องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 511 การตอบแทนของกั๋วจิ้ว
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 511 การตอบแทนของกั๋วจิ้ว
หนานกงเย่ซึ่งยืนอยู่ตรงด้านของหน้าต่างไม่ไกลนักรู้สึกได้ว่าคนข้างหลังลุกขึ้นนั่งแล้วหันกลับไปเห็นว่าคนผู้นั้นนั่งอยู่ราวกับว่าไม่เป็นไรแล้ว หนานกงเย่เดินสองสามก้าวไปตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋นจากนั้นนั่งลงแล้วกอดคนเอาไว้
อวิ๋นจิ่นเงยหน้าขึ้นมองและอดหน้าแดงไม่ได้แล้วรีบเช็ดน้ำตาและถามฉีเฟยอวิ๋น: “นายท่าน ท่านฟื้นแล้ว?”
“อืม เจ้าร้องห่มร้องไห้เช่นนี้ข้าอยากนอนก็นอนไม่หลับ แล้วท่านก็ด้วยท่านกอดข้าไว้แน่นเช่นนี้ต้องการรัดข้าให้ตายหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังหนานกงเย่ด้วยความโมโห
หนานกงเย่ไม่สนใจสิ่งอื่นกุมมือของฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้แน่น
“อย่าได้ทำเช่นนี้อีก” หนานกงเย่หวาดกลัวซะแล้ว!
เด็กๆนั้นไม่ลืมตาขึ้นมาเลยสักคนราวกับว่าทั้งหกคนในครอบครัวได้ปรึกษากันเอาไว้แล้วว่าผู้ใดก็ห้ามลืมตา เขามีความกังวลยิ่งนัก
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ตอบสนอง ในสถานการณ์พิเศษนั้นก็ต้องปฏิบัติด้วยความพิเศษเป็นธรรมดา แม้ว่านางไม่แน่ใจว่าเนื่องจากเหตุใดแต่เลือดของนางไม่ต้องการช่วยชีวิตสวีกงกงในจุดนี้นางนั้นสัมผัสได้
ฉีเฟยอวิ๋นต้องการช่วยชีวิตผู้คนจึงได้ร้อนใจ ที่จริงแล้วใจเย็นลงค่อยๆคิด หากในเวลานั้นนางพยายามครุ่นคิดก็ช่วยชีวิตสวีกงกงให้รอดได้
ตั้งแต่เช้าก็ลืมสถานการณ์ของตัวเองไปแล้วช่างสับสนวุ่นวายจริงๆ!
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจหนานกงเย่แต่มองไปยังอวิ๋นจิ่น: “เจ้าอย่าได้ร้องไห้อีกเลย ท่านพ่อของข้ารู้เรื่องนี้หรือไม่?”
“ท่านแม่ทัพรู้ เขาอยู่ที่อันกั๋วจิ้วนั่น” อวิ๋นจิ่นตอบพร้อมกับปาดน้ำตา
ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า: “แล้วสวีกงกงหล่ะ เป็นเช่นไรบ้าง?”
“สวีกงกงอยู่อีกห้องหนึ่ง” อวิ๋นจิ่นตอบกลับ ส่วนฉีเฟนอวิ๋นนั้นได้ลุกขึ้นมาจากอ้อมแขนของหนานกงเย่แล้วคลุมเสื้อตัวหนึ่งจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็เดินจากไป หนานกงเย่จากด้านหลังนั้นก็ไม่สามารถหยุดรั้งเอาไว้ได้
ออกไปประตูไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ไปยังที่พักของสวีกงกง เดิมทีสวีกงกงไม่ได้อาศัยอยู่ในเรือนจวินจื่อ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นครานี้สวีกงกงต้องรักษาอาการป่วยเป็นสิ่งสำคัญ หนานกงเย่สั่งการให้จัดการเรือนจวินจื่อ เรือนที่พักอยู่นั้นห่างจากพวกฉีเฟยอวิ๋นไกลไปหน่อยซึ่งอยู่ด้านหนึ่งของเรือนด้านข้าง
ฉีเฟยอวิ๋นไปยังด้านหน้าของประตูเรือนเห็นลี่ว์หลิ่วเข้า ลี่ว์หลิ่วรีบย่อกายถวายความเคารพ: “พระชายาท่านหายแล้วหรือเพคะ?”
“อืม แล้วสวีกงกงหล่ะ? เป็นเช่นไรบ้าง?” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวพร้อมผลักประตูเข้าไปด้วยแล้ว
ลี่ว์หลิ่วรีบเดินตามเข้าประตูไปและกล่าวว่า: “สวีกงกงตื่นขึ้นมาหลายครั้งแล้ว บาดแผลสมานกันได้รวดเร็วเพียงแต่ว่าตัวคนนั้นยังลุกไม่ขึ้น แต่บ่นถึงพระชายาสองสามครั้ง ถามว่าพระชายาเป็นเช่นไรบ้างอยู่อย่างนั้น?”
