องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 374 ช่วยชีวิตผู้อื่น
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 374 ช่วยชีวิตผู้อื่น
อวิ๋นหลัวฉวนเดินไปที่หนานกงเยี่ยนอย่างกล้าหาญและยกมือขึ้นมาประสานกัน
หลังจากนั้นหนานกงเยี่ยนก็กุมมือของนางไว้ อวิ๋นหลัวฉวนไม่คิดอะไร แต่หนานกงเยี่ยนกลับมีจิตใจฟุ้งซ่านเตลิดเปิดเปิง
“เช่นนั้นข้าส่งให้คนไปยืมมาจากจวนท่านแม่ทัพ”
“อืม”
อวิ๋นหลัวฉวนเดินไปนั่งรออยู่อีกฝั่งหนึ่ง หนานกงเยี่ยนเดินออกไปสั่งให้คนนำหมากรุกที่เตรียมพร้อมไว้แล้วเข้ามา
ไม่นานตรงหน้าของอวิ๋นหลัวฉวนก็ปรากฏกระดานหมากรุกขึ้น อวิ๋นหลัวฉวนจัดวางอย่างดี “ท่านเริ่มก่อน”
หนานกงเยี่ยนก็ไม่ลังเลอะไร คิดอยู่ครู่หนึ่งและจึงเริ่มเดินหมากก่อนหนึ่งก้าว
อวิ๋นหลัวฉวนกระหยิ่มยิ้มย่อง นางเล่นหมากรุกได้เก่งกาจมากแล้ว
นางรู้ดีถึงเหตุผลที่ทหารผู้หยิ่งผยองต้องพ่ายแพ้ แต่หนานกงเยี่ยนไม่เคยเล่นมาก่อน เพียงแค่เคยเห็นเท่านั้น ฉะนั้นนางจึงไม่กลัว
ทั้งสองเล่นกันไปสลับไปมา อวิ๋นหลัวฉวนเริ่มจะนั่งไม่ติดเก้าอี้เสียแล้ว
ตรงกันข้าม หนานกงเยี่ยนกลับสงบนิ่งและผ่อนคลายเหมือนก่อน
“ท่านเล่นไม่เป็นไม่ใช่หรือ?” อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกแปลกใจ
“เห็นเจ้าเล่นก็เลยเล่นเป็นเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงแต่ต้องเล่นกับฉวนเอ๋อร์เลยรู้สึกว่ายากอยู่บ้าง”
หนานกงเยี่ยนยังคงโกหกเพื่อปลอบ!
เขาถึงขั้นไปหาหนานกงเย่เพื่อให้หนานกงเย่สอนเขามาแล้ว ข้อมูลจากนกพิราบที่ส่งมาให้เขานั้น รวมไปถึงเขาก็ได้ฝึกซ้อมด้วยตัวเองทุกวัน
จึงทำให้มีผลลัพธ์เช่นนี้
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกหดหู่เมื่อมองดูหมากรุกสามชิ้นของนาง
เมื่อรู้ว่าสถานการณ์จบลงแล้ว คงต้องยอมรับความพ่ายแพ้
“ข้าแพ้แล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน แต่ต้องหย่าร้าง ท่านย่าของข้ากล่าวไว้แล้ว” อวิ๋นหลัวฉวนดูเศร้าสร้อย
หนานกงเยี่ยนไม่อยากเห็นนางเป็นเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยนางไปได้
“ฉวนเอ๋อร์ก็เป็นลูกหลานของท่านแม่ทัพ ทำให้ถึงพูดแล้วไม่ทำตามที่พูดล่ะ แล้วเช่นนี้ยังจะเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ได้อย่างไร จะไปเขตชายแดนได้อย่าง?”
“ท่าน……” อวิ๋นหลัวฉวนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ นางคาดการณ์ผิดไป!
เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้ แม้ว่าในใจจะไม่ยินยอม แต่อวิ๋นหลัวฉวนทำได้เพียงตอบตกลง นางไม่สามารถผิดคำพูดได้
หนานกงเยี่ยนได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจจากนั้นจึงสั่งให้คนเตรียมห้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า คืนนี้เขาจะอยู่ที่นี่
“ท่านทำอะไรน่ะ?” อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นว่าหนานกงเยี่ยนจะอยู่ที่นี่ในคืนนี้และกำลังถอดเสื้อผ้า
“ข้าเหนื่อยแล้ว หลายวันมานี้ไม่ได้พักผ่อนดีเลย วันนี้ข้าจะอยู่พักผ่อนที่นี่”
“เช่นนั้นแล้วข้าล่ะ?” อวิ๋นหลัวฉวนมองไปที่เตียงที่นอนได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และไม่มีเตียงอื่นอีกเลย
“ก็นอนที่เตียงเดียวกันนะสิ เดิมทีข้าก็นอนอยู่ที่นี่นะ”
“ท่านเคยมานอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร?”
