องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 418 เงินช่างเป็นสิ่งที่ดี
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 418 เงินช่างเป็นสิ่งที่ดี
ฉีเฟยอวิ๋นมีสีหน้าสงสัย “เขามีลูกชายด้วยหรือ?”
“อวิ๋นอวิ๋น เจ้าไม่รู้ขนาดว่าเขามีลูกชายสามคนอย่างนั้นหรือ?” แม่ทัพฉีพูดไม่ออกกับลูกสาวคนนี้ “เจ้ารู้แต่ท่านอ๋องเย่”
ฉีเฟยอวิ๋นหน้าแดง “จำไม่ได้แล้ว ท่านพ่อ จวินเจิ้งตงมีลูกชายเยอะเช่นนี้แต่กลับหนีไปแล้ว?”
“ไม่น่าจะใช่ จวินเจิ้งตงและพ่อเป็นสหายกัน พวกเราเคยดื่มเหล้าด้วยกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนเก่งกาจอะไร แต่ก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคิดกบฏทรยศหักหลัง การกระทำของเขาในครั้งนี้ อาจจะเกี่ยวข้องกับลูกชายทั้งสามของเขา พ่อจะรอความคืบหน้าของพวกเขา หากเขาเป็นกบฏคิดคดทรยศต่ออาณาจักร พ่อจะชำระล้างแค้นนี้ให้กับท่านราชครูจวินเอง แต่หากไม่ใช่ก็ยังพอมีแก้ไขได้”
แม่ทัพฉีลุกขึ้น “นี่ก็ดึกมากแล้ว ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ อวิ๋นอวิ๋นเจ้าอยู่ที่กระโจมของพ่อที่นี่ หากมีเรื่องอะไรพ่อจะได้ปกป้องเจ้าได้”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อทั้งหมดถูกจัดแจง ทุกคนต่างก็แยกย้าย ฉีเฟยอวิ๋นจึงเข้าไปหาแม่ทัพฉี เธอรู้ว่าแม่ทัพฉีมีอะไรจะพูด
เมื่อสองพ่อลูกนั่งลง ฉีเฟยอวิ๋นจึงถามว่า “ท่านพ่อ ท่านมีเรื่องอะไรที่ต้องการพูดหรือไม่เจ้าคะ?”
แม่ทัพฉีจึงดึงมือของฉีเฟยอวิ๋นเข้ามาและกล่าวว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อฟังบ้างเลยนะ อยู่ในเมืองหลวงอย่างสุขสบายก็ดีเท่าไรแล้ว แต่ดันอยากจะมาทุกข์ทรมานกับเรื่องเช่นนี้ เจ้าดูท้องของเจ้าสิ หากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เช่นนี้พ่อจะทำเช่นไร?”
“ท่านพ่อ ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรเห็นไหม?” ฉีเฟยอวิ๋นพูดเกลี้ยกล่อมแม่ทัพฉี
แม่ทัพฉีถอนหายใจ “พ่อก็แค่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นแล้วไม่ทันกาล”
“ไม่มีทางเจ้าค่ะ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่กลัว แต่แม่ทัพฉีกลับมีสีหน้าไม่สบายใจนัก และมักกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แม่ทัพฉีก็ลุกขึ้นแล้ว สองพ่อลูกจึงพูดคุยเรื่องสำคัญกัน
“ท่านพ่อหมายความว่า จวินเจิ้งตงอาจจะถูกข่มขู่ เหตุผลหลักก็เพราะลูกชายทั้งสามคนของเขาถูกจับไป?” ฉีเฟยอวิ๋นคาดเดา
แม่ทัพฉีส่ายหน้า “อาจจะไม่ถูกจับไป พูดยาก”
“ท่านพ่อ ทำไมท่านยังพูดอ้อมค้อมกับข้าอีก?”
“พ่อไม่สามารถยืนยันได้ แต่พ่อมาที่นี่ได้สิบกว่าวันแล้วและไม่เห็นว่าทหารของฝ่ายตรงข้ามจะมีการเคลื่อนไหวอะไร แต่ตอนที่จวินเจิ้งตงจะฆ่าพ่อในคืนนั้น ทหารของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาจู่โจมทหารของพ่อ นี่ก็สามารถบอกได้ว่า ต่อให้จวินเจิ้งตงไม่ได้คิดทรยศหักหลังอาณาจักร ทหารของพ่อจะต้องมีสายลับเข้าไปสอดแนม พวกเขาดูจากสัญญาณก็สามารถรู้ได้ว่าพ่อถูกฆ่าแล้วหรือไม่
หากพวกเขาต้องการศีรษะของพ่อ หากไม่เห็นศีรษะของพ่อ จะต้องรู้ได้ว่าการฆ่าพ่อนั้นล้มเหลว พ่ออยู่ที่นี่พวกเขาจึงไม่กล้าทำการเคลื่อนไหวอะไรง่ายๆ”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกชื่นชมท่านพ่อของเธอในความเฉลียวฉลาด
“เช่นนั้นท่านพ่อจะหาพวกเขาได้อย่างไร?”