ลี่ว์หลิ่วรู้ว่าสวีกงกงเป็นห่วงฉีเฟยอวิ๋นจึงได้ถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าประตูไปแล้วถอดเสื้อคลุมยื่นให้กับลี่ว์หลิ่วจากนั้นเดินเข้าไปดูสวีกงกง
ห้องคล้ายกับทางฝั่งของฉีเฟยอวิ๋นเข้าประตูต้องเปลี่ยนรองเท้า ฉีเฟยอวิ๋นสวมถุงเท้าเข้าไป สวีกงกงนั้นนอนอยู่ในนั้นซึ่งบนพื้นนั้นร้อน และหงเถาก็กำลังดูแลอยู่ภายในห้อง
“พระชายา” หงเถาลุกขึ้นย่อกายถวายความเคารพ
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปนั่งลงยังข้างกายสวีกงกง: “กงกงตื่นแล้วหรือ?”
สวีกงกงมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นด้วยน้ำตาอันเอ่อล้น: “อาศัยบารมีข้าน้อยยังมีชีวิตอยู่”
“มีชีวิตอยู่ก็ดี ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นยังมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องดี”
ฉีเฟยอวิ๋นตรวจดูอาการสวีกงกงใหม่อีกครั้งแล้วสวีกงกงก็ถามว่า: “พระชายา ร่างกายท่านดีขึ้นบ้างหรือยังพะย่ะค่ะ?”
สวีกงกงนั้นอายุมากแล้วและเข้าใจเรื่องราวมากมาย
ให้คนออกไปเพื่อให้เขาดื่มเลือดก็เพราะกลัวว่าคนจะรู้ว่าเลือดของพระชายาสามารถช่วยชีวิตคนได้ หากเกิดเรื่องผิดพลาดเกรงว่าผู้คนภายนอกจะจดจ้อง แต่ว่าให้เขาดื่มเลือดมากเช่นนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังดีขึ้น แต่ก่อนนั้นเป็นหวัดปวดศีรษะใช้เวลากว่าสิบวันครึ่งเดือนกว่าจึงจะหาย แต่คราวนี้ดีขึ้นเร็วนัก ส่วนแผลก็เกือบจะสมานกันดีแล้ว
แผลถูกฟันนั้นสามารถเอาชีวิตได้ ใช่ว่าจะหายได้ง่ายดายเช่นนั้น
สวีกงกงรู้ว่านี่เป็นความผิดมหันต์ไม่สามารถกล่าวและกล่าวออกมาไม่ได้
สวีกงกงอยู่ในวังมานานหลายปีจึงเข้าใจหลักการมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว มีคำพูดบางอย่างต้องเก็บงำไว้ตลอดชีวิต
“ดีมากแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ครั้งนี้ดีที่ได้กงกงช่วย หากมิใช่กงกงก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น กงกงรักษาตนเองให้ดีต่อจากนี้ผู้คนเหล่านั้นย่อมต้องชดใช้เป็นแน่”
“พะย่ะค่ะ ข้าน้อยน้อมรับฟังคำสั่ง ข้าน้อยจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างดีเพื่อปรนนิบัติรับใช้ซื่อจื่อทั้งหลายและรับใช้พระชายา”
หนานกงเย่ยืนอยู่ฝั่งหนึ่งตรวจมองดูสวีกงกงแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
แต่คำพูดเหล่านี้สามารถกล่าวต่อหน้าสามีภรรยาเท่านั้น หากว่าแพร่ไปถึงในวังชีวิตอันน้อยนิดก็จะหมดลงซะแล้ว!
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวปลอบโยนสวีกงกงไม่กี่ประโยคก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปก่อน
ฝากฝังหงเถาให้ดูแลไว้เป็นอย่างดีแล้วตามหนานกงเย่ไปดูหวังฮวายอัน
หวังฮวายอันพักอาศัยอยู่ในเรือนหลัก คู่สามีภรรยาคุยกันมาตลอดทาง ฉีเฟยอวิ๋นถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วหนานกงเย่ได้เล่าเหตุการณ์ในขณะนั้น
ทั่วทุกด้านถูกโจมตีโดยมีคนจำนวนสามสิบกว่าคน ขณะที่จู่โจมเข้าไปมาจากหลังคา ผู้คนในเรือนไม่มีผู้ใดตอบสนองต่อเรื่องนี้ได้ จึงได้เพียงใช้เลือดเนื้อร่างกายปกป้องเด็กๆเอาไว้ สวีกงกงเห็นว่าจะเกิดเรื่องจึงส่งเจ้าห้าให้หวังฮวายอันและบอกให้พวกเขารีบออกไปโดยเร็วส่วนเขาก็จัดการกับคนในเรือน
เดิมทีหนานกงเย่ออกไปหาคนแต่เขารู้สึกว่าไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลาเลยกลับมาทันเวลาจึงสามารถช่วยชีวิตเด็กๆทั้งหลายเอาไว้ แต่มาช้าซะจนสวีกงกงเกือบจะเสียชีวิตไปแล้ว
ฉินลั่วเดินไปด้วยพร้อมกับประหลาดใจ: “เหล่าอีกาไปที่ใดแล้วเจ้าอีกาน้อยเหล่านั้นอยู่กันทั้งนั้น เหตุใดถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น?
