องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 375 ถึงเวลาสะสางบัญชีท่านอ๋องตวน
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 375 ถึงเวลาสะสางบัญชีท่านอ๋องตวน
ท่านอ๋องตวนถลันเข้ามาในสวนดอกกล้วยไม้ เข้ามาถึงด้านในก็รีบคว้าตัวของฉีเฟยอวิ๋นทันที บนตัวนางในตอนนั้นมีเจ้าอีกาน้อยเกาะอยู่บนไหล่ เจ้าจิ้งจอกน้อยกอดติดอยู่บนขาของฉีเฟยอวิ๋น คนที่อยู่โดยรอบเตรียมจะพุ่งตัวเข้าไป แต่ก็ทำได้ยากยิ่ง เพราะถึงอย่างไรฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้อนุญาตให้พวกเขาลงมือเด็ดขาด
เจ้าอีกาน้อยจึงได้หันไปเตรียมจะเจาะเข้าดวงตา หากดวงตาของท่านอ๋องตวนบอด นางเองก็คงจะรับผิดชอบไม่ไหว
ฉีเฟยอวิ๋นเรียกเจ้าอีกาน้อย : “อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม เขาเป็นพี่รองของท่านอ๋อง”
เจ้าอีกาน้อยเดิมทีไม่เข้าใจ หันหน้าไปมองฉีเฟยอวิ๋น
เจ้าจิ้งจอกน้อยมีสติปัญญายิ่งกว่า นางกลับคลอเคลียอยู่บนขาของฉีเฟยอวิ๋นอย่างว่าง่าย
ฉีเฟยอวิ๋นแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ : “ท่านอ๋องตวนมาเยือนถึงจวนอ๋องเย่ของข้า ถลันเข้ามาถึงในเรือน นี่เป็นความผิดร้ายแรงนะเพคะ”
“ฉวนเอ๋อร์ละ? เจ้าพาตัวนางออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ข้าไม่อยากโต้เถียงกับเจ้า หากไม่เช่นนั้น วันนี้ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
“แม้ว่าท่านอ๋องตวนจะบอกว่ามาหาพระชายาตวน แต่กระนั้นพระชายาตวนก็ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เจ้ากล้าบอกว่าฉวนเอ๋อร์ไม่ได้ถูกเจ้าพาตัวไปเช่นนั้นหรือ? เจ้าไปหาข้า เพื่อกันข้าออก แล้วให้คนของเจ้ามาพาตัวของฉวนเอ๋อร์ไป เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
ฉีเฟยอวิ๋นถามกลับด้วยสีหน้าจริงจัง : “เช่นนั้นที่ท่านอ๋องตวนบอกว่าพระชายาตวนไม่ได้อยู่ในจวน ก็หลอกลวงสิเพคะ?”
“เจ้า….” ท่านอ๋องตวนหมดความอดทนจะกลายเป็นความโกรธ เขาโบกมือไปมา จนกระทั่งมีทหารกว่าสามสิบนายด้านหลังถลันเข้ามา เตรียมจับกุมฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นถอยหลังหนึ่งก้าว อาอวี่ชักกระบี่ยาวและก้าวไปอยู่ด้านหน้า ขวางท่านอ๋องตวนและคนอื่น ๆ ไว้ : “ผู้ใดกล้าเข้ามา ที่นี่คือจวนอ๋องเย่ พวกเจ้าห้าวหาญทำร้ายพระชายา วันนี้คงไม่มีชีวิตรอดกลับไปเป็นแน่”
“จับตัว!”