“เรื่องหาพวกเขานั้นไม่รีบร้อน เพียงแค่พ่ออยู่ที่นี่ ไม่ช้าอย่างไรพวกเขาก็ต้องมา เพราะจวินเจิ้งตงอยู่ในมืองของพ่อ นอกเสียจากว่าพวกเขาไม่สนใจจวินเจิ้งตงตั้งแต่แรก แต่หากพวกเขาไม่สนใจจวินเจิ้งตงตั้งแต่แรก เช่นนั้นพ่อก็สามารถทำให้จวินเจิ้งตงสารภาพออกมาได้ว่าทำไมต้องทรยศหักหลังต่ออาณาจักร”
“ท่านพ่อเก่งกาจสุดยอดมากที่สุดเลย!” ฉีเฟยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
แต่แม่ทัพฉีกลับยิ้มไม่ออก “ตอนนี้สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งรีบอะไร เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือเสบียงอาหารของกองกำลังทหารของพ่อ
จวินเจิ้งตงต้องการฆ่าพ่อเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในกองกำลังทหาร เขาเผาเสบียงอาหารไปแล้ว ถึงแม้จะขนออกมาได้ทันอยู่บ้าง แต่ก็สูญเสียไปเป็นจำนวนมาก ต่อให้รอเสบียงอาหารที่เมากมายเช่นนั้นก็ต้องรออยู่หลายวัน
และไม่ต้องพูดถึงยาและเสื้อผ้า อีกแค่เพียงหนึ่งเดือนจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ถึงตอนนั้นหากกองกำลังของพ่อไม่มีเสบียงอาหารและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และหากทหารของฝ่ายตรงข้ามเข้ามาจู่โจมอีก เช่นนั้นคงยากต่อการรับมือ”
“ท่านพ่อ ข้ามีวิธีจัดการกับเรื่องเสบียงอาหาร” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่าอวิ๋นจิ่นมีความสามารถของนาง หากไม่ใช่นาง เกรงว่าครั้งนี้คงไม่ราบรื่น
“เจ้ามีวิธีหรือ?” แม่ทัพฉีรู้สึกไม่เชื่อ “ถึงแม้ว่าตอนนี้จวนของเจ้าจะมีเงินตำลึงเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่น่าจะมีเสบียงอาหาร”
“เช่นนั้นก็ไม่แน่เสมอไป ขอเพียงแค่หาอวิ๋นจิ่นเจอ เรื่องนี้ก็จัดการได้ แต่นางยังไม่ปรากฏตัวขึ้น ลูกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านพ่อรออย่างใจเย็นก่อน ข้าจะออกไปหานาง”
“หาอะไร เจ้าจะออกไปไม่ได้ ข้างนอกมีคนมากมาย ให้พวกเขาไป เจ้าเป็นเช่นนี้ห้ามออกไปเดินเตร็ดเตร่ ตั้งแต่นี้ไปพ่อไปไหนเจ้าต้องไปที่นั่น”
“เช่นนั้นหากท่านพ่อไปห้องน้ำ ข้าก็ต้องไปอย่างนั้นหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นถามด้วยสีหน้าขบขัน แม่ทัพฉีโกรธจนจ้องมองเธอเขม็ง
สองคนพ่อลูกพูดคุยกันอยู่ในกระโจมอย่างไม่หยุดหย่อน เฉินอวิ๋นเจี๋ยเรียกพวกเขาไปรับประทานอาหารเช้าการสนทนาจึงจบลง
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ฉีเฟยอวิ๋นต้องการจะไปดูจวินเจิ้งตง จึงได้ไปขอร้องแม่ทัพฉี แม่ทัพฉีไม่กล้าปฏิเสธลูกสาวจึงพาฉีเฟยอวิ๋นไปหาจวินเจิ้งตง
ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกมาจากค่ายทหารและเดินไปไม่กี่เมตรก็ถึงที่กักคุมตัวจวินเจิ้งตง ฉีเฟยอวิ๋นมองไปรอบๆ ที่แท้ก็เป็นห้องน้ำ
บริเวณโดยรอบมีกลิ่นเหม็นรุนแรงจนฉีเฟยอวิ๋นแทบไม่อยากเข้าไป
“ท่านพ่อ ทำไมถึงเป็นสถานที่เช่นนี้ไปได้?”
