องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 411 ความเกลียดชังใหม่และเก่า
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 411 ความเกลียดชังใหม่และเก่า
ฮูหยินเสนาบดียกน้ำชามาวางลง “ท่านเสนาบดีเป็นกังวลใจเพราะเรื่องอะไรหรือ?”
“ข้าไม่เห็นด้วยกับคำร้องขอของอวิ๋นเจี๋ย แต่เรื่องนี้จักรพรรดิได้ออกคำสั่งแล้ว จึงทำให้เรื่องนี้ไม่มีทางแก้ไขได้อีก
ไปเขตชายแดนก็ดี เขาไปรบที่เขตชายแดนก็เหมือนเป็นเรื่องปกติ ในเมื่อไม่ยอมอยู่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้า เช่นนั้นก็ไปเป็นพี่ชายของเขาก็ดีเช่นกัน อย่างน้อยก็สามารถทำให้พวกเราอยู่อย่างสงบสุข
เพียงแต่ราชครูจวินยังป่วยหนัก เรื่องราวในราชสำนักก็มากมาย หากยังมีเรื่องเช่นนี้ไปอีก ข้าเกรงว่าข้าจะแบกรับไว้ไม่ไหวและเกิดความวุ่นวายขึ้นในที่สุด”
“ท่านเสนาบดีอย่ามัววิตกกังวลอยู่กับเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ ข้าเชื่อมั่นในความสามารถของท่านเสนาบดี ทำไมถึงดูถูกตัวเองเกินไปล่ะเจ้าคะ
อีกทั้ง ราชครูจวินก่อเรื่องขึ้นก็เป็นโอกาสของท่านเสนาบดีไม่ใช่หรือ?
หากสามารถรักษาอำนาจและควบคุมไว้ได้ เช่นนั้นจะมีใครสามารถทำอันตรายต่อตำแหน่งของท่านในราชสำนักได้อีกหรือ” ฮูหยินเสนาบดีรู้สึกได้ใจ
คนที่มาวันนี้ล้วนมาเพื่อผลประโยชน์ เพียงเพื่อใช้โอกาสจากตรงนี้ วันคืนที่แสนสุขสบายของจวนเสนาบดีก็จะมาถึง
เสนาบดีมองออกไปด้วยใบหน้าอบอุ่นแต่โกรธเคือง “เจ้าเป็นเพียงผู้หญิง แม้จะมีผมยาวแต่ไม่มีความรู้เอาเสียเลย หากจะบอกว่าเจ้าไม่มีประสบการณ์ความรู้ทางโลกเลยก็คงเป็นเช่นนั้น
เจ้าคิดว่าราชครูจวินเจ็บป่วยจริงๆ หรือ?”
“เช่นนั้นเขา?” ฮูหยินเสนาบดีรู้สึกสงสัย
เสนาบดีถอนหายใจ “ข้ารู้นิสัยของราชครูจวินดี เกรงว่าเขาคงกำลังดูการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่เรือนก็เท่านั้น
เขามีลูกเยอะ หากจะตายสักคนสองคนจะเป็นไรไปเสีย?
เขาไม่เหมือนกับพวกเรา เขาส่งลูกหลานเข้าไปอยู่ในวังหลวง เจ้าเห็นว่าเขารู้สึกเสียดายบ้างหรือ เขาก็คิดเพียงแค่โยนหมูป่าหมาป่าออกไปโดยไม่สนใจเลยสักนิด
จักรพรรดิเพียงแค่เห็นแก่ความดีความชอบของเขา ทำไมเขาถึงจะไม่ยอมเสียสละผลประโยชน์เล็กน้อยเพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่มากขึ้น?
จวินฉูฉู่เป็นคนที่เขาเลือกเพื่อแต่งงานกับท่านอ๋องตวน ตอนตายก็ตายอย่างน่าอนาถ แต่เขากลับไม่เหลือบมองแม้แต่น้อย
หัวใจของเขาช่างเหี้ยมโหดมากเหลือเกิน!
ข้ากลัวเขาเหลือเกิน!”