“ข้าจำได้ว่าข้าเคยมานอนหลายครั้งแล้ว”
“เช่นนั้นตอนนี้ท่านก็ไม่สามารถนอนได้”
“ในเมื่อเป็นพระชายาของข้า เช่นนั้นก็ต้องนอนด้วยกัน”
“เช่นนั้นไม่ได้……”
อวิ๋นหลัวฉวนไม่รู้ถูกรู้ผิด นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้
หนานกงเยี่ยนยื่นมือออกไปบีบคางของอวิ๋นหลัวฉวน “ฉวนเอ๋อร์ ในปีนี้ข้าจะเชื่อฟังเจ้า และเจ้าก็อย่าหนีข้าไปไหนดีหรือไม่?”
“ท่านอ๋องมีตำแหน่งที่ใหญ่โตสูงส่งจะมาเชื่อฟังคำพูดของผู้หญิงอย่างข้าได้อย่างไร หากพูดออกไปเกรงว่าจะถูกหัวเราะเอาได้?”
“ข้าหมายถึงเรื่องที่ข้าจะไม่ฆ่าจงชินอ๋อง”
“นี่……” อวิ๋นหลัวฉวนเหมือนจะฝืนเข้าใจเล็กน้อย ยังคงข่มขู่
“ท่านปล่อยคางของข้าเดี๋ยวนี้” อวิ๋นหลัวฉวนดึงมือของหนานกงเยี่ยนออก หนานกงเยี่ยนหันกลับไปสั่งให้คนนำถังน้ำเข้ามา อวิ๋นหลัวฉวนตกใจจนไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหน เขาปลดเสื้อและผ้าคาดเอวออก จากนั้นจึงเดินเข้าไปในถังน้ำ อวิ๋นหลัวฉวนตกใจจนหันหลังให้กับเขา และรอให้เขาออกมา
“วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว นอนพักเถอะ”
จากนั้นจึงอุ้มอวิ๋นหลัวฉวนไปวางไว้ที่เตียง หนานกงเยี่ยนปลดมุ้งที่เตียงลงจากนั้นจึงนอนลง
อวิ๋นหลัวฉวนหันศีรษะและยังไม่เข้าใจ รู้สึกเพียงว่าหัวใจเต้นแรงมาก
เวลากลางดึกอวิ๋นหลัวฉวนจึงหลับไป หนานกงเยี่ยนที่ยังไม่หลับได้ลืมตาขึ้นมาพลิกตัวและมองไปที่อวิ๋นหลัวฉวนที่หลับสนิท จากนั้นก็ปลดเสื้อของนาง……
ตอนเช้าอวิ๋นหลัวฉวนตื่นขึ้นมาพร้อมกับนอนกอดหนานกงเยี่ยนไว้ นางตกใจจนรีบเก็บมือกลับเข้าไป
หนานกงเยี่ยนยังไม่ตื่น นางจึงแสร้งทำเป็นนอนหลับ
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปและได้เริ่มทำการวางแผน จิ้งจอกหางสั้นและเจ้าอีกาน้อยรายงานว่าอวิ๋นหลัวฉวนอยู่ในเรือนเซี่ยวเฟิงของจวนท่านอ๋องตวน
แต่จวนท่านอ๋องตวนนั้นมีการปกป้องที่แน่นหนา ฉีเฟยอวิ๋นจำเป็นต้องใช้เวลา
คืนนี้พอเหมาะที่จะให้ฉีเฟยอวิ๋นวางแผน
อาอวี่จัดการส่งคนไปเตรียมเอาออกมาตอนกลางวัน
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ฉีเฟยอวิ๋นก็ได้ดูชั่วยามจากนั้นจึงนำคนไปที่เรือนหลังของจวนท่านอ๋องตวน และทิ้งอาอวี่ให้รออยู่ข้างนอก และจัดคนจำนวนหนึ่งเข้าในข้างใน จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินอ้อมไปประตูหน้าเพื่อไปหาท่านอ๋องตวน
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าประตูไปพบท่านอ๋องตวน จากนั้นเจ้าอีกาน้อยจึงร้องขึ้น อาอวี่จึงสั่งให้คนลงมือ
ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของฉีเฟยอวิ๋น
หนานกงเยี่ยนเห็นฉีเฟยอวิ๋นและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เมื่อวานก็มา ทำไมวันนี้ก็ยังมาอีกหรือ?”
“คารวะท่านอ๋องตวนเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวทักทายท่านอ๋องตวน
ท่านอ๋องตวนกล่าว “มาที่นี่มีธุระอะไรหรือ”
“ท่านอ๋องตวน วันนี้ที่ข้ามาเพราะต้องการมาถามเรื่องหนึ่ง”
“เชิญพระชายาเย่พูดมาเลย”
“ท่านอ๋องตวนได้เห็นพระชายารองอวิ๋นหรือไม่?”
