนนี้ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือเรื่องอะไร
อวิ๋นหลัวฉวนคนนี้ชอบท่านอ๋องตวนหรือไม่นะ!
“กินยาห้ามเลือดก่อนหนึ่งเม็ดนะ” ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาห้ามเลือดออกมาและเตรียมที่จะเดินเข้าไปใกล้อวิ๋นหลัวฉวนเพื่อส่งยาให้
อวิ๋นหลัวฉวนมองด้วยสายตาเยือกเย็น “ไม่กิน”
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดลง นับว่ามีความเย่อหยิ่ง ไม่แปลกที่เป็นคนของตระกูลอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกยกย่องขึ้นมาเล็กน้อย
หนานกงเยี่ยนดึงอวิ๋นหลัวฉวนไว้ “ถอยไป”
อวิ๋นหลัวฉวนส่ายหน้า “ไม่ถอย ท่านพาจวินฉูฉู่ออกไป ข้าจะกันเอาไว้เอง ข้าเป็นคนของตระกูลอวิ๋น หากเขากล้าทำอะไรข้า ตระกูลอวิ๋นของข้าจะบุกไปที่จวนท่านอ๋องเย่ของเขา”
ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะขึ้นมา จนถึงตอนนี้เธอเองเพิ่งจะรู้จักอวิ๋นหลัวฉวนเข้าจริงๆ
แต่กลับได้ท่านอ๋องตวนเข้าไปอยู่ในบ้าน
จนถึงตอนนี้ เขายังต้องการที่จะปกป้องจวินฉูฉู่ เขากำลังคิดอะไรกันแน่?
“น้องสาม เจ้าทำร้ายฉวนเอ๋อร์ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่” ท่านอ๋องตวนปล่อยมือและจูงอวิ๋นหลัวฉวน นำดาบในมือของนางไปถือไว้และชี้ไปที่หนานกงเย่
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกสับสน สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้เธอเริ่มไม่เข้าใจ
จวินฉูฉู่หยิบปิ่นปักผมบนศีรษะออกมาและเดินไปทางฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมอง จวินฉูฉู่จึงรีบก้าวเข้าไปเพื่อจะทิ่มไปที่ฉีเฟยอวิ๋น อวิ๋นหลัวฉวนไปขัดขวางไว้และหนานกงเย่ก็เตะออกไป
จวินฉูฉู่ถูกเตะออกไปกระแทกเข้ากับขอบเตียง ทำให้มีเลือดกระอักออกมาจากปาก
และได้โยนทิ้งปิ่นปักผมที่อยู่ในมือ
สถานการณ์เป็นไปอย่างไม่มีทางออก หนานกงเย่เดินอ้อมไปหยิบดาบจากชายชุดเกราะขึ้นมา
ท่านอ๋องตวนหันไปขัดขวางหนานกงเย่ไว้ “หยุดนะ”
สองพี่น้องเผชิญหน้ากัน ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ในส่วนที่เฝ้าระวัง อวิ๋นหลัวฉวนก้าวขยับและกระโดดขึ้นไปหยิบดาบจากชายชุดเกราะ หลังจากนั้นจึงหันกลับมาและแนบดาบไว้กลางลำคอของฉีเฟยอวิ๋น “หนานกงเย่ หากท่านทำอะไรท่านอ๋อง ข้าจะฆ่านาง!”
หนานกงเย่หันกลับไป คอของฉีเฟยอวิ๋นมีเลือดออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่หนานกงเย่ “ท่านอ๋อง พวกเรากลับกันเถอะ เจ็บ!”
หนานกงเย่กัดฟัน “อวิ๋นหลัวฉวน……”
ท่านอ๋องตวนก็ตกตะลึง อวิ๋นหลัวฉวนใช้แรงกดดาบ ฉีเฟยอวิ๋นก็ออกแรงขมวดคิ้วด่าออกมา “ท่านอ๋อง เจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
หนานกงเย่โยนดาบในมือทิ้งลงและรีบเข้าไปใกล้ “อวิ๋นอวิ๋น”
อวิ๋นหลัวฉวนตะโกน “หยุด อย่าขยับ ยอมตกลงที่จะปล่อยจวินฉูฉู่หรือไม่?”
หนานกงเย่กล่าวออกมาด้วยความโกรธ “ปล่อยอวิ๋นอวิ๋นเดี๋ยวนี้”
“ตกลงหรือว่าไม่ตกลง?”
“ตกลง!”
หนานกงเย่รีบเข้าไปใกล้ อวิ๋นหลัวฉวนรีบปล่อยมือลงและถอยออกไปสองก้าว
ฉีเฟยอวิ๋นลูบไปมา บาดแผลเริ่มประสานเข้าด้วยกันแล้ว
หนานกงเย่ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน ฉีเฟยอวิ๋นแสร้งทำเป็นหมดสติไป หนานกงเย่กอดและอุ้มฉีเฟยอวิ๋นไว้และก้าวเท้าเดินออกไป
ชายชุดเกราะหยิบดาบของหนานกงเย่และรีบถอยออกไป