องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 378 ขอทานยืนขวางทาง
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 378 ขอทานยืนขวางทาง
พระพันปีและพระมเหสีหวาหวนระลึกถึงตอนที่เพิ่งจะเข้ามาในวัง และคิดว่าเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นจริง
จึงไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่พระมเหสีหวาไม่ยอมที่จะปล่อยโอกาสนี้ไปและกล่าวว่า:“แต่ในเมื่อมีเรื่องเช่นนี้ ข้าไม่ถามก็คงไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่ฉวนเอ๋อร์ดูเหมือนจะสนใจจงชินอ๋องมาก”
ฮูหยินกั๋วกงกล่าวอย่างเฉยเมยว่า:“ทุกอย่างตามแต่พระมเหสีหวาจะตัดสินพระทัยเพคะ”
พระมเหสีหวากล่าวว่า:“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล รอให้ข้าถามพระชายาตวนก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย หากไม่มีอะไรจริง ๆ และเป็นเพราะเหยี่ยนเอ๋อร์ใส่ใจพระชายาตวนมากเกินไป ดังนั้นจึงหวาดระแวงเช่นนี้ และถือเสียว่าเป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
แต่หากมีเรื่องเช่นนั้นจริง ข้าก็ต้องจัดการอย่างเป็นธรรม”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ดีว่าพระมเหสีหวาต้องการที่จะหาจุดบกพร่องของจวนกั๋วกง หากยังพูดเรื่องหย่าร้างอีก พระมเหสีหวาก็จะนำเรื่องจงชินอ๋องมาสร้างความลำบากให้จวนกั๋วกง
“หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชาเพคะ”
ฮูหยินใหญ่ไม่สนใจ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกชื่นชม
เมื่อบรรยากาศสงบลงก็จะรู้ว่าไม่ว่าพระมเหสีหวาจะพูดอย่างไร ฮูหยินใหญ่กั๋วกงก็ไม่หวาดกลัว
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสบายใจของอวิ๋นหลัวฉวน
“ลำบากฮูหยินใหญ่แล้ว ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฮูหยินใหญ่กั๋วกงก็กลับไปก่อนเถิด อ๋องตวนและพระชายาตวน ค่อยจัดการในภายหลัง”
“หม่อมฉันทูลลาเพคะ” ฮูหยินใหญ่กั๋วกงถอยออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นรอให้คนออกไปก่อน และรายงานสถานการณ์ว่า:“แม้ว่าท่านอ๋องตวนจะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องนอนอยู่บนเตียงสักระยะเวลาหนึ่ง หากให้พักฟื้นอยู่ที่จวนอ๋องตวน หม่อมฉันไม่ค่อยวางใจ นึกถึงตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับท่านอ๋องตวนคราวก่อน และคราวนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกหรือไม่
หม่อมฉันนึกถึงสถานที่อื่นไม่ออก
เช่นนั้นให้ท่านอ๋องตวนและพระชายาตวนไปพักฟื้นอยู่ที่จวนกั๋วกงจะดีกว่า และหม่อมฉันก็สามารถไปตรวจดูอาการได้อย่างไม่ลำบาก
มิเช่นนั้นหากต้องเข้าออกในวัง หม่อมฉันไม่เป็นไร แต่หมอโจวอาจจะไม่สะดวกนักเพคะ”
พระมเหสีหวาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และมองไปที่พระพันปี:“ท่านพี่ หม่อมฉันคิดว่าที่อวิ๋นอวิ๋นพูดก็ถูกนะเพคะ”
“เช่นนั้นก็ทำตามที่อวิ๋นอวิ๋นพูด อวิ๋นอวิ๋น เจ้าไปส่งพวกเขาไปด้วยตนเอง แล้วให้ทหารของจวนกั๋วกงอารักขาอย่างเข้มงวด อย่าให้เกิดเรื่องขึ้นกับอ๋องตวนโดยเด็ดขาด”
“เพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นจึงต้องไปส่งอวิ๋นหลัวฉวนและอ๋องตวนที่ป่วยหนักไปที่จวนกั๋วกง
ออกจากวัง
ฉีเฟยอวิ๋นอธิบายเรื่องต่าง ๆ กับอวิ๋นหลัวฉวน และมอบยาทั้งหมดที่จำเป็นให้กับอวิ๋นหลัวฉวน นางกำชับอีกครั้งว่าเรื่องเหล่านี้ห้ามให้ผู้อื่นทำอย่างเด็ดขาด และห้ามติดต่อกับคนนอก นอกจากคนในจวนกั๋วกงของพวกนางแล้ว ใครก็ไว้ใจไม่ได้
“ท่านพี่เสียนเฟย เหตุใดท่านถึงต้องกังวลเช่นนี้ หรือว่ามีคนต้องการลอบสังหารท่านอ๋อง?” อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า:“ยังจำเรื่องที่เกิดขึ้นกับท่านอ๋องตวนคราวก่อนได้หรือไม่?”
