องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 427 ชีวิตสุขและเศร้าคละเคล้ากัน
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 427 ชีวิตสุขและเศร้าคละเคล้ากัน
ผู้คนที่ตามอยู่นั้นหัวเราะเสียงดังขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นต้องการหารูเพื่อจะมุดเข้าไปและตีหนานกงเย่ไปครั้งหนึ่ง: “ท่านดูพวกเขาหัวเราะสิ”
“หัวเราะแล้วเป็นเช่นไร? การหัวเราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์”
หนานกงเย่ผลักฉีเฟยอวิ๋นออกแล้วถามต่อหน้าลูกน้องของเขาว่า: “คิดถึงข้าหรือไม่?”
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้น: “ท่านกำลังกล่าวเรื่องไร้สาระอันใด?”
ผู้คนรอบตัวมากมายเช่นนี้และนางก็อ้วนราวกับลูกบอลมีที่ใดที่ดูดีกัน เพียงแค่พบหน้าก็ด้วยท่าทีเช่นนี้
“กล่าวสิ่งใดหรือ? ข้าคิดเป็นแน่!”
“ไปให้พ้น!” ฉีเฟยอวิ๋นโกรธจนด่าเสียงดังออกมา
หนานกงเย่กล่าวอีกครั้งแล้วผู้คนรอบข้างก็หัวเราะครู่หนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นจนกว่าพวกเขาจะหยุดหัวเราะฉีเฟยอวิ๋นถึงได้มองไปยังฝูงอีกาสีดำซึ่งวนอยู่เหนือศีรษะ และในนั้นก็มองไม่เห็นเจ้าแห่งอีกา
“ท่านอ๋อง เจ้าแห่งอีกาอยู่ที่ใด?”
“อยู่ด้านหลัง อารมณ์ไม่ค่อยดีอาจจะคับข้องใจซะแล้ว ค่อยไปดูทีหลัง” หนานกงเย่พาฉีเฟยอวิ๋นเตรียมตัวจากไปฉีเฟยอวิ๋นเห็นคนสามคนในหมู่ฝูงชน
“พวกเขาคือ?”
“ผู้ที่อยู่ด้านหน้าคือจวินอีเซี่ยวข้างหลังคือจวินอีไท่กับจวินอีเต๋อ ลูกชายทั้งสามของจวินเจิ้งตง”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองพวกเขา ทั้งสามคนอายุน้อยกว่าสามสิบปีและแตกต่างกันไม่มาก ทุกคนมีรูปร่างหน้าที่ดูดีและองอาจห้าวหาญเพียงแค่เวลานี้เหน็ดเหนื่อยไปบ้าง ไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บแต่ยังเหมือนขอทานอีกด้วย
“พวกเขาถูกทหารของศัตรูจับตัวไปหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจ
“สองคนนี้ถูกจับส่วนอีกคนหนึ่งนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” หนานกงเย่เหลือบมองจวินอีเซี่ยว: “นำตัวไป”
ระหว่างทางที่กลับฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถึงสถานการณ์ของจวินเจิ้งตงซึ่งหนานกงเย่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ
“พักผ่อนคืนหนึ่งแล้วพรุ่งนี้ค่อยพิจารณากัน”
กลับถึงยังกระโจมทหารแม่ทัพฉีวูบเล็กน้อย เห็นลูกเขยกลับมานั้นมีความสุขมากแต่พวกเขาสามีภรรยาพักอาศัยอยู่กับเขาก็ไม่ใช่หนทาง
“พ่อให้คนมาจัดการกระโจมทหาร……”