“ตั้งแต่วันนี้ไปต้องเรียกว่าพระชายาตวน ข้าได้รับคำสั่งของเสด็จแม่แล้วแต่งตั้งให้ฉวนเอ๋อร์เป็นพระชายาตวน”
“โอ้ เช่นนั้นข้าลืมไปแล้ว ยินดีกับท่านอ๋องตวนด้วยที่มีพระชายา”
“ขอบคุณ”
หนานกงเยี่ยนนั่งลง “พระชายาเย่มาหาข้ามีธุระอะไรหรือ?”
“ก็ไม่มีธุระอะไร พระชายาตวนเดิมทีก็เติบโตมาในจวนท่านแม่ทัพ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนตำหนักหม่านเยว่ได้ส่งคนมารับตัวไป จวนกั๋วกงส่งคนมารับไปและบอกกับข้าว่าในวังไม่ได้รับไป แต่ตอนนี้หาไม่เจอ ข้าจึงต้องมาถามทุกเรือนทุกจวน และจวนท่านอ๋องตวนก็เป็นที่แรก”
ฉีเฟยอวิ๋นค่อยๆ พูดออกมา
หนานกงเยี่ยนหัวเราะ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หลายวันมานี้ค่อนข้างยุ่งมาก ยังไม่ทันจะไปรับ ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ประเดี๋ยวข้าจะเข้าวังไปถามไถ่ดู”
ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้วมองไปที่หนานกงเยี่ยน แต่ก็ไม่ต้องการอยู่ต่อ เพราะเธอเห็นเจ้าอีกาน้อยที่บินมาอยู่ข้างนอกแล้ว
คิดว่าได้ลงมือแล้วแน่ๆ
เธอกลับประเมินอาอวี่ต่ำเกินไป ไม่คาดคิดเลยว่าจัดการได้รวดเร็วเช่นนี้
เมื่อลุกขึ้นฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า “ในเมื่อพระชายาตวนไม่ได้ถูกท่านอ๋องตวนรับกลับมา เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนแล้ว และจะไปหาที่อื่นอีก”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและเดินออกไป หนานกงเยี่ยนกลับรู้สึกว่าไปก็ดีแล้ว!
พ่อบ้านรีบร้อนส่งแขก จากนั้นหนานกงเยี่ยนจึงกลับไปที่เรือนหลังเพื่อไปหาอวิ๋นหลัวฉวน
เมื่อเดินมาถึงภายนอกของตำหนักเซี่ยวเฟิง หนานกงเยี่ยนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมีสติกลับมาทำไมหน้าประตูถึงมีคนนอนหมดสติอยู่?
จึงรีบร้อนเข้าประตูไป เมื่อเข้าประตูไปก็พบว่ามีคนนอนหมดสติอยู่ที่พื้นมีจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไป
“ฉวนเอ๋อร์……”
ท่านอ๋องตวนกลับไปในห้องและไม่มีคนอยู่
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นออกมา หน้าประตูมีรถม้าสองคัน อาอวี่นั่งอยู่ภายนอกของรถม้า ท่านพ่อบ้านอาวุโสไม่แม้แต่จะสงสัยเลยสักนิด เมื่อส่งฉีเฟยอวิ๋นขึ้นรถม้าแล้วจึงถอยกลับไปอีกฝั่งหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในรถม้าและได้เห็นอวิ๋นหลัวฉวนที่กำลังนั่งอยู่ข้างใน อวิ๋นหลัวฉวนต้องการจะพูดขึ้นมา แต่ฉีเฟยอวิ๋นส่งสัญญาณให้เงียบเสียงไว้
อวิ๋นหลัวฉวนจึงรีบปิดปาก ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินเข้าไปนั่งลง
เมื่อรถม้าออกเดินทาง ฉีเฟยอวิ๋นจึงพูดขึ้นมา “ฮูหยินขอให้ข้ามาหาเจ้า ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับไป นับว่าได้คลายความร้อนใจให้กับจวนท่านแม่ทัพ หากหาเจ้าไม่พบ ท่านพ่อของข้าคงจะไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้”
อวิ๋นหลัวฉวนอยู่ในความงุนงงและไม่พูดอะไร
เมื่อรถม้ามาถึงหน้าประตูจวนกั๋วกง ฉีเฟยอวิ๋นลงรถม้ามาก่อน เมื่อลงมาจึงสั่งให้อาอวี่เข้าไปรายงาน
อวิ๋นหลัวฉวนเดินตามฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในจวนกั๋วกง
“ฉวนเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
เมื่อเห็นหลานสาว ฮูหยินกั๋วกงจึงร้องไห้ออกมา ผู้คนในตระกูลอวิ๋นนั้นมีมากมาย ไม่สามารถทนเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ได้ ดูเหมือนลูกสาวได้รับความทุกข์ทรมานจากเหตุการณ์ที่ไร้มนุษยธรรมภายนอก ทุกคนต่างก็ร้องไห้ออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สามารถทนเห็นผู้คนเป็นเช่นนี้ได้ เธอพูดคุยไม่กี่ประโยคจากนั้นจึงขอตัวกลับจวนท่านอ๋องเย่
เธอเพิ่งจะกลับไป ท่านอ๋องตวนก็เข้ามาหาเธอ