องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 479 เตรียมอำลา
ฉีเฟยอวิ๋นประคองซูมู่หรงลงจากเตียง ซูมู่หรงก็รู้สึกประหลาดใจที่ตนหายเร็วขนาดนี้
เมื่อย่ำเท้าลงจากเตียง ซูมู่หรงพลันถามว่า “ทำไมเป็นอย่างนี้?”
ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่เข้าใจ เธอรู้เพียงว่าขอแค่ซูมู่หรงต้องการให้เธอช่วยเหลือ เธอก็จะปรากฏกายทันที
“หัวหน้าค่ะ คุณยังจำได้ไหมว่าเข้าโรงพยาบาลยังไง?” ฉีเฟยอวิ๋นแค่ฝันเห็นซูมู่หรงตกลงมาจากที่สูง ไม่รู้อะไรอย่างอื่น
ซูมู่หรงจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง บอกว่ามีหนอนบ่อนไส้เป็นเบื้องบนของเขา พอเขาล่วงรู้ความลับก็ถูกไล่ฆ่า ทว่าสุดท้ายตอนที่เขาตกลงไป เขาใช้คอมพิวเตอร์ส่งข้อมูลที่เขาสืบได้ออกไป เขาจึงมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้
อันที่จริงเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งหมด เพียงแต่ไม่อาจฟื้นขึ้นมาเท่านั้น
“หัวหน้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ ฉันกลับมาครั้งนี้เพราะอยากเอาของบางอย่างกลับไปค่ะ ต้องรบกวนหัวหน้าแล้วค่ะ” ฉีเฟยอวิ๋นส่งยิ้มให้ ซูมู่หรงมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างเหม่อลอย ผ่านไปเนิ่นนานถึงจะดึงแขนฉีเฟยอวิ๋นแล้วเดินไปด้านนอก
เขาพาฉีเฟยอวิ๋นมายังห้องแพทย์ ที่นี่เป็นฐานความลับแห่งหนึ่ง
ซูมู่หรงโทรหาใครคนหนึ่ง จากนั้นก็รออยู่ในห้องทำงานของแพทย์ ฉีเฟยอวิ๋นนั่งอยู่มุมห้องพลันคิดว่ายามนี้หนานกงเย่คงจะกำลังร้อนรุ่มกลุ้มใจอยู่เป็นแน่ ทว่าในเมื่อมาแล้วก็ไม่อยากคิดมาก เอายาให้ได้ก่อนค่อยกลับไป
“คุณผอมลงนะ”
ซูมู่หรงเดินมาอยู่ด้านหน้าฉีเฟยอวิ๋นแล้วถามขึ้นมา เธอเงยหน้ามองเขา ทันใดนั้นรู้สึกซูมู่หรงที่อายุสามสิบกว่ามีความเป็นผู้ชายมากขึ้น และบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้เขาซูบผอมเยอะ และหลังซูมู่หรงผอมลงก็มีมาดหนอนหนังสือหลายส่วน
“ฉันไม่รู้สึกนี่ค่ะ หัวหน้ารู้สึกฉันผอมไปเองหรือเปล่า” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกหดหู่ยิ่ง ถึงแม้การที่สามารถทะลุมิติกลับไปกลับมาได้ถือเป็นเรื่องดี ทว่าฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกกังวลใจกับชีวิตเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไป เธอเกรงว่าจะมีวันไหนที่กลับไปไม่ได้ หากเกิดเรื่องเช่นนั้น แล้วเธอจะทำเยี่ยงไรดี?
ซูมู่หรงคุกเข่าลงพื้นข้างหนึ่ง พลางมองฉีเฟยอวิ๋น “ครั้งนี้ไม่ต้องกลับไปได้ไหมครับ?”
“หัวหน้า ฉันเป็นแม่คนแล้วค่ะ” ฉีเฟยอวิ๋นอยากบอกข่าวดีนี้ให้ซูมู่หรงฟัง ซูมู่หรงอึ้งชั่วครู่
“เป็นแม่คนแล้วเหรอ?”