แม่ทัพฉีหัวเราะ “ช่วยไม่ได้ สถานที่นี้ปลอดภัย หากพ่อไม่ยอมมาที่นี่ คนอื่นก็คงไม่ยอมมาเช่นกัน พ่อมาที่นี่ทุกวัน ต่อให้เป็นเวลากลางคืนก็ไม่มีใครรู้”
“เช่นนั้นก็ไม่เสมอไป หากมีคนมาล่ะ คนอื่นอาจจะคิดได้ว่ามาหาที่นี่ ลองหาไปมั่วๆ ดูก็อาจเป็นไปได้”
“เช่นนั้นก็เป็นความโชคดีของพวกเขา” แม่ทัพฉีรู้สึกไม่สบอารมณ์ เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้โอกาสฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย บริเวณโดยรอบของสถานที่แห่งนี้แม้จะลับตาผู้คน แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากกระโจมของเขา เขาไปมาที่แห่งนี้ก็หลายครั้งในหนึ่งวัน ไม่มีใครคาดคิดว่าจวินเจิ้งตงจะถูกแอบซ่อนอยู่ที่นี่
ถึงแม้จะเหม็นไปหน่อย แต่ไม่มีสิ่งไหนที่แม่ทัพฉีไม่เคยประสบพบเจอ เพียงแต่รู้สึกสงสารลูกสาวที่ต้องเข้ามาในสถานที่เช่นนี้
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกรับไม่ได้อยู่บ้างและพยายามฝืนอดทนกับความพะอืดพะอมอยากอาเจียนแล้วเดินเข้าไป ฉีเฟยอวิ๋นไม่แม้แต่จะมองสองข้างที่เป็นกองอึแม้แต่น้อย
โดยปกติแล้วมักจะคุ้นตากับสิ่งที่วิจิตรงดงามในจวนท่านอ๋องเย่ ต่อให้เป็นชักโครกก็สวยงามไม่มีที่ใดเทียบได้ เมื่อมาถึงที่นี่ ฉีเฟยอวิ๋นกลับคิดได้ว่า เงินเป็นสิ่งที่ดี
เมื่อเดินเข้าไปถึงข้างใน ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเกือบตาย แม่ทัพฉีเดินไปอีกฝั่งแล้วดึงเชือกไว้ เชือกถูกม้วนขึ้น กระบอกไม้ถูกยกขึ้นจากหลุมใต้ดิน ภายในถังไม้มีศีรษะมนุษย์ ฉีเฟยอวิ๋นเห็นเช่นนั้นก็ใบหน้าซีดเซียว ถึงแม้ว่าจะสะอาด แต่ในเวลานี้ เมื่อมองดูผู้ชายที่หล่อเหลาเป็นพิเศษตรงหน้าเธอ เขาได้กลายเป็นไก่ในเล้าที่เลอะเทอะไปแล้ว
จวินเจิ้งตงมองไปที่แม่ทัพฉีด้วยความโกรธ “ผู้ชายฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ เจ้าทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร แม่ทัพฉีเจ้าทำเช่นนี้……”
เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋น จวินเจิ้งตงก็เงียบลงและจ้องมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น
“ลูกสาวของเจ้า?”
แม่ทัพฉ๊รู้สึกประหลาดใจ จวินเจิ้งตงรู้จักลูกสาวของเขา?
“เจ้ายังจำอวิ๋นอวิ๋นลูกสาวของข้าได้ ไม่แปลกที่เป็นคนตระกูลจวิน พบหน้ากันแล้วก็ไม่ลืมเลือน ข้าจำได้เจ้าก็ไม่ได้กลับไปกี่ครั้ง ครั้งนั้นเจ้าพบกับอวิ๋นอวิ๋นที่หน้าบ้านของข้า อวิ๋นอวิ๋นเพิ่งจะสิบขวบเอง”
“ลูกสาวของเจ้ามาได้อย่างไร?” จวินเจิ้งตงรู้สึกรังเกียจ แต่ฉีเฟยอวิ๋นรับรู้ได้ จวินเจิ้งตงไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเธอ และถือเป็นคนที่มีความชอบธรรม
เรื่องของจวินฉูฉู่ เขาเป็นพ่ออย่างไรเขาก็รับรู้อย่างแน่นอน แต่เขากลับไม่โกรธเกลียดเธอเลยแม้แต่น้อย หรือว่าเขาจะไม่รู้เรื่องของเธอและจวินฉูฉู่เลย
“นางคิดถึงข้าจึงมาหาข้าน่ะ จวินเจิ้งตงเราสองคนก็เป็นสหายกัน ต่างก็จงรักภักดีต่อจักรพรรดิ และก็เป็นแม่ทัพเหมือนกัน แต่เจ้าดูลูกสาวของข้า ท้องใหญ่เช่นนี้ยังมาหาข้า เพียงแค่คิดถึงข้าเป็นห่วงข้า แต่ลูกสาวของเจ้ากลับไม่มีใครมาหาเจ้าเลย ลูกชายทั้งสามของเจ้าต่างก็หนีไปไม่สนใจเจ้าเลย
เจ้านี่นะ ช่างโชคร้ายเหลือเกิน!”