ท่านอ๋องตวนตะโกนออกไปด้วยความโกรธ คนของเขาจึงพุ่งเข้าไปพร้อมกัน
คนในจวนอ๋องเย่จึงรีบบุกเข้ามาจากด้านนอก ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่ได้เป็นกังวลว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่จำนวนคนมากเกินไป นางกลัวจะกระทบต่อครรภ์
นางอยากหาที่หลบซ่อนตัวสักที่
ท่านอ๋องตวนเห็นจังหวะเหมาะสม จึงพุ่งตัวไปคว้าตัวของฉีเฟยอวิ๋นไว้ทันที
ในระหว่างที่ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตินั้น อาอวี่ก็ได้ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด : “ท่านอ๋องตวน ท่านอ๋องรู้หรือไม่ว่าหากท่านทำร้ายพระชายา กระหม่อมจะไม่มีวันปล่อยท่าน”
ดวงตาคู่นั้นของฉีเฟยอวิ๋นเบิกกว้าง ในตอนที่คิดว่ากำลังจะถูกจับนั้น อีกากลุ่มหนึ่งก็ได้บินโฉบลงมาจากฟากฟ้า พริบตาเดียวก็โอบอุ้มฉีเฟยอวิ๋นไว้
ฉีเฟยอวิ๋นตะลึงงันไปชั่วขณะ : “ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”
ท่านอ๋องตวนตกใจเช่นกัน เจ้าแห่งอีกาได้พุ่งตัวลงมา ตรงไปด้านหน้าของท่านอ๋องตวน ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเสียงร้องเรียกของเจ้าแห่งอีกา จึงรู้ได้ในทันทีว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดี จึงได้ตะโกนออกไปว่า : “เจ้าแห่งอีกาห้ามทำร้ายมนุษย์”
หนานกงเหยี่ยนถอยหลังไปหลายก้าว พลางมองไปยังเจ้าแห่งอีกาที่พุ่งเข้ามา เมื่อได้ยินเสียงตะโกนนั้นปีกคู่นั้นก็เปลี่ยนทิศทางทันที
ท่านอ๋องตวนตกใจจนเหงื่อเย็นผุดพราย เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีอีกาตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ เห็นแล้วน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
เหล่าอีกาที่เกาะอยู่บนร่างกายของฉีเฟยอวิ๋นต่างพากันสลายตัว เจ้าแห่งอีกากลับมาเกาะอยู่บนหัวไหล่ของฉีเฟยอวิ๋น กดตัวนางลง จนเกือบล้มลงไป
หลังจากที่ฉีเฟยอวิ๋นทรงตัวได้แล้วก็มองไปทางท่านอ๋องตวน ซึ่งในเวลานี้ท่านอ๋องตวนได้สติกลับมาและสงบสติอารมณ์ได้
เขาเคยชินกับเรื่องน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับฉีเฟยอวิ๋นแล้ว แม้ว่าวันนี้จะตื่นตกใจเมื่อเห็นอีกาปกป้องฉีเฟยอวิ๋น แต่หลังจากที่ตกใจแล้วท่านอ๋องตวนก็ยอมรับได้อย่างรวดเร็ว
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเข้าใจพวกวิชาอาคมด้วย” ท่านอ๋องตวนเดินเข้ามาใกล้ ฉีเฟยอวิ๋นจึงเข้าใจได้ในทันทีว่าท่านอ๋องตวนมีเจตนาจะทำสิ่งใด
ตอนนี้ท่านอ๋องตวนหมดปัญญาจะเข้าไปจับตัวนาง คงต้องหาเรื่องนาง หากนางไม่ร่วมมือ ก็จะต้องจับนางในฐานะคนมีวิชาอาคม หากนางเกิดปัญหา เกรงว่าเด็กในครรภ์ก็ต้องเกิดปัญหาด้วยเป็นแน่
ถึงแม้จะดูถูกฝีมือของท่านอ๋องตวนไปบ้าง แต่เพื่ออวิ๋นหลัวฉวนเขาจึงได้ทำเช่นนี้ ฉีเฟยอวิ๋นกลับเข้าใจได้
เพียงแต่เมื่อไม่เห็นหนานกงเย่ปรากฏตัว นางจึงแปลกใจไม่น้อย
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจท่านอ๋องตวนอีก นางหันกลับไปถามเจ้าแห่งอีกาว่า : “เจ้าแห่งอีกา ท่านอ๋องละ?”