“ไม่ต้องแล้ว ลูกเขยมีเรื่องจะหารือกับท่านพ่อตา”
หนานกงเย่กล่าวขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่มีคำพูดใดจะกล่าวซะแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นพักผ่อน แม่ทัพฉีกับหนานกงเย่หารือกัน เริ่มแรกฉีเฟยอวิ๋นได้ยินอยู่บ้างตอนหลังนางก็นอนหลับไป
นอนตื่นขึ้นมาก็ค่ำมืดดึกดื่นแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นนั้นจู่ๆก็ตื่นขึ้นมา นางมองไปโดยรอบพ่อของนางสร้างเตียงขึ้นใหม่เตียงหนึ่งวางไว้ยังฝั่งหนึ่งแล้วนอนพักผ่อนอยู่ด้านบน หนานกงเย่ไม่อยู่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปที่ใด
สำหรับบางเรื่องของคนสมัยโบราณฉีเฟยอวิ๋นนั้นไม่เข้าใจอยู่บ้าง
ยกตัวอย่างเช่นวิชาตัวเบา เหตุใดถึงได้บินข้ามกำแพงไปได้
จากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์พบว่าไม่มีวิชาตัวเบาบินข้ามกำแพงอันใด ส่วนใหญ่ก็เขียนออกมาโดยนักเขียน
แต่ปัญหาคือพอมาถึงสถานที่นี้ ฉีเฟยอวิ๋นไม่เพียงแต่เห็นมีคนใช้วิชาตัวเบาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
เรื่องนี้นางถึงได้รู้สึกคับข้องใจนัก
แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่ก็ราวกับฝันไปยังไงยังงั้น
ลุกขึ้นลงจากเตียงฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังบนโต๊ะตรงนั้นซึ่งเจ้าแห่งอีกายืนอยู่ เขายังคงหยิ่งผยองดังเดิมแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดมักจะรู้สึกเวทนาอยู่บ้าง อาจเป็นศักดิ์ศรีที่เจ้าแห่งอีกาได้ฝืนแสดงออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปนั่งลงตรงหน้าเจ้าแห่งอีกา: “ข้าดูหน่อย”
เจ้าแห่งอีกาเดินไปตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นวางมือไว้ใต้ปีกของมันแล้วเริ่มตรวจดูอาการของเจ้าแห่งอีกาจากนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ฮึ พวกเขาช่างกล้ายิ่งนักถึงกับกล้าดูหมิ่นเจ้าแห่งอีกาเช่นนี้ ดูเหมือนว่าบัญชีนี้จะต้องได้รับการชำระให้ได้”
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าแห่งอีกามาไว้ในอ้อมแขนแล้วลูบและถามว่า: “อีกาดำของพวกเขาดูไม่ดีหล่ะสิเจ้าถึงได้ไม่ชอบ?”
เจ้าแห่งอีกาเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาแปลกๆ ฉีเฟยอวิ๋นลูบ: “เจ้าแห่งอีกาเช่นเจ้านี้พวกเขานั้นไม่เคยเห็นมาก่อน พันธุ์ของเจ้านี้คาดว่ามีแค่เพียงในเมืองต้าเหลียงของเราเท่านั้น พวกเขาต้องการให้เจ้ากับอีกาดำของพวกเขาให้กำเนิดลูกหลาน ถึงเวลาก็นำมาฝึกฝน แต่เจ้าไม่ได้สนใจพวกเขาจึงได้ใช้ยากับเจ้า แต่ว่าไม่เป็นไรตอนนี้เจ้าก็ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ข้าดูแลรักษาเจ้าแล้วก็จะดีเอง สำหรับเสียงของเจ้าจะไม่เป็นอันใด”
