องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 439 ฟื้นแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเจ็บมากจนแทบจะเป็นลมแล้ว เมื่อหนานกงเย่เห็นเลือดก็ตกใจมาก และรีบให้คนเข้าไปในวังเพื่อรายงาน หมอโจวจึงรีบเตรียมพร้อมในทันที และให้หมอตำแยเข้าไปเฝ้าดูไว้ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงเรียกอวิ๋นจิ่นมาด้วย
เมื่อแม่ทัพฉีมาถึง ฉีเฟยอวิ๋นก็เจ็บท้องอยู่ข้างในสักพักแล้ว
“อวิ๋นอวิ๋นล่ะ?” แม่ทัพฉีจะเข้าไปหาหนานกงเย่ หนานกงเย่อยู่เป็นเพื่อนแีเฟยอวิ๋นข้างใน ทังเหอจึงรีบขวางแม่ทัพฉีไว้
“ท่านแม่ทัพเข้าไปไม่ได้นะขอรับ ข้างในไม่สามารถเข้าไปได้ ท่านอ๋องทรงอยู่ข้างในแล้ว”
“จะทำอย่างไรดี?” แม่ทัพฉีเดินไปเดินมาด้วยความร้อนใจ และเกือบจะร้องไห้
อวิ๋นจิ่นวิ่งออกมาจากข้างใน:“เร็วเข้า เอาน้ำร้อนมา!”
ผู้คนในลานบ้านกำลังยุ่งวุ่นวาย ดูเหมือนว่าฉีเฟยอวิ๋นจะไม่ไหวแล้ว มีนกกลุ่มหนึ่งบินอยู่รอบ ๆ ลานบ้าน บนหลังคาเต็มไปด้วยนก และนกหลากหลายชนิดก็บินมาที่นี่ รวมทั้งนกหลายชนิดที่ไม่เคยเห็นด้วย
แม่ทัพฉีเพิกเฉยต่อความประหลาดใจและถามว่า:“ทำไมยังไม่ออกมาอีก?”
ทังเหอก็เป็นกังวลเช่นกัน เขารู้ได้อย่างไร?
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเหนื่อยมาก นางมองไปที่หนานกงเย่:“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ไหวแล้ว ไม่มีเรี่ยวแรงเลย ได้อยู่กับท่านอ๋องในช่วงเวลานี้หม่อมฉันมีความสุขมากเพคะ!”
“อย่าพูดไร้สาระ ห้ามพูดไร้สาระ!ข้าไม่ฟัง!” ดวงตาของหนานกงเย่แดงก่ำ และจับมือข้างหนึ่งของฉีเฟยอวิ๋นไว้แน่น
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว:“ท่านอ๋อง หม่อมฉันเหนื่อยแล้ว และไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย อีกเดี๋ยวท่านให้หมอโจวมาผ่าตัดให้หม่อมฉัน เปิดท้องของหม่อมฉัน และพาลูก ๆ ออกมา ดูแลพวกเขาให้ดีและเลี้ยงดูพวกเขาจนเติบโต
เล่าเรื่องของหม่อมฉันให้พวกเขาฟัง!”
“อวิ๋นอวิ๋น……” หนานกงเย่เฝ้ามองฉีเฟยอวิ๋นที่ค่อย ๆ หลับตาลง
ดวงตาของฉีเฟยอวิ๋นมีน้ำตาไหลออกมา นางไม่มีเรี่ยวแรงแล้วจริง ๆ พวกเขาดื้อรั้น และไม่คลอดออกมาแต่โดยดี!
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นสลบไป ข้างนอกก็มีคนมาขอเข้าเฝ้า
“ท่านอ๋อง มีสตรีแซ่ไป๋คนหนึ่งมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงเย่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า:“รีบเชิญเข้ามาเร็ว!”
