องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 406 แตกต่างอย่างมาก
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 406 แตกต่างอย่างมาก
ราชครูจวินเข้ามา ฮูหยินรองลุกออก หันไปทำความเคารพราชครูจวิน กล่าวขึ้นว่า “ถวายความเคารพท่านราชครูเจ้าค่ะ”
ราชครูจวินชำเลืองมองฮูหยินรอง และเดินไปนั่งลง
“เจ้านั่งลงเถิด เจ้าดูว่าตัวเจ้าให้กำเนิดอะไรออกมาสิ”
“เจ้าค่ะ”
ฮูหยินรองเดินไปนั่ง ในมือจับลูกประคำทีละเม็ดๆอยู่ แววตาของนางเรียบเฉยเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้มีความสั่นไหวมากมาย
ราชครูจวินมองคนที่อยู่บนพื้น จากนั้นกล่าวว่า “วันนี้ข้าได้ทำการตัดสินใจแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมาก่อความวุ่นวายที่นี่ ไม่พบโลงศพถึงไม่หลั่งน้ำตาเลยนะ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นไปที่เฉิงหนานหาคนที่อยู่ชนบทไร้มารยาท มาแต่งวันพรุ่งเสียเลยเถิด”
“ห๊ะ?
ฮูหยินของคุณชายรองตกใจหนักมาก จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?
นี่ไม่ใช่การต้องการเอาชีวิตหรือ?
ท่านพ่อ ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะ”
ฮูหยินของคุณชายรองไม่สนใจสิ่งใดแล้วได้ปีนป่ายขึ้นไป ดึงที่ปลายชุดของราชครูจวิน ราชครูจวินถีบขาออกไปทำให้ฮูหยินของคุณชายรองกระเด็นกระดอนพลิกตัวไป
จวินเจิ้งหนานรีบเข้าประคองภรรยา เงยหน้ามองราชครูจวินแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ ตามที่ท่านพูดเมื่อก่อนหน้านี้ ให้หาคนใดก็ได้มาแต่ง อันนี้พวกเราก็ยอมรับแล้ว”
เมื่อมองท่านแม่ของตนที่อยู่ตรงหน้า จวินเจิ้งหนานก็เข้าใจได้ทันที
สกุลจวินของเขานั้นพวกเขาไม่มีสิทธิที่จะมาออกความคิดเห็น ทุกอย่างล้วนอยู่ในการยึดกุมของท่านพ่อ
ไม่ยอมรับชะตาชีวิตมีเพียงความย่อยยับ
ฮูหยินของคุณชายรองไม่ยินยอม อยากจะกล่าวพูดอะไรบางอย่าง ก็ได้ถูกจวินเจิ้งหนานดุด่าเสียงดังสนั่นว่า “ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดอีกแล้ว เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร?”
ฮูหยินของคุณชายรองมึนงง ราชครูจวินชำเลืองมอง เดิมที่คิดว่าจะอยากพยายามไกล่เกลี่ยเรื่องราว จากนั้นราชครูจวินกล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อฮูหยินผู้นี้ไม่ยินยอมอยากจะอยู่ที่เรือนนี้ เช่นนั้นก็หย่าเลย”
“ห๊ะ?”
จวินเจิ้งหนานและฮูหยินของเขาต่างมึนงงกันทั้งคู่ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดราชครูจวินจะต้องไร้ความรู้สึกเยี่ยงนี้เลย
“ท่านว่าอย่างไรนะเจ้าคะ?”ฮูหยินของคุณชายรองแทบคลั่ง อีกนิดหนึ่งก็จะกระโดดขึ้นมาแล้ว
ครอบครัวของนางมิใช่ว่าเทียบไม่ได้ แม้ว่าจะมิเท่าเสนาบดีใหญ่อย่างราชครูจวิน แต่เรื่องการหย่าภรรยาเยี่ยงนี้จะบอกว่าหย่าก็ทำการหย่าทั้งกันได้เลยที่ไหนกันเล่า?