“ฉันคลอดแฝดชายห้าคนค่ะ” ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกเหลือเชื่อมาก ถึงแม้สมัยนี้เทคนิคทางการแพทย์จะเจริญก้าวหน้า ทว่าการคลอดฝาแฝดยังถือเป็นเรื่องยากมากอยู่ดี
แต่เธอก็คลอดออกมาแล้วห้าคน
“ดีจังเลย” ซูมู่หรงฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย
ไม่นานด้านหลังก็มีคนเดินเข้ามาหลายคน เมื่อพวกเขาเห็นซูมู่หรงก็ตกใจมาก ฉีเฟยอวิ๋นเห็นผู้มาเยือนล้วนเป็นหมอทั้งหมดก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“หัวหน้า พวกเขาจะเห็นฉันเป็นของทดลองแล้วจับตัวฉันไว้ไหม?”
ซูมู่หรงก็รับรู้อะไรบางอย่างขึ้นมา ลุกขึ้นแล้วมองไปยังหมอ “ผมออกไปก่อน ถ้าคนของพวกเรามาก็บอกพวกเขาว่า ผมถูกผู้หญิงคนหนึ่งลักพาตัวไปแต่งงาน”
กล่าวจบซูมู่หรงก็พาฉีเฟยอวิ๋นวิ่งออกจากโรงพยาบาล พอออกจากประตูก็ขึ้นรถคันที่ผ่านมาแล้วกลับไปยังฐานเดิมของเขา
ฉีเฟยอวิ๋นลงจากรถก็ไปสถาบันวิจัยกับซูมู่หรง ซึ่งสถาบันวิจัยเคยถูกทำลายอย่างย่อยยับ สถาบันวิจัยที่สร้างขึ้นมาใหม่จึงมีแต่อุปกรณ์ตัวชิ้นใหม่ทั้งหมด
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไป ซูมู่หรงกล่าวว่า “จัดสถานที่หมือนเดิมทุกอย่างครับ เพราะไม่งั้น ตอนคุณกลับมา กลัวว่าคุณจะคิดว่าตัวเองกลับผิดทาง”
ฉีเฟยอวิ๋นหมุนกาย พร้อมกับฝืนยิ้ม
ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าถึงเวลาอำลาซูมู่หรงตลอดกาลแล้ว
จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว ถึงแม้จะเป็นห่วงหัวหน้าว่าจะต้องประสบภัยอันตราย ทว่าฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่อยากเทียวไปเทียวมาเช่นนี้อีก ด้วยกลัวว่าจะกลับไปไม่ได้จริงๆ
ตอนไม่มีลูก ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่อยากจากท่านพ่อที่เป็นแม่ทัพและหนานกงเย่เลย ตอนนี้เธอมีลูกแล้วยิ่งไม่อยากจากไปไหนทั้งนั้น
เธอเติบโตที่นี่ยี่สิบกว่าปี เรื่องราวทุกอย่างรวมกันยังไม่ระทึกขวัญเท่าเธอไปอยู่ตรงนั้น ทว่าที่นั่นกลับทำให้เธออาลัยอาวรณ์จนตัดใจไม่ลง
ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ด้วยภารกิจติดตัว รักษาผู้ป่วยไม่เว้นวัน ตามหน่วยงานไปทุกแห่งหน
หากไม่ทะลุมิติไปเข้าร่างคนอื่น ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่มีทางเบื่อหน่ายชีวิตที่นี่ แม้นต้องเผชิญหน้ากับลูกกระสุนกับเลือดสดมากมายดั่งสายฝนโปรยปราย
ทว่าตอนนี้เธอมีแหล่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจแล้ว ถึงแม้เธอจะเกลียดชังคนในวังและเอือมระอากับเรื่องแคว้นต้าเหลียง ทว่าเธอกลับมีเลือดมีเนื้อ ชีวิตไม่เคยจืดชืดเลยสักนิด
โดยเฉพาะนึกถึงลูกๆกับผู้ชายคนนั้น เธอก็ดีใจเหลือแสน เธอยิ่งไม่วางใจท่านแม่ทัพที่เป็นท่านพ่อของเธอ
และยังมีเพื่อนฝูงอีกมากมาย
ส่วนที่นี่มากสุดก็หัวหน้าคนเดียว
ฉีเฟยอวิ๋นลังเลชั่วครู่ สุดท้ายก็เอ่ยขึ้นมาว่า “หัวหน้าค่ะ ของที่ฉันต้องการก็รบกวนหัวหน้าแล้ว ฉันอยากออกไปซื้อหนังสือหน่อยค่ะ มีเวลาจำกัดมาก หวังว่าคุณจะช่วยฉันนะคะ”