ไป๋ซู่ซู่เดินเข้ามาและถือกล่องยามาด้วย
หลังจากที่เข้ามาแล้ว นางก็เปิดกล่องยาและหยิบเข็มฉีดยา นางเดินไปข้าง ๆ ฉีเฟยอวิ๋นและฉีดยาให้ฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นก็บอกให้หมอตำแยออกไป และนางก็ช่วยทำคลอดให้ฉีเฟยอวิ๋น
ฉีเฟยอวิ๋นสะลึมสะลือและกลับไปในยุคปัจจุบัน ครั้งนี้เธอปรากฏตัวบนถนนที่ซูมู่หรงถูกโจมตี ทุกคนเสียชีวิตหมดแล้ว และเหลือเพียงซูมู่หรง และซูมู่หรงยังได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นรีบวิ่งเข้าไปในทันทีและลากซูมู่หรงออกมาท่ามกลางกระสุน
เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋น ซูมู่หรงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในหลายจุดทั่วร่างกายและมีเลือดไหลออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นลากซูมู่หรงไปยังที่ปลอดภัย และปลดเสื้อผ้าของเขา และคลำหากล่องยาบนตัวของเธอ จากนั้นก็หันกลับมาและเห็นว่าเธอกำลังถือกล่องยาอยู่
ฉีเฟยอวิ๋นรีบเปิดกล่องยา และพบเข็มฉีดยาข้างใน เธอจึงรีบฉีดยาปฏิชีวนะให้ซูมู่หรง
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉีเฟยอวิ๋นเอากระสุนออกไปพลางและถามซูมู่หรงไปพลาง
แววตาของซู่มู่หรงดูเหม่อลอย ใบหน้าของเขามืดดำ เขาเอามือดึงเสื้อของฉีเฟยอวิ๋นไว้:“รับปากกับผมว่าคราวนี้จะไม่กลับไปอีก ห้าปีแล้ว ทำไมคุณเพิ่งจะกลับมา?”
“……คุณพูดว่าอะไรนะ?” ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึง:“ห้าปีแล้ว?ฉันจากไปห้าปีแล้วเหรอ?”
“เหอะ ๆ ……ผมคิดถึงคุณมาก!”
หลังจากที่พูดจบ ซูมู่หรงก็หมดสติไป ฉีเฟยอวิ๋นรีบฉีดยากระตุ้นหัวใจให้เขาในทันที และรีบเอากระสุนออกให้เขา
โชคดีของซูมู่หรงที่ฉีเฟยอวิ๋นทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้
“ผมยังไม่ตายเหรอ?” ซูมู่หรงถามฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบตรวจดูอาการให้เขา อาการบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป ต้องนอนราบและห้ามขยับ
“ไม่ตายหรอก หัวหน้าเป็นคนโชควาสนาดีมาก” ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มอย่างไม่เต็มใจ
ซูมู่หรงส่ายหัว:“ในหน่วยของเรามีหนอนบ่อนไส้ พวกเขาเป็นศัตรูของเรา คนในหน่วยเสียชีวิตไปไม่น้อยเลย ผมได้รับคำสั่งให้มาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด ไม่คิดว่าจะถูกพวกเขาจับได้ พวกเขาจึงต้องการฆ่าผม”
“คุณไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ทิ้งคุณ”
“อวิ๋นอวิ๋น คุณคิดถึงผมบ้างไหม?” ในขณะที่ถามซูมู่หรงก็ถอนหายใจ ฉีเฟยอวิ๋นไม่พูดอะไร มาถึงตอนนี้แล้ว ยังจะถามอย่างนี้อีก?
“หัวหน้า ฉันยังชอบที่คุณเรียกรหัสประจำตัวของฉัน คุณไม่ได้เรียกรหัสประจำตัวของฉันมานานแล้ว”
“……”
ซูมู่หรงหลับตาอยู่นาน:“คุณไปจากที่นี่ซะ ถ้าคุณยังอยู่ยังอยู่ต่อ พวกเขามีคนมากเกินไป อาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้”
“คุณพักผ่อนเถอะ ยาของฉันมีมากพอที่จะให้คุณใช้ และฉันจะไม่ทิ้งคุณ” ฉีเฟยอวิ๋นยังคงปกป้องซูมู่หรง ไม่รู้ว่ามันเป็นความฝันที่บริสุทธิ์ หรือว่าคนเหล่านั้นหาพวกเขาไม่เจอและจากไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นใช้เวลาเจ็ดวันจนแน่ใจว่าปลอดภัยและไม่เป็นอะไรแล้ว
ในช่วงเวลาเจ็ดวันนั้น ซูมู่หรงก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว แม้ว่าจะยังมีบาดแผลจากการถูกยิงแต่ความอดทนของร่างกายพวกเขานั้นเหนือกว่าคนอื่นเสมอ การฟื้นตัวของซูมู่หรงดีขึ้นมากจนน่าประหลาดใจ
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเหนื่อยมาก จึงพักอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่นอนหลับ เธอรู้สึกร้อนรอบ ๆ หู เธอคิดว่าเธอได้กลับมาไปที่หนานกงเย่แล้ว แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นซูมู่หรงที่กำลังลูบใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจและรีบลุกขึ้นนั่ง
“หัวหน้า ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมคะ?”