ฮูหยินของคุณชายรองเตรียมจะโวยวายขึ้นอีก ราชครูจวินเลยมีรับสั่งว่า “ทหารมาเอานางกลับไปส่งที่เรือนของพ่อแม่นาง วันพรุ่งไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ตาม จวินซือซือจะต้องแต่งงานออกเรือนไป สกุลจวินของข้าไม่เก็บคนที่ดุร้ายไว้”
คนที่เข้ามาลากออกไปโดยไม่สนใจว่าฮูหยินของคุณชายรองโวยวายร้องไห้อยู่ จวินเจิ้งหนานนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นเหงื่อตก ตอนนี้เขามึนงงไปหมดแล้ว
คนที่ดุร้ายคือผู้ใดกัน?
บุตรสาวหรือ?
แต่แบบนั้นบุตรสาวคือบุคคลที่น่ารักนะ!
ราชครูจวินนั่งอยู่สักพักหนึ่ง มองบุตรชายที่ไร้ประโยชน์แล้วกล่าวว่า “ในห้องของเจ้าไม่มีผู้อื่นแล้วหรือ?”
“อันนี้…”
จวินเจิ้งหนานมิกล้ากล่าวออกมา แต่ฮูหยินรองกล่าวว่า “เมื่อก่อนมีฮูหยินรอง นิสัยของนางค่อนข้างอ่อนน้อมนุ่มนวล อีกทั้งจัดการเรื่องราวก็ไม่เลว”
ราชครูจวินชำเลืองมองฮูหยินรอง อย่างเข้าใจลึกซึ้ง
“เช่นนั้นก็เอานาง วันนี้แต่งตั้งขึ้นมาเป็นฮูหยินของเจ้า บอกนางไปเรือนของสามีซือซือในคืนนั้นเลย วันพรุ่งเวลาเช้าต้องออกเรือน ล่าช้าก็เตรียมหีบศพซะ”
“……..”จวินเจิ้งหนานเหงื่อออกตรงยอดกระหม่อม สุดท้ายก็จึงตอบตกลงไป
พอออกมาอีกนิดหนึ่งจวินเจิ้งหนานแทบจะหกล้มลง นี่เป็นอะไรกันหรือ?
ทางด้านของจวินซือซือยินยอม แต่ไม่ได้รอให้นางดิ้นรนขัดขืน ก็ได้ถูกคนมัดไว้แล้ว ไม่ว่านางจะร้องโหวกเหวกโวยวายอย่างไรก็ไร้ซึ่งประโยชน์
หญิงแก่สามสี่คนมาก็ลงมือตี ตีจนเกือกกลิ้งอยู่บนพื้น
เวลานี้จวินเจิ้งหนานไร้ซึ่งหนทางเช่นกัน จึงทำได้แค่หลบออกไป
ฮูหยินของคุณชายรองคนใหม่ได้ไต่ถามในคืนวันนั้นเลย ในที่สุดก็นับว่าหาครอบครัวที่ถือว่าไม่เลวสำหรับพวกเขาได้แล้ว
ครอบครัวนี้เป็นญาติห่างๆของราชวงศ์ ก็นับว่าเป็นจงชิน แต่ก็ค่อยข้างห่างไกลไปเสียหน่อย เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากฐานะ อย่างอื่นนั้นไม่มีอะไรเลย
แต่ฝั่งตรงข้ามยินยอม การแต่งงานนี้เลยสำเร็จ
เช้าวันต่อมา ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะออกมาจากเรือนได้มองเห็นบนถนนมีเสียงตีและเป่า พอมองอย่างละเอียดจึงได้มองเห็นขบวนส่งเกี้ยวไปรับเจ้าสาวอยู่ไม่ไกล
ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ เลยกล่าวถามอาอวี่ว่า “นั่นคล้ายดั่งเป็นขบวนของจวนราชครูจวินนะ ที่จวนของราชครูจวินมีผู้ใดแต่งงานหรือ?”
“มิทราบพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปดูให้”อาอวี่กล่าวเสร็จรีบไปไต่ถามสืบข่าว กลับมาแล้วจากนั้นได้นำข่าวเรื่องที่จวินซือซือจะแต่งงานมาบอกฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นไต่ถามว่า “จวินซือซือใช่คนที่ไปสู่ขอมาไม่กี่วันนี้ใช่หรือไม่?”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นนี่เป็นเรื่องสุกเอาเผากินลวกๆนะสิ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?”