“คราวนั้น?” อวิ๋นหลัวฉวนจำไม่ได้จริง ๆ
ฉีเฟยอวิ๋นมองนาง:“คราวนั้นเจ้ากลับไปที่จวนกั๋วกง และท่านอ๋องตวนก็เกิดเรื่องขึ้นระหว่างทางที่ไปที่นั่น เจ้าลืมเร็วขนาดนั้นเลยหรือ?”
“จำได้แล้ว หรือว่าพวกเขาจะหวนกลับมาอีก?” สีหน้าของอวิ๋นหลัวฉวนดูมืดมนและเป็นกังวล
“จวนอ๋องตวนเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักฟื้นมากที่สุด แต่เหตุใดต้องพาท่านอ๋องตวนมาที่จวนกั๋วกงเล่า?” ฉีเฟยอวิ๋นถามกลับ
อวิ๋นหลัวฉวนเป็นคนฉลาด นางครุ่นคิดและเบิกตากว้าง:“เพื่อที่จะปกป้องท่านอ๋องตวน?”
“ใช่ ฉวนเอ๋อร์ ข้าไม่ได้เห็นเจ้าเป็นคนนอก ข้าพูดตรง ๆ คราวนี้ข้ากับท่านอ๋องตวนวางแผนกัน เพื่อที่จะรั้งเจ้าไว้ ท่านอ๋องตวนทรงรับปากว่าจะให้เงินข้าห้าแสนตำลึง ข้าจึงตกลงที่จะช่วย”
ฉีเฟยอวิ๋นพูดออกมาอย่างหมดเปลือก เป็นแผนการของอ๋องตวนและเพื่อช่วยตัวเองด้วย
บางอย่างจำเป็นต้องเปิดเผยออกมา
อ๋องตวนไม่ใช่คนที่ไม่น่าเชื่อถือ เขาอารมณ์เสียและพูดเรื่องที่จะรั้งอวิ๋นหลัวฉวนไว้ ผู้ที่ถูกกระทำคือนาง
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกสับสน:“จวนกั๋วกงไม่สามารถทำเงินได้ห้าหมื่นตำลึงต่อปี ท่านจะเอาเงินจากท่านอ๋องห้าแสนตำลึง เขาจะไปเงินมาจากไหน?”
“ท่านอ๋องตวนร่ำรวย เพียงแต่ข้าบอกให้เขาแทงไปที่ไหล่ของเขา บางทีเขาอาจจะไม่แน่ใจ จึงแทงไปที่หัวใจและเกือบต้องตาย” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างเฉยเมย
อวิ๋นหลัวฉวนอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา:“ท่านอ๋องช่างโง่เขลาเสียจริง!”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจว่าจะโง่เขลาหรือไม่ นางเหลือบมองไปที่อวิ๋นหลัวฉวน แล้วกลับไปที่เรื่องเดิม:“คราวนั้นมีคนต้องการจะฆ่าท่านอ๋องตวน และจับกุมคนของจงชิน หรือว่าเจ้าคิดว่าคนของจงชินหมดสิ้นไปแล้ว?”
