องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 380 หยั่งเชิงจงชินอ๋อง
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 380 หยั่งเชิงจงชินอ๋อง
ทานอาหารแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ไปดูหนานกงเหยี่ยนเลย
หนานกงเหยี่ยนนั้นฟื้นแล้วแต่ร่างกายนั้นยังดีไม่พอเท่าใด
ฉีเฟยอวิ๋นให้อวิ๋นหลัวฉวนไปพักผ่อนและอวิ๋นหลัวฉวนนั้นก็เหนื่อยมากแล้ว ไม่ได้หลับเลยทั้งคืนแล้วทนอยู่จนถึงเวลาเที่ยงวันจนร่างกายรับไม่ไหวแล้ว
อวิ๋นหลัวฉวนถอดเสื้อตัวนอกแล้วนอนอยู่ตรงด้านนอกของหนานกงเหยี่ยน
เมื่อนางนอนหลับแล้วฉีเฟยอวิ๋นนำมีดมาและให้หนานกงเหยี่ยนดื่มเลือดอีกครึ่งชาม
หนานกงเหยี่ยนดื่มเลือดแล้วมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น: “เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้?”
“หม่อมฉันทำเพื่อท่านอ๋องของครอบครัวข้า แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเห็นแก่อ๋องตวน ท่านอ๋องตวนพักผ่อนซะก่อนเถอะ” ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งยังฝั่งหนึ่ง หนุนศีรษะไว้บนมือพักผ่อน
อวิ๋นหลัวฉวนตื่นขึ้นมาในตอนบ่าย นางลุกขึ้นมาแล้วก็ไปดูบาดแผลให้หนานกงเหยี่ยน หนานกงเหยี่ยนเกรงว่าจะถูกสังเกตว่ามองฉีเฟยอวิ๋น
“ไม่ต้องดูหรอก ตอนเจ้านอนข้าได้ดูแล้ว หากเปิดอีกตัวยาก็จะสูญเปล่า เมื่อวานเจ้าขยับยิ่งทำให้บาดแผลหนักขึ้นไม่ต้องขยับจะดีกว่า ข้าจะตรวจดูทุกวัน”
“อ๊า?” อวิ๋นหลัวฉวนใบหน้าเป็นกังวลและยังโทษตนเองอีกด้วย
หนานกงเหยี่ยนรีบจับมือของนางเอาไว้: “เจ้าอย่าได้ฟังคำกล่าวของพระชายาเย่ ไม่ได้ร้ายแรงเพียงแค่ไม่สามารถให้เจ้าดูได้”
อวิ๋นหลัวฉวนหน้าแดงแล้วดึงมือออก: “เช่นนั้นหม่อมฉันรู้แล้ว”
อวิ๋นหลัวฉวนมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น: “ท่านพี่เสียนเฟย ท่านพักผ่อนเถอะ ข้าจะอยู่เอง”
“ไม่เป็นไร ข้ากำลังรอคนอยู่”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวเช่นนั้นดวงตาของอวิ๋นหลัวฉวนก็ลึกขึ้นอยู่บ้างเล็กน้อย
“ข้าเข้าใจแล้ว” อวิ๋นหลัวฉวนสั่งการทันที: “มานี่ซิ”
“จวิ้นจู่”
“เตรียมของกิน ข้าจะเล่นหมากรุกกับท่านพี่เสียนเฟย”
“เพคะ”
หนานกงเหยี่ยนนอนอยู่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เขาจึงทำได้เพียงแค่มองดูเท่านั้น
ทั้งสองคนเล่นหมากรุกจนถึงเวลาอาหารค่ำ มีคนรายงานอยู่นอกประตูว่า: “กราบเรียนจวิ้นจู่ จงชินอ๋องขอเข้าพบอยู่ด้านนอก”
“จงชินอ๋อง?” มือของอวิ๋นหลัวฉวนกำตัวหมากรุกใบหน้าหม่นหมองลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองยังฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังอ๋องตวน สีหน้าของอ๋องตวนนั้นย่ำแย่นัก
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น: “ท่านอ๋อง ข้าจะไปหาคน ลำบากให้ท่านอย่าได้ก่อเรื่อง แสร้งทำเป็นว่าท่านป่วยหนักกำลังจะตายก็พอ”
อ๋องตวนนั้นช่างเฉลียวฉลาด เหลือบมองไปยังอวิ๋นหลัวฉวน
“ฉวนเอ๋อร์……”
“ในเมื่อหม่อมฉันให้สัญญากับท่านอ๋องว่าจะอยู่ข้างกายท่านอ๋อง ก็จะไม่ปลี่ยนแปลงไปมาตลอดเวลาเป็นแน่ ท่านอ๋องได้โปรดวางใจ”
สีหน้าของหนานกงเหยี่ยนค่อยๆดีขึ้นแล้วกล่าวว่า: “ฉวนเอ๋อร์เจ้ามานี่”
อวิ๋นหลัวฉวนเดินไปหาหนานกงเหยี่ยนแล้วหนานกงเหยี่ยนก็กล่าวว่า: “ในเมื่อต้องการทดสอบ เช่นนั้นจะดีกว่าหากสมจริงสักหน่อย”
“ท่านอ๋องหมายความว่าเช่นไร?”