“กากา….” เจ้าแห่งอีกาส่งเสียงร้องออกมาสองครั้ง ฉีเฟยอวิ๋นตะลึงไปชั่วขณะ
“เจ้าบอกว่าท่านอ๋องไม่ได้พาเจ้าไปด้วยเช่นนั้นหรือ ให้เจ้ามาคุ้มกันข้า?” ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงน้ำเสียงของหนานกงเย่ในคราวนั้น ก็พลันโกรธเคืองขึ้นมาทันใด
เขาไปตัวเปล่าเช่นนั้น ไม่พาสิ่งใดไปสักอย่าง หากเกิดเรื่องก็คงไม่มีใครได้ล่วงรู้
มนุษย์จะเร็วกว่าเจ้าอีกาได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นพวกอีกาก็ส่งสัญญาณได้ เหมือนเจ้าเพื่อนตัวใหญ่อย่างเจ้าแห่งอีกา ที่สามารถบินออกไปได้ไกลกว่าพันลี้
โง่สิ้นดี!
คิดแล้วก็น่าโมโห ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้อารมณ์เสียใส่ท่านอ๋องตวน
จากนั้นก็มองไปทางท่านอ๋องตวนอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะกล่าวว่า : “พระชายาตวนไม่ได้อยู่ในจวนของท่านอย่างที่ท่านกล่าวไว้ แล้วตอนนี้ก็มากล่าวหาว่าข้าลักพาตัวนางออกไปจากจวนของท่าน ช่างไร้สาระสิ้นดี
ข้าบอกท่านก็ได้ เราเจอตัวของพระชายาตวนแล้ว แต่ไม่ใช่ในจวนท่านอ๋องตวน แต่เป็นจวนท่านแม่ทัพ
พระชายาตวนบอกว่านางหลงทาง ไม่ทันระวังจึงพลาดตกลงไปในหลุมกับดักของจวนท่านแม่ทัพ ผลสุดท้ายนางต้องทนอยู่ในนั้นสองสามวันถึงจะมีคนไปเจอ
ฮูหยินใหญ่กั๋วกงมาถามหาตัวนางจากข้าเช่นกัน ข้าไม่กล้าชักช้า จึงออกตามหา เมื่อเจอตัวจับรีบส่งกลับไป
หากท่านอ๋องตวนมีเจตนามาสร้างความวุ่นวายในจวนของข้า สู้กลับไปดูดีกว่า พระชายาตวนอาจจะเข้าวังไปแล้วก้ได้”
ท่านอ๋องตวนได้ยินดังนั้นก็หมุนตัวเดินไป ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เจ้าแห่งอีกา ตอนนี้เจ้าได้เจอท่านอ๋องบ้างหรือไม่?” ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองเจ้าแห่งอีกาที่เกาะอยู่บนไหล่
เจ้าแห่งอีกาส่งเสียงร้อง กากา ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้พยักหน้า : “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนนี้เจ้าจงไปตามหาตัวเขา หากเจอตัวเขา ให้รีบรายงานข้าทันที ข้าอยากไปเจอเขา เรื่องนี้อย่าให้เขารู้เด็ดขาด”
เจ้าแห่งอีกาพุ่งตัวและบินออกไป กลุ่มอีกาของเขาก็บินตามเขาออกไปเช่นกัน
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางเจ้าอีกาน้อย : “เจ้ารู้เรื่องนี้นานแล้วใช่หรือไม่?”