“ไม่ตายหรอก คุณกลัวว่าผมจะทำอะไรมากขนาดนั้นเลยเหรอ?ผมไม่กินคนหรอก ครั้งก่อนหนานกงเย่เอาปืนของผม เสื้อผ้าของผม และรองเท้าของผมไป แม้แต่กระจกเขาก็เอาไปด้วย เขามีพฤติกรรมชอบลักขโมยมาตั้งแต่เด็กเหรอ?”
“หัวหน้า คุณพูดได้ยังไง เขาเป็นคนสมัยโบราณ เขาไม่เคยเห็นของในยุคสมัยของเรา เขานำมันกลับไปศึกษาเรียนรู้ จะเป็นพวกที่ชอบลักขโมยได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นฉันก็เขียนเอกสารการยืมวางไว้บนเตียงของคุณแล้ว คุณไม่เห็นเหรอ?” ฉีเฟยอวิ๋นโกหก เพื่อที่จะหาข้อแก้ตัวให้หนานกงเย่
ซูมู่หรงรู้สึกขบขันและเอนตัวไปด้านข้าง
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงสักพัก แล้วลุกขึ้นไปดูอาการของซูมู่หรง ซูมู่หรงถามว่า:“เขาดีกับคุณไหม?”
“ดีมาก” ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจ:“ฉันหวังว่าจะพาเขามาอยู่ที่นี่ แต่เกรงว่าจะไม่สามารถปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้”
“คุณพาเขามาที่นี่ แล้วผมจะช่วยหางานให้”
“ไม่ต้องหรอก ถ้ากลับมาจริง ๆ ฉันจะหาวิธีนำเครื่องประดับทองคำและเงินมา เขากับฉันก็จะรวยระดับต้น ๆ ของประเทศ ไม่จำเป็นต้องทำงานอะไร เหมือนกับเป็นการขุดพบโบราณวัตถุ” หลังจากตรวจเรียบร้อยแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็กลับไปนั่งลง
เมื่อมองออกไปข้างนอกและครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง เธอก็ไม่รู้ว่าเธอหมดสติหรือว่าตายไปแล้ว และยิ่งไม่รู้เลยว่าเธอคลอดลูกออกมากี่คนแล้ว
ไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง
“ถ้าอยากกลับก็กลับไปเถอะ” ซูมู่หรงไม่ห้าม
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองซูมู่หรง:“แล้วหัวหน้าล่ะ อยู่คนเดียวได้ไหม?”
“ผมจะเป็นอะไรได้ ตอนนี้ผมก็ดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ?” เพื่อที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ซูมู่หรงจึงลุกขึ้นยืน
เขาเดินออกไปข้างนอก ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป จึงเดินตามเขาออกไป
อากาศข้างนอกดีกว่าข้างในมาก ฉีเฟยอวิ๋นตามซูมู่หรงไปรอบเกาะและกำลังจะกลับไป ฉีเฟยอวิ๋นพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“หัวหน้า……”
“เร็วเข้า!” ซูมู่หรงผลักฉีเฟยอวิ๋นและบอกให้เธอไปก่อน ฉีเฟยอวิ๋นปฏิเสธและดึงซูมู่หรงให้ไปด้วยกัน เมื่อทั้งสองกำลังจะจากไป เฮลิคอปเตอร์ก็เริ่มบนต่ำลงมา ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นไปมอง พวกเขาก็ตกเป็นเป้าแล้ว!
“ยกมือขึ้น ไม่อย่างนั้นจะถูกวิสามัญ!” มีคนตะโกนเสียงดังลงมาจากบนเฮลิคอปเตอร์!
ฉีเฟยอวิ๋นยกมือขึ้น และกั้นซูมู่หรงไปไว้ข้างหลังเธอ
“หัวหน้า ฉันตายแล้วฟื้นได้ คุณไปก่อน!”
“คนของเราเอง!”
ซูมู่หรงรู้สึกขบขัน เขาเงยหน้าขึ้นและโบกมือ
ฉีเฟยอวิ๋นงุนงง เมื่อรู้ว่าซูมู่หรงไม่เป็นอะไรแล้ว เธอยื่นมือออกไปแล้วถอยหลัง จากนั้นก็เล็งไปที่เฮลิคอปเตอร์แล้วลั่นไก
ดวงตาของซูมู่หรงเบิกกว้าง:“ไม่นะ!”
ปัง!