หนานกงเหยี่ยนดึงอวิ๋นหลัวฉวนครั้งหนึ่ง อวิ๋นหลัวฉวนไม่ได้ยืนมั่นจึงพุ่งร่างเข้าไป จากนั้นหนานกงเหยี่ยนแนบอยู่ตรงคอของอวิ๋นหลัวฉวนเอียงกัดนางไปหนึ่งครั้ง เพียงแค่กัดเบาๆอวิ๋นหลัวฉวนเจ็บก็ปล่อยออกเลย
เมื่อนางลุกขึ้นแล้วจับคอเอาไว้ นางมองหนานกงเหยี่ยนอย่างไม่พอใจ: “ท่านทำสิ่งใด?”
“ไม่นานก็จะรู้”
รู้ว่าอวิ๋นหลัวฉวนไม่เข้าใจและหนานกงเหยี่ยนกลับอยากจะหัวเราะ เขามองไปยังฉีเฟยอวิ๋น: “พระชายาเย่ เจ้าไปหลบยังห้องด้านหลังเพียงสังเกตการณ์ก็พอ ที่นี่ปล่อยให้ฉวนเอ๋อร์จัดการ”
“ได้”
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังกลับไปยังห้องด้านหลังแล้วอวิ๋นหลัวฉวนก็สั่งการว่า: “ไปเถอะ เชิญจงชินอ๋องเข้ามา อย่าได้ทำตัวเป็นจุดสนใจ”
“เพคะ”
เมื่อสาวใช้จากไปอวิ๋นหลัวฉวนก็ไปดูรอยกัดตรงคอ มองดูอยู่ครู่หนึ่งตรงหน้าคันฉ่องทองแดง เกือบจะเป็นแผลแล้ว กัดจนเป็นรอยสีม่วงสัมผัสแล้วยังรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกว่าดูไม่ได้ จึงเดินไปหยิบผ้าไหมสีขาวผืนหนึ่งมาผูกเอาไว้เลยโดยตรง
ในเวลานี้จงชินอ๋องก็เข้ามาจากด้านนอกแล้ว
อวิ๋นหลัวฉวนลุกขึ้นก้าวเดินไป: จงชินอ๋อง”
“ฉวนเอ๋อร์”
จงชินอ๋องเผยรอยยิ้ม แววตาอันอ่อนโยน ตำแหน่งของฉีเฟยอวิ๋นมองเห็นการกระทำของจงชินอ๋องได้พอดิบพอดี
อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวว่า: “จงชินอ๋องเชิญนั่ง”
“ได้”
จงชินอ๋องเข้าประตูไปนั่งลงแล้วมองไปทางเตียงและตะลึงครู่หนึ่ง: “นี่……”
“ข้าจะเลิกรากับอ๋องตวนแต่อ๋องตวนไม่ยอม ถูกกระตุ้นจึงได้กลายเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ก็ทำให้หม่อมฉันลำบากไปด้วย”
อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวเช่นนั้น จงชินอ๋องลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปตรงหน้าอ๋องตวน ก้มศีรษะลงมองยังอ๋องตวนและถามว่า: “เช่นนั้นเหตุใดอ๋องตวนถึงได้มาอยู่ที่นี่?”
“เขาไม่ต้องการอาศัยอยู่ในวัง ท่านพี่เสียนเฟยบอกว่าจวนอ๋องตวนไม่ปลอดภัยจึงส่งมายังที่นี่” อวิ๋นหลัวฉวนกลับไม่ได้ปิดบัง
จงชินอ๋องมองยังอวิ๋นหลัวฉวนอย่างจนปัญญา: “ช่วงไม่กี่วันนี้อ๋องตวนได้ไปหาข้า เขาทุบตีแขนข้าจนหักเขามุ่งร้ายต่อข้า”
“ท่านอ๋องเข้าใจผิด ระหว่างท่านกับหม่อมฉันเป็นความสัมพันธ์ดังพี่น้อง” อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวอธิบาย
จงชินอ๋องกลับส่ายศีรษะ เดินอ้อมออกจากอวิ๋นหลัวฉวนไปนั่งลง รินชาถ้วยหนึ่งแล้วดื่ม
“ฉวนเอ๋อร์ เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดข้าถึงอยากออกไปเที่ยวนานาเมือง?”