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบมีดมาแล้วกรีดข้อมือจากนั้นมีเลือดไหลออกจากข้อมือแล้วฉีเฟยอวิ๋นนำมาครึ่งชามวางลงให้กับเจ้าแห่งอีกา: “เจ้าดื่มเถอะ นี่เป็นยาชูกำลังและยาถอนพิษที่ดีที่สุด”
เจ้าแห่งอีกาลังเลเล็กน้อยราวกับว่าไม่กล้า
“วางใจได้ ท่านอ๋องไม่อยู่” ฉีเฟยอวิ๋นกำลังกล่าวก็มีเสียงฝีเท้าอยู่นอกกระโจม เงยหน้ามองไปก็เห็นหนานกงเย่เข้ามาถึงในกระโจมแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นส่วนเจ้าแห่งอีกาก็ออกไปซ่อนตัวไกลๆ เห็นได้ชัดว่าต้องการดื่มแต่ก็ยังทำท่าราวกับว่าซื่อยิ่งนักและไม่ได้กระทำสิ่งใดเลย
“ข้าไม่อยู่เจ้าก็สามารถกระทำพลการหรือ?” หนานกงเย่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าหมองหม่น: “เช่นนี้ต่อไปเจ้าจะกลายเป็นวัวตัวอ้วนพีและเจ้าอาจจะเสียเลือดมากเกินไป ไม่สามารถคิดหาวิธีการอื่นหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นลังเลส่วนหนานกงก็ไม่ได้โมโหเพียงแค่เรื่องเดียว: “เจ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการถอนพิษ หรือว่าไม่มีทางถอนพิษได้หรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นเลิกคิ้ว: “เช่นนั้นจะไม่ยุ่งยากหรอกหรือ?”
หนานกงเย่สีหน้าหมองลง: “เจ้าดื่มซะก่อน”
จากนั้นเจ้าแห่งอีกาถึงได้ไปดื่มเลือด เจ้าแห่งอีกาที่ดื่มเลือดไปแล้วราวกับว่าได้ฉีดยากระตุ้นหัวใจมีชีวิตชีวาอ้าเปิดแล้วร้องกากาสองครั้ง
แม่ทัพฉียืนขึ้น: “ลูกเขยกล่าวได้ถูกต้อง เช่นนี้ต่อไปนั้นไม่ใช่หนทาง
เมื่อพ่อตาลูกเขยคิดเหมือนกันฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กล่าวว่า: “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะถอนพิษให้กับพวกเขา”
“อืม”
พ่อตากับลูกเขยเห็นด้วยเหมือนๆกัน ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าทั้งสองคนบรรลุข้อตกลงจึงได้ถามว่าหนานกงเย่ว่าไปสถานที่ใด
“ส่งอ๋องตวนกลับไป” หนานกงเย่กล่าวอย่างเฉยเมย
“จากไปเร็วเช่นนี้เลยหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นนั้นรู้สึกประหลาดใจ อ๋องตวนจากไปแล้วเช่นนั้นอวิ๋นหลัวฉวนหล่ะ?
“เขามาก็เพื่อพระชายาอ๋องตวน เวลานี้พระชายาอ๋องตวนก็ถูกเขาพาไปแล้ว ดังนั้นเขาจะต้องกลับไปอยู่แล้ว”
“จากไปแล้ว?” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกแปลกใจ จากไปโดยไม่กล่าวลา?