“เช่นนั้น……”
“ให้เป็นเช่นนี้ไปก่อนเถอะ เขาก็คือเขา ข้าก็คือข้า หากเขายังยอมให้ข้าได้ ข้าก็จะต่อสู้กับเขาไปเช่นนี้”
เสนาบดีลุกขึ้นเพื่อจะไปพักผ่อน ฮูหยินเสนาบดีกลับรู้สึกไม่ยอม
แค่พลาดโอกาสก็กลัวจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่เธอไม่สนใจเรื่องเหล่านี้
เพียงแต่ราชครูจวินติดโรคร้ายเข้า นี่เองที่ทำให้ฉีเฟยอวิ๋นเป็นกังวล
หากหมอหลวงไม่สามารถรักษาให้หายได้ เช่นนั้นก็เชื่อว่าคนอื่นคงไม่สามารถรักษาให้หายได้เช่นกัน และหากเธอไม่ไปดูอาการเสียหน่อย ก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสม
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ตอนเช้าฉีเฟยอวิ๋นได้มาส่งท่านแม่ทัพฉีไปออกรบ หลังจากนั้นตอนบ่ายจึงสะพายกล่องยาไปจวนราชครูจวินพร้อมกับอาอวี่
เมื่อมาถึงจวนราชครูจวิน ฉีเฟยอวิ๋นให้อาอวี่ไปเคาะประตู เมื่อพ่อบ้านเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นมาจึงรีบให้เธอรอก่อน
จวนราชครูจวินในวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องที่เขตชายแดนขึ้น จวนราชครูจวินก็ตกเป็นสถานที่ที่ทุกคนต่างพากันหวาดกลัว และที่ยังสามารถเข้ามาที่จวนได้ก็มีเพียงไม่กี่คน
พ่อบ้านเข้าไปรายงาน ไม่นานก็ออกมาเชิญฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปข้างใน
ฮูหยินรองของตระกูลจวินออกมาต้อนรับฉีเฟยอวิ๋นด้วยตัวเอง จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินตามเข้าไป
“เชิญพระชายาเย่ข้างในเพคะ ท่านราชครูรออยู่ข้างในแล้ว ที่นี่เป็นที่พักของท่านราชครู คนที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่ได้รับอนุญาตจากท่านราชครูจะไม่สามารถเข้าไปได้เพคะ”
“ขอบคุณท่านฮูหยิน” ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับและพาอาอวี่เข้าไปในเรือน
ภายในเรือนมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบพาเธอไปที่ห้องของราชครูจวิน
เมื่อเข้าประตูมาก็ได้เห็นว่าราชครูจวินกำลังนอนอยู่บนเตียง ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปดู “ท่านราชครูจวิน ท่านสบายดีหรือไม่”
“กระหม่อมไม่สามารถลุกขึ้นมาต้อนรับได้ แถมยังต้องลำบากให้พระชายาเย่มาเยี่ยมถึงในห้อง กระหม่อมเกรงกลัวเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านราชครูจวินพูดเกินไปแล้ว ท่านอ๋องติดภารกิจมากมายจึงไม่สามารถมาเยี่ยมได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงติดตามข้ามาพบท่านราชครู”
“ท่านอ๋องทำงานหนัก กระหม่อมก็ป่วยลง เกรงว่าท่านอ๋องจะยิ่งต้องทำงานหนักพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นท่านราชครูจวินต้องอาการดีขึ้นโดยเร็ว ท่านราชครูจวิน ไม่รู้ว่าท่านไม่สบายตรงไหน เช่นนั้นข้าก็สามารถให้ยาที่ถูกกับโรคได้”
“ก็แค่ร่างกายหนัก อาจจะเพราะแก่ลงแล้วก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” ราชครูจวินกล่าวอย่างเรียบง่าย
“ข้าจะตรวจดูให้ท่านราชครู”
“รบกวนพระชายาเย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงและยกมือขึ้นจับข้อมือของราชครูจวินที่ยื่นออกมา
“แต่ก็ไม่มีอะไร ข้าก็แค่ไม่มีอะไรทำ” ฉีเฟยอวิ๋นทำสีหน้าจริงจัง เมื่อตรวจดูอยู่พักหนึ่งก็วางใจลง
“ปกติแล้วท่านราชครูมักนอนดึกเป็นประจำเลยหรือ?”