“หรือว่าท่านไม่ได้ชอบออกไปเที่ยวนานาเมืองเพื่อเปิดหูเปิดตาและเพิ่มพูนการไปดูไปประสบด้วยตนเอง
จงชินอ๋องส่ายศีรษะ เขาจดจ่อมองยังอวิ๋นหลัวฉวน: “ฉวนเอ๋อร์ เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่จะพาเจ้าไป เจ้าเป็นแม่ทัพน้อยของเมืองนี้ หากข้าพาเจ้าจากไปก็จะต้องถูกปฏิเสธเป็นแน่
ข้าจึงทำได้แค่ไปแทนเจ้า ไปดูแม่น้ำและภูเขาระยะหลายพันลี้ กออกไปเที่ยวนานาเมืองแล้วกลับมาเล่าให้เจ้าฟัง
ข้าคิดว่ารอเวลาที่เจ้าแต่งงานกับข้า ข้าจะเล่าเรื่องโลกภายนอกนั้นให้กับเจ้า”
อวิ๋นหลัวฉวนโง่เขาเช่นไรก็ฟังเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
จ้องมองยังจงชินอ๋องโดยที่อวิ๋นหลัวฉวนเหม่อลอยเป็นเวลานานนางจึงได้กล่าวว่า: “อย่าได้กล่าวเช่นนั้น แม้ว่าข้าจะเลิกราแต่ตอนนี้ข้าเป็นพระชายาตวน คำพูดนี้หากถูกผู้คนรู้เข้าเช่นนั้นคงไม่ดี
จงชินอ๋องดูไม่ธรรมดา เป็นผู้มีความสามารถในหมู่ผู้คน เหตุใดถึงได้ชอบคนเช่นหม่อมฉัน
“ข้า……”
“ฉวนเอ๋อร์ หัวใจของข้านั้นเจ้าไม่เห็นหรอกหรือ? สิ่งเดียวที่ข้ารู้สึกเสียดายก็คือออกไปเที่ยวนานาเมืองเมื่อข้ากลับมาด้วยความคาดหวังอันสวยงามที่จะไปสู่ขอที่จวนกั๋วกง สิ่งใดๆนั้นก็สายเกินไปซะแล้ว
อวิ๋นหลัวฉวนเหลือบมองย้อนกลับไปยังอ๋องตวนซึ่งนอนอยู่ ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะโกรธเคืองมากเช่นนั้น ไม่มีสิ่งใดก็ไปหาจงชินอ๋องเพื่อชำระบัญชี เขาไม่ธรรมดาเลยจริงๆดูตรงๆซื่อๆแต่เขามองความคิดของจงชินอ๋องออก
อวิ๋นหลัวฉวนมองย้อนกลับไปจงชินอ๋องก็กล่าวว่า: “ฉวนเอ๋อร์ ข้าสมควรตายใช่หรือไม่?”
“……”
อวิ๋นหลัวฉวนเปิดปากแต่ไม่ได้ตอบ
มุมปากของฉีเฟยอวิ๋นขยับครู่หนึ่ง แม้ว่าจงชินอ๋องจะไม่ใช่เจ้านายของคนเหล่านั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่
ประโยคที่ว่าสมควรตายหรือไม่ของเขาก็ทำให้อวิ๋นหลัวฉวนอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกซะแล้ว
“ฉวนเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าข้าเป็นผูคิดเพ้อฝัน แต่ข้าไม่สามารถปล่อยวางได้จริงๆ”
อวิ๋นหลัวฉวนมองไปยังบนเตียงด้วยความกังวล อย่าได้จู่ๆก็ลุกขึ้นมาโมโหเจียนตายไปในทันที
อ๋องตวนนั้นเพิกเฉย อวิ๋นหลัวฉวนหันหลังกลับไปมองยังจงชินอ๋อง: “พี่เซวียนเฉิน”
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกลำบากใจ: “หม่อมฉันคิดว่าท่านเป็นพี่ชายของหม่อมฉันมาตลอด ไม่ว่าอ๋องตวนจะเลิกรากับหม่อมฉันหรือไม่ ท่านก็เป็นพี่ชายของหม่อมฉัน”
“ฉวนเอ๋อร์ ข้าขออวยพรให้เจ้าเป็นปกติดีทุกสิ่งอย่าง ข้าจะไม่เสียใจในชีวิตนี้ ข้ายินดีรอแม้ว่าจะชั่วชีวิตนี้!”
อวิ๋นหลัวฉวนพูดไม่ออกและหายใจออก ผ้าคลุมที่คอของนางหลุดแล้วตกลงไป อวิ๋นหลัวฉวนเข้าไปจับแต่ถูกจงชินอ๋องรั้งเอาไว้
อวิ๋นหลัวฉวนเงยหน้าขึ้น ดวงตาของจงชินอ๋องนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ: “เหตุใดเขาถึงทำร้ายเจ้าได้?”
อวิ๋นหลัวฉวนใบหน้าว่างเปล่า เมื่อนึกขึ้นมาได้ก็รีบปิดคอเอาไว้
“เขาไม่ได้ตั้งใจ” อวิ๋นหลัวฉวนพยายามปกปิด
จงชินอ๋องถอนหายใจและหันหน้าออก: “ปิดเอาไว้เถอะ ทนเห็นเขารังแกเจ้าเช่นนี้ไม่ได้”
อวิ๋นหลัวฉวนวุ่นอยู่กับการผูกผ้าคลุมไว้รอบคอผูกไม่ดีกลับทำให้ปรากฏบริเวณวงกว้างออกมา