เหตุใดวันนี้ถึงไม่เห็นเจ้าอีกาช่วยพวกเขา? ”
“เรื่องนี้ข้าก็แปลกใจเช่นกัน เมื่อครู่ขณะที่อวิ๋นอวิ๋นสลบไปนั้นก็ได้ไปตรวจสอบแล้ว เนื่องจากเป็นฤดูหนาวตามนิสัยอันเคยชินเจ้าอีกานั้นได้กลับเข้าไปในป่าแล้วและอาจจะถึงฤดูใบไม้ผลิในปีหน้าถึงจะออกมา”
ฉีเฟยอวิ๋นสามารถเข้าใจได้และกล่าวว่า: “สัตว์นั้นมีนิสัยความเคยชินของพวกมันซึ่งเข้าใจได้ แต่ไม่กี่วันก่อนยังเห็นเจ้าอีกาแต่สองสามวันนี้ไม่เห็นก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว แน่นอนว่าในจวนอ๋องเย่ต้องเกิดเรื่องแปลกประหลาดภายในซะแล้ว”
หนานกงเย่พยักหน้า: “ข้าก็คิดเช่นนี้ เรื่องนี้ข้าต้องตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบถึงจะดี”
“ท่านอ๋อง ในเมื่อเจ้าอีกาชอบป่าไม้ เหตุใดท่านไม่ปลูกต้นไม้บางส่วนเอาไว้ที่ด้านหลังเรือนจวินจื่อ เพื่อให้เจ้าอีกาได้อยู่อาศัยและในเวลาฤดูหนาวก็สะดวกต่อการให้อาหาร”
“อืม” หนานกงเย่ก็คิดพิจารณาถึงแล้วว่ามีอีกาทั้งหลายอยู่ก็จะมีหลักประกันมากขึ้นส่วนหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “ในเมื่อพวกเขามาลงมือที่จวนอ๋องเย่ของเรา เช่นนั้นก็หมายความว่าตอนนี้พวกเขาเป็นสุนัขจนตรอกแล้ว ท่านอ๋องคิดจะกระทำสิ่งใด?”
“เรื่องนี้พูดยาก ข้าได้ให้คนไปตรวจสอบแล้ว ช้าที่สุดนั้นคืนนี้ก็มีความคืบหน้าแล้ว”
คู่สามีภรรยาไปถึงตรงหน้าประตูของหวังฮวายอัน เคาะประตูแล้วเข้าไป หวังฮวายอันในเวลานี้กำลังนั่งคุยกับแม่ทัพฉีอยู่ฝั่งหนึ่ง เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นเข้าประตูมาเขาก็วางขาที่คดงอลง
แม่ทัพฉีมองกลับไปเห็นว่าลูกสาวของเขากำลังมาจึงได้มองอย่างละเอียด มั่นใจแล้วว่าลูกสาวไม่เป็นไรแม่ทัพฉีจึงได้ลุกขึ้น: “พ่อกลับไปดูพวกเขาทั้งหลายก่อน”
“ท่านพ่อ ท่านก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน พักผ่อนสักครู่เถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าแม่ทัพฉีจะพักผ่อนไม่เต็มที่ แม่ทัพฉีพยักหน้าแล้วจึงจากไป
หลังจากคนออกไปฉีเฟยอวิ๋นก็ไปดูหวังฮวายอัน มั่นใจแล้วว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติฉีเฟยอวิ๋นจึงได้นั่งลงตรงฝั่งหนึ่ง ส่วนหนานกงเย่กำลังคุยเรื่องนี้กับหวังฮวายอัน
“เรื่องราวของหลี่ฮ่วนจงข้าคิดว่าจะรีบจัดการซะจึงแจ้งให้ท่านทราบสักคำ”
หวังฮวายอันมองไปด้วยสีหน้าดูแคลน: “เกรงว่าเจ้าได้เตรียมการเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เหตุใดยังจะบอกข้าผู้เป็นกั๋วจิ้วอีก”
“เช่นไรก็เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตท่าน ข้าจะสังหารผู้ที่ช่วยชีวิตกั๋วจิ้วก็ต้องบอกกับกั๋วจิ้วเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
หวังฮวายอันคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่ง: “เหลือศพทั้งร่างของเขาเอาไว้เถอะถือซะว่าไม่เสียแรงเปล่าที่เขาคิดวางแผนทุกวิถีทางช่วยข้าไว้ตั้งนานแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปนี่นับว่าเป็นการตอบแทนอันใดกัน?
บทที่ 508 สวีกงกงขอเข้าเฝ้า
บทที่ 510 ช่วยชีวิตสวีกงกง