อาอวี่จะรู้ที่ไหนกัน เพราะฉะนั้นเลยไม่ได้ตอบ
ฉีเฟยอวิ๋นตามไปดูด้วย ไต่ถามถึงได้รู้ว่า คนที่จวินซือซือแต่งงานด้วยอายุสามสิบหกแล้ว ฮูหยินสองคนก่อนหน้าตายแล้ว เล่ากันว่าถูกตีตาย
ครอบครัวนี้มีตำแหน่งบรรดาศักดิ์เป็นจวิ้นอ๋อง ครอบครัวมีตั๋วเงิน สามารถรับค่าเช่า สามารถหาตั๋วเงินได้
แต่จวินซือซือเพิ่งจะอายุสิบสี่ปี ฉีเฟยอวิ๋นมองขบวนเกี้ยวรับเจ้าสาว ถึงกับงงงวยไปชั่วขณะ
สรุปเรื่องนี้สถานการณ์มันเป็นอย่างไรกัน?
พอกลับมาถึงจวนอ๋องเย่ฉีเฟยอวิ๋นเลยบอกเรื่องของจวินซือซือแก่หนานกงเย่ วันนี้หนานกงเย่งานรัดตัว ส่วนใหญ่เป็นงานเร่งด่วนของด้านนอก ตอนที่เขาไม่ออกจากเรือนส่วนใหญ่คือจัดการเกี่ยวกับงานด่วนเหล่านี้
ฉีเฟยอวิ๋นก็เลยไม่ไปรบกวน เพียงแค่ตอนที่กินข้าวถึงได้ไปพบเขา
ตรงหน้าของหนานกงเย่มีอาหารวางไว้ ตอนก้มหน้าเขายุ่งเป็นอย่างมาก อ่านวิเคราะห์เรื่องงานอยู่ตลอดเวลา
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เอ่ยปากพูดเขาก็เป็นฝ่ายที่ถามเอง
ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้กล่าวพูดว่ารับรู้มาว่าจวินซือซือถูกจับแต่งงานออกไปอย่างรีบๆพอพ้นๆ หนานกงเย่กล่าวเพียงว่า “ดูเหมือนว่าบุตรสาวของสกุลจวินมีไม่กี่คนที่ทำงานสำเร็จ แต่เป็นคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายไม่น้อย”
“ท่านอ๋องรู้จักหรือเพคะ?”ตั้งแต่ไหนแต่ไรฉีเฟยอวิ๋นไม่เคยได้ยินกล่าวถึง
“นางกับพระสนมเอกราชวงศ์ปัจจุบันมีอายุเท่ากัน กล่าวกันตามหลักอวิ๋นอวิ๋นก็สนิทกับนาง นางเคยเล่นกับอวิ๋นอวิ๋นด้วยนะ”
“เรื่องเหล่านั้นลืมไปตั้งนานแล้วเพคะ”ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงสมองทึ่มนั่นของเจ้าของร่างเดิม ไม่ได้รู้สึกว่าแปลกประหลาดเลยสักนิดหนึ่ง
สกุลจวินไม่มีคนโง่ทึ่ม ที่จะเล่นกับเจ้าของร่างเดิมหรอก นอกจากหาผลประโยชน์ด้วยแล้วจะมีอะไรล่ะ?
ก็เลยไม่ไปถาม ในเมื่อแต่งงานออกไปยังไงก็ได้แล้ว
เลยไม่คิดเล็กคิดน้อย
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า “งานแต่งของเว่ยหลินชวน ท่านอ๋องคิดที่จะมอบสิ่งใดหรือไม่เพคะ?”
