องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 389 คิดถึงเขาแล้ว
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 389 คิดถึงเขาแล้ว
เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ตรงหน้าอาอวี่ และทำให้อาอวี่ตกใจจนหน้าซีด
ความจริงแล้วแม่ทัพฉีกังวลใจมาก จึงรีบพาคนตามออกมาจากในเมือง
เมื่อมาถึงก็เห็นซากปรักหักพังที่อยู่หน้า แม่ทัพฉีร้อนใจ จึงสั่งให้คนรีบเข้าไป
และแม่ทัพฉีก็รีบเข้าไปในบ้านที่ถล่มลงมาด้วยเช่นกัน
ไม่ง่ายเลยที่จะพบสถานที่ที่เกิดเหตุรุนแรงเช่นนี้ แม่ทัพฉีให้คนมายกซากปรักหักพังออกไป ฉีเฟยอวิ๋นนั่งอยู่ในนั้นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ นอกจากนางแล้ว รอบ ๆ ก็ล้วนแต่เป็นซากปรักหักพัง เมื่อเห็นแม่ทัพฉี นางก็ลุกขึ้นยืนท่ามกลางซากปรักหักพัง นางมองไปรอบ ๆ และชี้ไปที่ที่หนึ่ง:“ท่านพ่อ คนร้ายอยู่ข้างใน ตอนนี้เขาถูกพิษของข้า ข้าเชื่อว่าไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บ รีบหาให้พบเถอะเจ้าค่ะ”
“หา!” สีหน้าของแม่ทัพฉีดูตกใจ นี่คือบุตรสาวอันเป็นที่รักของเขา!
“เร็วเข้า หาคนให้พบ” แม่ทัพฉีสั่ง และตัวเขาเองก็เดินไปยืนอยู่ข้างหน้าฉีเฟยอวิ๋น
เมื่อมองดูแล้วก็แน่ใจว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่เป็นอะไร แม่ทัพฉีจึงพาฉีเฟยอวิ๋นออกไป
“ท่านพ่อ เฉินอวิ๋นเจี๋ยอยู่ด้านนอก ท่านพ่อให้คนพาเขาออกมาด้วยนะเจ้าคะ” ฉีเฟยอวิ๋นชี้ไปที่ยังด้านนอก
“ไปหาคนให้พบ” แม่ทัพฉีสั่ง ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกจากซากปรักหักพัง และนางก็เริ่มมองหาเจ้าอีกาน้อย
แต่หลังจากที่หาอยู่นานก็หาไม่พบ และทำให้แม่ทัพฉีตกใจไม่น้อย แม่ทัพฉีเกลี้ยกล่อมให้ฉีเฟยอวิ๋นออกไปก่อน แต่ฉีเฟยอวิ๋นปฏิเสธ
“ไม่ได้เจ้าค่ะ เจ้าอีกาน้อยหายไป ข้าต้องหามันให้พบ”
“เจ้าหาในตอนนี้ก็คงจะไม่พบ ท้องฟ้ามืดครึ้มและลมพัดเย็น ฝนใกล้จะตกแล้ว หากหาต่อก็คงจะเป็นอันตราย รอให้ฟ้าสว่างก่อนแล้วค่อยหาเถอะ” แม่ทัพฉีพูดเกลี้ยกล่อม ฉีเฟยอวิ๋นจีงยอมถอยออกไป
พบเฉินอวิ๋นเจี๋ยและนักดีดพิณคนนั้นแล้ว มีเพียงเจ้าอีกาน้อยเท่านั้นที่ยังหาไม่พบ
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ไปและยืนอยู่ข้างนอก
แม่ทัพฉีไม่วางใจ จึงยืนอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนฉีเฟยอวิ๋นด้วยความกลัดกลุ้ม และสั่งให้คนไปค้นหาเจ้าอีกาน้อย
เมื่อฟ้าสว่างแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ถือพิณกลับขึ้นไปบนรถม้าและนั่งรออยู่ในรถม้า
และข้างนอกก็ฝนตก
ในตอนแรกฝนตกเบา ๆ และต่อมาฝนก็ตกหนัก
แม่ทัพฉีสั่งให้คนปักหลักตั้งค่าย แพราะตอนที่ออกมานำกระโจมมาด้วย จึงสะดวก
ฉีเฟยอวิ๋นถูกคุ้มกันให้ขึ้นไปอยู่ในรถม้าและมองออกมาข้างนอก จิ้งจอกหางสั้นเอนกายลงในอ้อมแขนของนางและเฝ้ามองนาง
ฉีเฟยอวิ๋นลูบจิ้งจอกหางสั้น:“รอจนถึงเย็นนี้ หากยังไม่กลับมา พวกเราจะกลับไป ผู้คนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง สัตว์ก็เช่นกัน”
จิ้งจอกหางสั้นส่งเสียงแหลม ดูเหมือนว่ามันจะเศร้าใจ
ฉีเฟยอวิ๋นพักผ่อนสักครู่ ฝนหยุดในตอนเที่ยง ฉีเฟยอวิ๋นจึงลงมาจากรถม้าและไปตามหาเจ้าอีกาน้อย
คนอื่น ๆ รออยู่ข้างนอก มีเพียงฉีเฟยอวิ๋นเท่านั้นที่อุ้มจิ้งจอกหางสั้นออกไปตามหา
แม่ทัพฉีเดินตามนางด้วยท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูก ในบางครั้งเจ้าเด็กคนนี้ก็ดูโง่เขลาไปหน่อย!