“อืม”
หนานกงเย่ไม่ได้อธิบายแล้วจูงฉีเฟยอวิ๋นกลับไปนอนลง: “นอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องต้องจัดการอีก”
อ๋องตวนขี่ม้าเร็วจากไปเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืน อวิ๋นหลัวฉวนเพื่อต้องการปกป้องอ๋องตวนจึงต้องกลับไปพร้อมกับอ๋องตวน
วันรุ่งขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปดูอีกาดำตัวอื่น ฝูงกาหายใจอยู่ในป่าแต่บรรยากาศภายในนั้นไม่ดี ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปและไม่ได้ยินอีการ้องเลยสักตัว
เจ้าแห่งอีกาบินผ่านลงไปยังบนไหล่ของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเหนื่อยจนหายใจหอบแล้วยกมือขึ้นดึงเจ้าแห่งอีกาลงมาแล้วอุ้มไว้ในอ้อมกอด: “เป็นเช่นนี้ดีกว่าซะอีก ใช้ท้องก็สามารถรองรับเจ้าเอาไว้ ”
เจ้าแห่งอีการ้องกากาสองครั้ง อีกาดำทั้งหมดก็มองไปยังฉีเฟยอวิ๋นและเจ้าแห่งอีกา ในชั่วพริบตาฝูงอีกาก็เต้นรำกันมั่วไปหมดแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ถูกฝูงอีกาล้อมรอบเอาไว้
เจ้าแห่งอีการ้องกากาสองครั้ง ฝูงอีกาก็ถอยกลับไปทันที
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปถึงใต้หินก้อนใหญ่แล้ววางเจ้าแห่งอีกาลงและกล่าวว่า: “ข้าจะใช้เลือดเพื่อตรวจดูว่าพิษของพวกเจ้าคือพิษใด ดังนั้นพวกเจ้ายังต้องรออีกสองสามวันแต่จะไม่เป็นไรทั้งนั้น”
ฝูงอีกามีขนาดใหญ่เกินไป เลือดของฉีเฟยอวิ๋นไม่สามารถช่วยอีกาสีดำมากเช่นนี้ นางต้องถอนพิษให้ได้ถึงจะได้
อีกาสีดำลงมาอยู่บนแขนของฉีเฟยอวิ๋น ส่วนหลิงอวิ๋นก็หยิบมีดเล็กเล่มหนึ่งออกมา กรีดเท้าอีกาสีดำแล้วหยดเลือดลงไปเล็กน้อย
มู่เหมียนเดินตามฉีเฟยอวิ๋น แบกหีบยาหนึ่งหีบและเก็บเลือดตรงนั้นมาบางส่วน เพื่อความปลอดภัยเก็บเลือดของอีกาสีดำทั้งหมดห้าตัว
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปทำการทดลองทันที ค้นพบสายพันธุ์ก่อนจากนั้นแยกแต่ละสายพันธุ์ออกมา หมอประจำจวนโจวช่วยนางและสามารถระบุว่าเป็นพิษของสิ่งใดได้อย่างรวดเร็ว
นางใช้เวลาหนึ่งวันในการผสมยาแก้พิษ สามวันให้หลังอีกาดำทั้งหมดก็ไม่เป็นไรแล้ว
ทันทีที่ฉีเฟยอวิ๋นปรากฏตัวในป่า อีกาสีดำก็ร้องกากามั่วซั่ว เสียงโหวกเหวกซะจนฉีเฟยอวิ๋นปวดหู วุ่นอยู่กับการปกป้องเด็กในท้องและหันหลังจากไปเลย นางตกใจกลัวไม่น้อย เด็กไม่สามารถฟังเสียงอีกาสีดำมากมายเช่นนี้ร้องได้
เจ้าแห่งอีกาตามฉีเฟยอวิ๋นและชอบให้ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเอาไว้
“เจ้าแห่งอีกา เจ้าต้องการแก้แค้นหรือไม่?” ฉีเฟยอวิ๋นถามขณะที่เดินไปด้วยแล้วเจ้าแห่งอีกาก็ร้องกากาสองครั้ง มีอีกาสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมาจากป่าแล้ววนอยู่กลางอากาศ ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองแล้วขนลุกขนพอง
เจ้าแห่งอีกาบินขึ้นไปในอากาศแล้วร้องกากาสองสามครั้งฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า: “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้ารอข่าวของข้า กลับไปแล้วข้าจะคุยกับท่านอ๋อง พวกเจ้ารอโอกาสเคลื่อนไหว”
เจ้าแห่งอีกาบินกลับไปในอ้อมแขนของฉีเฟนอวิ๋นแล้วให้ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเอาไว้
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้าสร้อย นางเดินเองยังลำบากกลับยังต้องอุ้มเจ้าแห่งอีกาตัวใหญ่เอาไว้ ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความสุขและเศร้าคละเคล้ากันอย่างแท้จริง!