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกสับสน:“แม้ว่าจะจับกุมคนแล้ว แต่ก็มีคนออกมายอมรับว่าพวกเขาเป็นผู้บงการ แต่ท่านย่าบอกว่านั่นล้วนแต่เป็นภาพลวงตาเพื่อหลอกลวงผู้คน และท่านอ๋องเย่ก็ไม่สามารถสืบถึงผู้บงการที่ใหญ่ที่สุดได้ จึงทำได้เพียงเชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้น”
“ใช่ ฮูหยินให้กล่าวได้ถูกต้อง ดังนั้นผู้บงการยังไม่ตาย และต้องปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน ท่านอ๋องของข้าไม่อยู่ และในเมืองหลวงก็เงียบสงบจนน่ากลัว ข้าคิดว่าคนพวกนั้นต้องตามท่านอ๋องไปอย่างนอน และกำลังจัดการกับท่านอ๋องอยู่ บางที่เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ใช่ข้าศึกที่มารุกราน แต่เป็นไปได้มากว่ามีคนก่อความวุ่นวาย ราชสำนักไม่พูดถึงเรื่องนี้ ต้องมีอะไรปกปิดอย่างแน่นอน
จุดประสงค์ของท่านพ่อข้าคือปกป้องพระราชวัง แต่ในวังไม่ค่อยสงบ ท่านอ๋องบอกว่าคนจำนวนมากไม่คู่ควรแก่การไว้วางใจ
ตอนนี้ในเมืองหลวง ท่านเสนาบดีเฉิน ท่านราชครูจวิน จวนกั๋วกงของเจ้า จวนแม่ทัพของท่านพ่อข้า ล้วนแต่หยุดนิ่งสงบ แต่ยิ่งสงบก็ยิ่งโหมกระหน่ำ
ตอนที่ท่านอ๋องทรงสบายดี คนเหล่านั้นคิดว่าไม่ต้องรีบร้อนจะฆ่าเขา เพราะพวกเขาต้องการจัดการกับท่านอ๋องของฉัน
แต่ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับท่านอ๋องตวน บางทีพวกเขาอาจจะหันเหความสนใจแล้วมาจัดการกับท่านอ๋องตวน
ต้าเหลียงมีเพียงไม่กี่คน จะฆ่าท่านอ๋องเย่หรือว่าฆ่าท่านอ๋องตวนนั้น ฆ่าใครก่อนก็ไม่ต่างกัน
หากเป็นข้ากับเจ้า ข้ากับเจ้าจะต้องจัดการกับคนที่อ่อนแอก่อนอย่างแน่นอน
เดิมทีข้าคิดว่าท่านอ๋องตวนไม่มีความสามารถอะไร และพวกเขาคงไม่รีบร้อนที่จะจัดการ
แต่ในวันที่เจ้าแท้งบุตร ท่านอ๋องตวนทรงพาเจ้าขี่ม้ามุ่งมาที่จวนอ๋องเย่ แต่กลับเลี้ยวไปที่จวนแม่ทัพ จะเห็นได้ว่าฝีมือของเขานั้นไม่ธรรมดา
แต่ก่อนหน้าที่จงชินต้องการจะสังหารท่านอ๋องตวน คงเป็นเพราะได้รับความเดือดร้อน แต่พวกเขาก็ไม่กล้ายุ่งวุ่นวาย
คราวนี้เกิดเรื่องขึ้นกับท่านอ๋องตวน เป็นโอกาสเหมาะ พวกเขาจะพลาดหรือ?”
อวิ๋นหลัวฉวนเข้าใจ:“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพี่เสียเฟยทรงเตือนว่าข้าอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ หรือว่าท่านสงสัยจงชินอ๋อง?”
รถม้าเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ อาอวี่อยู่ข้างนอกและรถม้าก็ได้รับการคุ้มกันเป็นอย่างดี แต่ผู้คนโดยรอบไม่ได้ยินว่าคนในรถม้าพูดอะไรกัน ส่วนอาอวี่นั้นได้ยิน
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้พยักหน้า แต่นางกล่าวว่า:“เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้เจอกับหัวหน้าของจงชิน พวกเขาต้องการจะฆ่าข้า คนผู้นั้นสวมหน้ากากผี เขาทักทายข้าในทันทีที่เห็นข้า กล่าวได้ว่าเขารู้จักข้า
แต่ในความทรงจำของข้า ไม่ได้รู้จักคนของจงชินมากนัก พวกเขาที่จำข้าได้ก็มีไม่มาก!”
อวิ๋นหลัวฉวนถามว่า:“จงชินอ๋องเป็นหนึ่งในนั้นหรือไม่?”
“อืม ถือว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี!”
อวิ๋นหลัวฉวนใจลอยไปชั่วขณะ แล้วนางก็นั่งลง:“ข้าไม่เชื่อว่าเป็นจงชินอ๋อง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จงชินอ๋องทรงเป็นราชนิกุล แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้บงการ แต่เขาก็อาจจะไม่รู้เรื่องนี้ และไม่ได้มีส่วนร่วม”
ฉีเฟยอวิ๋นชื่นชมความฉลาดและความจริงจังของอวิ๋นหลัวฉวน :“ถูกต้อง”
“ท่านพี่เสียนเฟย ท่านวางใจได้ ข้าจะปกป้องท่านอ๋องตวนเป็นอย่างดี และไม่ให้ใครเข้าใกล้”
“อืม เจ้ารู้ก็ดีแล้ว”
ในขณะที่รถม้าก็หยุด อาอวี่กล่าวว่า:“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ มีคนมาขวางทาง เป็นเด็กและคนชราที่เป็นขอทาน”
ฉีเฟยอวิ๋นและอวิ๋นหลัวฉวนนิ่งสงบ ท้องฟ้ามืดและดึกมากแล้ว ขอทานอะไรไม่หลับไม่นอน แล้วยังมายืนขวางทางอีก