เฉินอวิ๋นเจี๋ยได้รับการถอนพิษและไม่เป็นไรแล้ว และในเวลานี้นักดีดพิณหนุ่มผู้นั้นก็ฟื้นแล้ว แต่เป็นเพราะฤทธิ์ยา เขาจึงทำได้แค่มองฉีเฟยอวิ๋นและคนอื่นๆ เขาถูกมันอยู่ในกรงและไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ฉีเฟยอวิ๋นตามหาอยู่เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบ นางจึงหยุดและมองหาด้วยตา
จิ้งจอกหางสั้นออกไปจากอ้อมแขนของนาง และเดินไปมาอยู่ในซากปรักหักพัง
ในที่สุดก็พบที่ที่หนึ่งและเริ่มขุดลงไป ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินเข้าไปหาจิ้งจอกหางสั้น และไม่นานจิ้งจอกหางสั้นก็ออกมา ในปากของมันคาบเจ้าอีกาน้อยที่กำลังใกล้ตาย
ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบรับเจ้าอีกาน้อยไป จิ้งจอกหางสั้นถูกพิษและล้มลง ฉีเฟยอวิ๋นรีบอุ้มมันขึ้นมาและทำการช่วยชีวิต
เมื่อกลับมาที่รถม้า ฉีเฟยอวิ๋นก็เอาม่านบนรถม้าลง จากนั้นก็นำมีดมาปล่อยเลือดให้จิ้งจอกหางสั้นและเจ้าอีกาน้อย
ไม่นานทั้งสองตัวก็ดีขึ้น
แม่ทัพกระวนกระวายใจอยู่ข้างนอกและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในรถม้า
เจ้าอีกาน้อยฟื้นขึ้นและขยับ ดวงตาข้างหนึ่งของมันเปลี่ยนเป็นสีแดง ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจ:“หรือว่ายังไม่หาย”
เจ้าอีกาน้อยส่งเสียงร้องกากา และฉีเฟยอวิ๋นก็เข้าใจ
“ดวงตาของเจ้าแห่งอีกาของพวกเจ้าเป็นสีแดง?”
“กากา……” เจ้าอีกาน้อยส่งเสียงร้องอย่างร่าเริง
ฉีเฟยอวิ๋นฟังเข้าใจ:“เจ้าจะบอกว่าเจ้าแห่งอีกา เป็นปู่ของเจ้า ไม่ใช่พ่อของเจ้า แต่ในตอนนี้เจ้ากินเลือดของข้า
ก็เลยกลายเป็นเช่นนี้”
“กากา……”
เจ้าอีกาน้อยดูดีใจมากยิ่งขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นก็ดีใจเช่นกัน:“ยินดีกับเจ้าด้วยนะ เจ้าจะเก่งกว่าพ่อของเจ้าแล้ว”
เจ้าอีกาน้อยบินมาเกาะบนไหล่ของฉีเฟยอวิ๋น และบินไปอวดจิ้งจอกหางสั้น ดูเหมือนจะพูดว่าเจ้าดูสิ เจ้าไม่ได้เก่งเท่าข้า เป็นเพราะกินเลือดของนายท่าน ดวงตาของข้าจึงเป็นสีแดง แต่เจ้าไม่แดงตรงไหนเลย
จิ้งจอกหางสั้นมองดูและน่าจะโกรธ มันยกอุ้งเท้าขึ้นมากดเจ้าอีกาน้อยไว้ใต้อุ้งเท้า และใช้ปากกดลงบนตัวของเจ้าอีกาดำน้อย
และส่งเสียงร้องโว้วโว้ว เจ้าอีกาน้อยหยุดอวดเก่ง
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจสิ่งที่จิ้งจอกหางสั้นพูด แต่เจ้าอีกาน้อยรู้ ดังนั้นนางจึงถามเจ้าอีกาน้อยว่า:“เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดอะไรกับเจ้า?”