“พ่ะย่ะค่ะ” จริงๆ แล้วช่วงนี้ร่างกายของราชครูจวินไม่ค่อยจะดีนัก มักจะรู้สึกร่างกายไร้เรี่ยวแรง เขากินน้อยลง และเจอกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่เขตชายแดน พระพันปีจึงให้เขากลับไปอยู่ที่เรือนเพื่อแสร้งว่าไม่สบาย แต่เขาไม่ต้องแสร้งทำก็เจ็บป่วยอยู่แล้ว
“หลังจากนี้ท่านราชครูห้ามนอนดึกอีกแล้ว ในนี้เป็นยาบำรุงหัวใจหยางซิน และข้าจะออกยาระงับประสาทให้อีกสองสามตัว ท่านราชครูจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และโรคนี้จะต้องฟื้นตัวอย่างช้าๆ”
“รบกวนพระชายาเย่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปจัดยาให้ จากนั้นจึงนำอาอวี่ออกไป
เมื่อเห็นว่าเธอไปแล้ว ราชครูจวินหยิบยาบำรุงหัวใจหยางซินออกมาแล้วกินเข้าไป เขาเคยเห็นพระมเหสีหวาและพระพันปีกิน จึงคิดว่าจะต้องเป็นยาที่ดีอย่างแน่นอน
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นออกจากประตูมาก็รู้อะไรภายในใจ ราชครูจวินไม่ได้เจ็บป่วย เพียงแค่แสร้งทำเป็นเจ็บป่วยอยู่ในเรือนเท่านั้น
หากตอนนี้เขาไม่แสร้งทำเป็นเจ็บป่วย ก็เหมือนกับที่พระพันปีตรัสเช่นนั้น ราชครูจวินไม่ได้เป็นขุนนางที่ทรยศ
เมื่อออกมาจากจวนราชครูก็เห็นผู้หญิงสองคนอยู่ตรงหน้า ฉีเฟยอวิ๋นมองการแต่งกายของพวกนางแต่ก็ไม่รู้จัก และไม่พูดอะไร แต่ก็เดินเข้าไป อีกฝ่ายหันมาทางฉีเฟยอวิ๋น “พระชายาเย่”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเธอถูกเรียกให้หยุด ภายในจวนแห่งนี้ยังมีใครกล้าไม่เคารพต่อเธออีกหรือ?
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองผู้หญิงที่อยู่อีกฝั่ง การแต่งงานก็ไม่ธรรมดาและสวมใส่ในชุดสีแดงสด คนใช้ข้างกายก็แต่งกายดูดีกว่าคุณหนูธรรมดาอยู่มาก
รูปร่างหน้าตาก็ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะดวงตาที่แหลมคมของนางนั้น เมื่อมองผู้คนก็รู้สึกได้ถึงแววตาคู่นั้น
แต่ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้จักนาง ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับหญิงสาวคนนี้เลย
“เจ้าคือ?” ฉีเฟยอวิ๋นให้เกียรติและมีมารยาทต่อผู้อื่น ชื่อของเธอไม่ใช่ว่าใครที่ไหนจะเรียกก็ได้
จวินซือซือก้าวเข้ามาสองสามก้าวและยิ้ม “ฉีเฟยอวิ๋นท่านกับข้าก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก ทำไมถึงไม่รู้จักข้าแล้วหรือ? หรือท่านรู้จักคนมากหน้าจนลืมข้าไปแล้ว หรือว่าท่านเป็นพระชายาไปแล้ว ส่วนข้าเป็นเพียงพระชายาจวิ้น ท่านก็เลยไม่รู้จัก?”
ฉีเฟยอวิ๋นยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ รู้จักกันได้อย่างไร?
“เจ้าเป็นพระชายาจวิ้นของตระกูลใดกันหรือ ทำไมถึงมาอยู่ในจวนราชครูจวินได้?” ฉีเฟยอวิ๋นต้องการจะถามให้ชัดเจน
ขณะนี้ฮูหยินรองก็นำคนเข้ามา เมื่อเห็นว่าจวินซือซือกำลังทำให้ฉีเฟยอวิ๋นลำบากใจจึงได้ทำสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา
“คุณหนูสามกลับมาแล้วหรือ?” ฮูหยินรองรีบเดินเข้ามาตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋นและจวินซือซือ และรีบโค้งคำนับให้กับฉีเฟยอวิ๋น
“คารวะพระชายาเย่เพคะ”
“ลุกขึ้นเถอะฮูหยิน”
ในขณะนี้ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือจวินซือซือ
ไม่แปลกที่พูดจาไม่เกรงอกเกรงใจ ที่แท้ก็โกรธแค้นกัน
“พระชายาเย่อยู่ร่วมรับประทานอาหารด้วยกันเถอะเพคะ หม่อมฉันสั่งให้คนไปจัดเตรียมแล้วเพคะ” ฮูหยินกล่าวอย่างนอบน้อม
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองจวินซือซือและส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ข้ายังมีธุระ เชิญฮูหยินตามสะดวกเลย”
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังกลับและเดินจากไป จวินซือซือเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกโกรธ นางหยิบก้อนหินบนพื้นขึ้นมาแล้วโยนไปที่ฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ป้องกัน แต่อาอวี่กันไว้ได้ อาอวี่กำก้อนหินไว้แน่นและหันกลับมาโยนก้อนหินกลับไป และโดนหน้าผากของจวินซือซืออย่างจังแถมยังเลือดออกอีกด้วย
จวินซือซือเตรียมที่จะก้าวเดินตามไปคิดบัญชี ฮูหยินรองหันกลับไปตบหน้าหนึ่งที “เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อหรือ ส่งคนมาที่นี่แล้วโบยห้าสิบที”
“กล้าดีอย่างไร……” จวินซือซือตะโกนออกมา คนใช้เดินเข้ามาจำนวนหนึ่งแล้วจับจวินซือซือไปโบย