“ช่วงไม่กี่วันนี้ข้าจะยุ่งมาก อวิ๋นอวิ๋นตัดสินใจเลยนะ”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่รบกวนเขาแล้วเลยลุกขึ้นแล้วไปจัดเตรียมของขวัญ
ไม่กี่วันวันแต่งงานของเว่ยหลินชวนก็มาถึง ฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่ออกจากจวนตั้งแต่เช้า เพื่อไปดูความคึกครื้น ถึงได้ไปที่ศาลพิเศษกลาง
องค์หญิงใหญ่กับตระกูลอวิ๋นได้เกี่ยวดองกัน ฉากนี้เป็นประวัติศาสตร์ คนต่างอิจฉากัน
ฉีเฟยอวิ๋นวางของขวัญลง และรอเจ้าสาวมาถึง
โรคซึมเศร้าขององค์หญิงใหญ่วันนี้ได้ดีขึ้นมาพอประมาณแล้ว ยาแผนปัจจุบันก็เปลี่ยน ทุกวันดื่มเพียงยาจีนรสขมปรับสมดุลร่างกาย
คนได้พบเจอเรื่องน่ายินดีจิตใจแจ่มใส จึงเจือจางเลือนรางเรื่องการเสียชีวิตของครอบครัวท่านอ๋องเจ็ดลงไปบ้าง
ดื่มเหล้าได้สักพักหนึ่งแล้วฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ไปส่งองค์หญิงใหญ่พักผ่อน ฉีเฟยอวิ๋นห่มผ้าห่มให้องค์หญิงใหญ่เรียบร้อยแล้ว ได้นั่งลงและเหม่อลอย
คิดไม่ถึงเลยว่าหนานกงเย่หลับไปเสียแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเอาชุดไปคลุมให้เขาแล้วนั่งลงอยู่เป็นเพื่อน
ก็ไม่รู้ว่าเขาเหนื่อยแค่ไหน คิดไม่ถึงว่าจะดื่มเหล้าจนหลับอยู่ด้านนอก
หลังจากนั้นสามวันเว่ยหลินชวนได้พาคุณหนูสี่ตระกูลอวิ๋นกลับเรือน ตระกูลอวิ๋นเชิญฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่มากินข้าวที่จวน และยังมีท่านอ๋องตวนกับพระชายาตวนด้วย
อวิ๋นหลัวฉวนได้ยินว่าฉีเฟยอวิ๋นจะมา นางเลยยืนรอต้อนรับอยู่หน้าประตูตั้งแต่เช้าแล้ว
ท่านอ๋องตวนไม่วางใจ วันนี้และทุกวันล้วนต้องการดูแลอวิ๋นหลัวฉวน เขาก็เลยอยู่เป็นเพื่อน
ฉีเฟยอวิ๋นลงมาจากรถม้า ก็ได้เห็นอวิ๋นหลัวฉวนยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว ทั้งสองคนต่างทักทายกัน อวิ๋นหลัวฉวนคล้ายดั่งนกนางแอ่นที่โบยบินไปตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น ไม่พูดมาก อุ้มจิ้งจอกหางสั้นไปก่อนแล้ว
“เชิญท่านพี่เสียนเฟย”
อวิ๋นหลัวฉวนทอดถอนสายบัว แล้วอุ้มจิ้งจอกหางสั้นเดินไป
ฉีเฟยอวิ๋นมองอวิ๋นหลัวฉวน นี่มารับเธอหรือว่ามารับจิ้งจอกหางสั้นกันแน่?
พอเข้ามาแค่ไม่ได้มีเยอะ แต่ว่าพี่น้องของตระกูลอวิ๋นเยอะ เวลานี้เว่ยหลินชวนยุ่งเป็นอย่างมาก
ด้านนี้พูดคุยอีกด้านก็ตอบรับ เขาเป็นนักปราชญ์ที่บอบบางอ่อนน้อม เคยทำแล้วทำเล่าอย่างนี้อยู่ที่นั่น
โชคดีที่คุณหนูสี่ตระกูลอวิ๋นรักและทะนุถนอมเขา ปกป้องดูแลจนไม่ให้คนของตระกูลอวิ๋นทำให้เว่ยหลินชวนเหนื่อย
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ท่านอ๋องตวนตกล่วงอยู่บ้าง
ล้วนเป็นบุตรเขยของตระกูลอวิ๋นเหมือนกัน เหตุใดเงินเดือนและสวัสดิการถึงได้แตกต่างยิ่งใหญ่เยี่ยงนี้?