“กากา……”
“อ้อ เช่นนั้นมันก็กล้าหาญมาก หากเจ้าอวดเก่งเช่นนี้ มันคงจะกินเจ้า และข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ การเป็นอีกาที่สงบเงียบนั้นสำคัญมาก”
เจ้าอีกาน้อยไม่เป็นอะไร ฉีเฟยอวิ๋นก็สบายใจขึ้นมากแล้ว
“พวกเจ้าพักผ่อนเถอะ พวกเราต้องกลับกันแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นยกม่านขึ้น และเห็นแม่ทัพฉียืนรออยู่ข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ นางจึงกล่าวว่า:“ท่านพ่อ ลำบากท่านแล้ว ท่านรีบขึ้นมาเถอะเจ้าค่ะ พวกเรากลับไปด้วยกัน”
“อืม”
แม่ทัพฉีรีบขึ้นไปบนรถม้า เขาเหลือบมองอาอวี่และบอกให้ลงไป:“ดูคนให้ดี ๆ อย่าให้คนทำเรื่องที่ไม่ดี”
แม่ทัพฉีกับฉีเฟยอวิ๋นกลับเข้าไปในเมืองหลวง และขบวนทหารก็ทยอยกันมา นอกจากนี้ฉีเฟยอวิ๋นยังบอกอาอวี่ให้กระจายข่าวว่าชาวยุทธ์สมรู้ร่วมคิดกับจงชินสังหารคนในจวนอ๋องเจ็ด เพราะท่านอ๋องเจ็ดพูดเรื่องของจงชิน และในตอนนี้ก็จับคนที่ใช้ดนตรีเพื่อทำร้ายผู้คนได้แล้ว และความจริงเกี่ยวกับจวนอ๋องเจ็ดเป็นที่กระจ่างแล้ว
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในเมือง เหล่าราษฎรก็ยืนอยู่เต็มสองข้างทาง และพูดทุกอย่าง แต่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่สำหรับคนที่ถูกจับกุมมา ทุกคนต่างใช้สิ่งของขว้างปาคนผู้นั้น คนผู้นั้นวางพิณไว้ข้าง ๆ
แต่ในตอนนี้พิณพังแล้วและเหลือเพียงแค่สายพิณ
นักดีดพิณโกรธมาก และพยายามที่จะดีดพิณ และผู้คนรอบ ๆ ก็ถอยหลังไปสองก้าว และปวดร้าวไปทั้งตัว
เหล่าราษฎรที่ขลาดกลัวตะโกนว่าไอคนชั่วแล้ววิ่งหนีไป ส่วนคนที่กล้าหาญก็จะตะโกนว่าต้องประหาร ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเป็นไปตามขั้นตอน และต่อไปก็คือการไต่สวน
แม้ว่าไต่สวนแล้วจะไม่ได้อะไร แต่ก็จำเป็นต้องไต่สวน
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ นางรู้ว่าหวังฮวายอันจะต้องจัดการเรื่องนี้ และต่อให้จะไม่ใช่หวังฮวายอันก็ยังมีเว่ยหลินชวน
แต่ในตอนนี้นางรีบร้อนอยากจะไปหาหนานกงเย่ นางคิดถึงเขามากจริง ๆ และอดไม่ได้ที่จะไปหาเขา
แต่เจ้าแห่งอีกายังไม่กลับมา
ฉีเฟยอวิ๋นรีบกลับไปที่จวนอ๋องเย่ นางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปพบเสี่ยวกั๋วจิ้วกับเว่ยหลินชวนที่มาถึงแล้ว
เมื่อได้พบแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็อธิบายอย่างชัดเจน นางบอกว่านางอาจจะแพ้ท้องและต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาหนึ่งเดือน ดังนั้นนางจึงกลับไป
เสี่ยวกั๋วจิ้วไม่ได้พูดอะไรมากนัก คดีนี้ตรวจสอบไปได้มากแล้ว และตอนนี้ในเมืองหลวงก็มีการผลักดันแล้ว
จึงพาคนไปที่ศาลพิเศษกลางก่อน
ฉีเฟยอวิ๋นรอให้คนกลับไปก่อน จากนั้นนางก็ให้อาอวี่ไปที่จวนต้ากั๋วจิ้ว และเชิญมู่เหมียนมาที่นี่