เจ้าอีกาน้อยไม่ตอบ ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวขึ้นว่า : “วันนี้ข้าจะไม่ให้เจ้ากินเนื้อ”
เจ้าอีกาน้อยก็ยังไม่ตอบ ฉีเฟยอวิ๋นจึงมองไปยังสถานการณ์ที่กำลังอลหม่านวุ่นวายในลานกว้าง จากนั้นก็กำชับให้พ่อบ้านรีบเก็บข้าวของ พาอาอวี่เข้าวัง
ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าวังมาได้ไม่นาน ก็เห็นรถม้าของจวนกั๋วกงและจวนอ๋องตวนจอดอยู่ แต่คนของจวนกั๋วกงได้ลงจากรถม้าไปก่อนแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้เห็นแค่แผ่นหลัง หนานกงเหยี่ยนน่าจะมาถึงที่นั่นพอ ๆ กับฉีเฟยอวิ๋น
ทั้งสองคนเดินเข้าวังไป หนานกงเหยี่ยนจึงได้กล่าวขึ้นว่า : “เจ้าทำลายเรื่องดี ๆ ของข้า ข้าไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ หรอกนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปยังข้างกายของหนานกงเหยี่ยนด้วยความเร็วคงที่ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “คิดจะรักษาผู้อื่น มีแค่ความความจริงใจ การตัดขาดมันไม่สำคัญหรอกจริงไหม สิ่งสำคัญคือในสายตาของพระชายาตวนไม่ได้มีท่านอ๋องตวน ในใจก็ไม่มีท่านอ๋องตวน”
“หมายความว่าอย่างไร?”
ท่านอ๋องตวนหยุดชะงัก นอกจากไห่กงกงที่เดินนำพวกเขาสองคนอยู่ด้านหน้าแล้ว รอบตัวก็ไม่มีผู้ใด
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังไห่กงกง ไห่กงกงจึงเดินหน้าต่ออย่างเข้าใจ กระทั่งเดินมาถึงสถานที่ที่เขาจะไม่ได้ยินจึงหยุดก้าวเท้าลง
ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวถามว่า : “ครั้งนี้ท่านอ๋องตวนยอมจ่ายเท่าไหร่?”
“ข้าว่าเจ้าเห็นแก่เงินไปหน่อยนะ”
“มีเงินย่อมก็เป็นเรื่องดี ถึงอย่างไรคนในจวนอ๋องเย่ก็มีจำนวนมาก การแก้ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ย่อมยากเป็นธรรมดา”
“ว่ามา จะเอาเท่าไหร่?” ท่านอ๋องตวนถือได้ว่ามั่งคั่งเลยทีเดียว
ฉีเฟยอวิ๋นยกมือขึ้น ก่อนจะกางห้านิ้ว
ท่านอ๋องตวนขมวดคิ้วแน่นเป็นปม : “ห้าหมื่นตำลึง?”
“ท่านอ๋องตวนก็ล้อเล่นเกินไป ข้าบอกตอนไหนว่าน้อยกว่าหกหมื่นตำลึง?”
“ห้าแสนตำลึงหรือ?” ต่อให้มีเงินมากเพียงไหน ท่านอ๋องตวนก็ไม่มีทางยอมเสียเงินห้าแสนตำลึงเปล่าราวกับมีมูลค่าแค่ห้าตำลึงหรอก
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นท่านอ๋องตวนเบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน จึงยิ่งรู้สึกสนุก
“ห้าแสนตำลึง ยอมกัดฟันเพียงอึดใจเดียวแต่จะสบายไปทั้งชาติ ท่านอ๋องลองคิดดูก่อนได้ ข้าไม่อะไรมากอยู่แล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นก้าวเดินต่อไป ท่านอ๋องตวนเดินตามหลังด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวถามขึ้นว่า : “เจ้าจะทำได้จริง ๆ ใช่หรือไม่?”
“แน่นอน”
“ดี ห้าแสนตำลึง”
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบปากกาและหมึกดำออกมา : “เช่นนั้นก็รบกวนท่านอ๋องตวนช่วยลงนามในหนังสือรับรองหนี้สินนี้ด้วยเพคะ”
หนานกงเหยี่ยนมีสีหน้าเคร่งขรึมลง : “เจ้าเตรียมจะสะสางบัญชีกับข้าตลอดเวลาเลยหรือ?”
“ก็ไม่เชิงเพคะ เพียงแต่บางครั้งข้าต้องเขียนใบสั่งยาให้ผู้อื่น จำเป็นต้องใช้เงินเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างเกรงใจ นางไม่ได้จะสะสางตลอดเวลาเสียหน่อย