“ผมจะช่วยคุณครับ แต่คุณต้องอยู่จัดงานวันเกิดผมก่อน ว่าไง?” ซูมู่หรงเจรจา สมองฉีเฟยอวิ๋นกลับคิดว่าควรเอาเครื่องทำเค้กกลับไปด้วย
ก็ได้ เธอโดนหนานกงเย่วางยาพิษแล้ว
“อีกกี่วันจะถึงวันเกิดหัวหน้าคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นวันอะไร เธอต้องรู้วันเวลาก่อน
ซูมู่หรงก็ไม่ค่อยมั่นใจ ทว่าเขาแค่บอกว่าจะจัดวันเกิด เมื่อดูเวลาก็ยังเหลืออีกสามเดือนกว่าจะถึงวันเกิดเขา หากบอกว่าสามเดือน ซูมู่หรงไม่รู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นจะหมุนกายแล้วจากไปเลยหรือไม่
เขาไม่เพ้อฝันให้ฉีเฟยอวิ๋นรับปากข้อเรียกร้องของเขา เมื่อคิดว่ามีเวลาจำกัด ซูมู่หรงจึงตอบว่า “สามวัน”
ฉีเฟยอวิ๋นมองด้านนอกปราดหนึ่ง รู้ว่าช่วงนี้ไม่ใช่วันเกิดของซูมู่หรง ทว่าเธอก็ไม่ได้เปิดโปง “งั้นสามวันให้หลังค่อยกลับไปค่ะ หัวหน้าช่วยฉันเตรียมยาด้วยค่ะ ฉันจะออกไปซื้อของค่ะ หัวหน้ามีเงินไหมคะ?”
ออกไปทำธุระด้านนอกจะให้ขาดเงินได้อย่างไร?
ซูมู่หรงพยักหน้า หันหน้าเดินเข้าไปด้านในสถาบันวิจัย ปกติเขาเป็นชายชาตรีผู้แข็งแกร่ง เวลานี้ไม่ใช่อีกต่อไป เขาอ่อนนุ่มจนไม่อาจทนการโจมตีได้อีก
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นซูมู่หรงออกมาพลันโล่งอก
ห้องทดลองมีของมากมาย ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมเอาไปบางส่วน มาแล้วจะให้เสียเที่ยวได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นวันหลังเธอก็จะไม่กลับมาที่นี่อีก
ไม่นานฉีเฟยอวิ๋นก็คัดของได้กองหนึ่ง เธอจัดของพวกนั้นใส่เข้ากล่องได้หลายใบทีเดียว ซึ่งเธอจะใช้ถุงบรรจุห่อหุ้มไว้แล้วติดเทปกาวลงไป
มีสิ่งของพวกนี้แล้ว ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าวันหน้าก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาอีก
ทว่าเธอจะพยายามหาสิ่งทดแทนยาพวกนี้ในยุคโบราณให้เร็วที่สุด แล้วเธอจะได้ไม่ต้องพึ่งของทางนี้อีก
ฉีเฟยอวิ๋นบรรจุของเสร็จก็ยกไว้เก็บที่ห้องซูมู่หรง จากนั้นก็เอาเงินจำนวนหนึ่งออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นมุ่งหน้าไปยังร้านหนังสือ เธอซื้อหนังสือได้กล่องใหญ่ แล้วแบกกลับมาไว้ห้องซูมู่หรงอย่างเหนื่อยหอบ
อันที่จริงซูมู่หรงตามเธออยู่ด้านหลังตลอด เขารู้สึกไม่วางใจตลอด กลัวว่าฉีเฟยอวิ๋นจะกลับไป
วินาทีนี้เขาถึงรู้จักฉีเฟยอวิ๋นคนใหม่
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ใช่คนเดิมที่มีแต่รหัสชื่อแล้ว ตอนนั้นเธอเห็นเขาก็ตกใจกลัวมาก
ตอนนี้เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และเมื่อเขาสังเกตเห็น เธอก็กลายเป็นผู้หญิงของคนอื่นเสียแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเหน็ดเหนื่อย จึงนอนพักผ่อน ซูมู่หรงดูอยู่หน้าประตูสักพัก ก่อนจะหมุนกายไปเตรียมยาให้ฉีเฟยอวิ๋น
การนอนของฉีเฟยอวิ๋นครั้งนี้ จิตใจไม่ค่อยสงบนัก เธอเลยตื่นเร็วมาก เมื่อลืมตาขึ้น ตรงหน้าก็มืดสนิท เธอลุกขึ้นไปเปิดไฟ เห็นว่าซูมู่หรงยังไม่กลับมา