องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 529 บุกเข้าไปฆ่าในคุก
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 529 บุกเข้าไปฆ่าในคุก
ทังเหอมึนงง ดูเหมือนว่าเมื่อพระชายาไม่อยู่แล้ว ท่านอ๋องก็จะก่อเรื่องวุ่นวาย
หากไม่มีพระชายา ท่านอ๋องก็จะไม่ใช่ท่านอ๋องอีกต่อไป
ทังเหอเหลือบมองไปที่ประตูจวนราชครู และสั่งให้คนไปเตรียมการ
ราชครูจวินลุกขึ้นมาดื่มชา และได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ผู้คุมกันเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า:“ท่านอ๋องทรงเคลื่อนย้ายราษฎรรอบ ๆ จวนไปยังที่ปลอดภัย และให้คนมาราดน้ำมันที่กำแพงของจวนราชครู หากไม่พบพระชายาเย่ก่อนฟ้ามืด ก็จะจุดไฟขอรับ”
“งั้นหรือ?” ราชครูจวินก้มหน้าลงและจิบชา ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย และเขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้
คนที่ยืนอยู่ในห้องถามว่า:“จะเข้าไปในวังหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่ต้อง ไม่ตายหรอก เพียงแต่จวนราชครูมีเงินไม่มากนัก ใกล้ถึงเวลาที่ควรจะเอาเงินคืนมาจากพระชายาเย่แล้ว จะได้เอามาทาสีกำแพง ไม่เช่นนั้นคงจะน่าเกลียดมาก” ราชครูจวินยิ้มมุมปาก
ผู้ค้มกันไม่เข้าใจ:“จวนราชครูกลายเป็นเช่นนี้ ท่านราชครูก็ยังเบิกบานใจ!”
“ท่านอ๋องเย่ทรงกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว มันไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในสระอย่างแน่นอน ต้องการให้ต้าเหลียงของข้าบุกยึดเจียงซาน แม้ว่าจะมั่นคงมาหลายปี แต่ในตอนนี้สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน และแคว้นอื่น ๆ ก็เตรียมพร้อมที่จะบุกเข้ามานานแล้ว หากไม่มีใครข่มขู่ จะปลอดภัยได้อย่างไร!
ท่านอ๋องเย่อายุเพียงเท่านี้ แต่มีความห้าวหาญ จะเห็นได้ว่ามีความเป็นผู้นำอยู่ในนั้นด้วย
มีเขาอยู่ ต้าเหลียงย่อมเจริญรุ่งเรือง”
ผู้คุ้มกันครุ่นคิด:“ท่านราชครูคิดว่าพวกเราควรจะสู้รบได้แล้วงั้นหรือ?”
ราชครูจวินจิบชาและวางถ้วยน้ำชาลง จากนั้นก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา
“ไม่สามารถตัดรากถอนโคนพวกจงชินได้ นี่เป็นความทุกข์ยากของต้าเหลียง และตอนนี้ หนานกงเซวียนเหอก็หนีไปได้ แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมเลิกรา ชัยชนะเพียงเล็กน้อยในวันนี้ เป็นเพียงการเร่งให้เกิดสถานการณ์ที่เลวร้าย หนานกงเซวียนเหอไม่มีทางยอมแพ้ และพวกจงชินก็กำลังรอโอกาสอยู่
ตะขาบตายแต่ไม่แข็งทื่อ และไม่มีแรงต่อต้าน
มีเรื่องเกิดขึ้นที่ชายแดนของแคว้นอู๋โยว นายใหญ่ตกทุกข์ได้ยาก นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดเรื่องขึ้น
แคว้นอู๋โยวเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แคว้นใหญ่ ๆ โดยรอบลุกฮือ และแคว้นเล็ก ๆ ถูกแคว้นโดยรอบกลืนกิน เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ และจะมาถึงแคว้นต้าเหลียงของพวกเรา
หากไม่รีบวางแผนแต่เนิ่น ๆ ก็จะเป็นเหมือนแคว้นเล็ก ๆ เหล่านั้น และกลายเป็นอาหารของผู้อื่นในที่สุด
และจงชินก็มองเห็นจุดนี้ ร่วมมือกับแคว้นใหญ่ ๆ โจมตีแคว้นต้าเหลียงของพวกเรา
แม้ว่าจะไม่สามารถยึดกุมต้าเหลียงทั้งหมดไว้ในมือได้ แต่ก็จะไม่ปล่อยโอกาสไปอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นสิ่งที่สำคัญคือต้องตามหาหนานกงเซวียนเหอให้พบ?”
“จะต้องตามหาอย่างแน่น ในเวลานี้เมืองหลวงสงบสุข และอ๋องเย่ก็มักจะวิ่งออกไป เจ้าว่ามันน่าสนุกหรือไม่?”
“ทางด้านสายสืบยังไม่มีข่าวใด ๆ ดูเหมือนว่าหนานกงเซวีนเหอผู้นี้จะร้ายกาจมากจริง ๆ ” ยามกล่าว
ราชครูจวินมองไปที่ผู้คุ้มกัน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมอง
“เจ้าไปเถอะ และไม่ต้องถามอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้” ราชครูจวินวางถ้วยน้ำชาลงแล้วกล่าวอย่างราบเรียบ
ผู้คุ้มกันหันหลังจากไป ราชครูจวินหรี่ตาลงเล็กน้อย และเฝ้ามองผู้คุ้มกันจากไป จากนั้นราชครูจวินก็ลุกขึ้นไปหาฮูหยินรอง
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ฮูหยินรองก็อาการคลุ้มคลั่งกำเริบ นางร้องไห้แล้วออกมาจากจวนราชครู
ราชครูจวินสั่งให้คนจับตัวไว้ แต่ก็ไม่สามารถจับได้
ฮูหยินรองอายุมากแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิง สวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย และวิ่งถลันออกไป ราชครูจวินวิ่งตามออกไปและตะโกนด้วยความโมโหว่า:“โบย โบยให้ตายเดี๋ยวนี้!”
ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีที่ราชครูจวินรักมากที่สุด ใครจะกล้าโบยให้ตาย ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่เป็นใหญ่สุดในจวนราชครูจวินก็คือฮูหยินรอง จะว่าไปแล้วก็คือมารดามีเกียรติเพราะบุตรมีฐานะสูงส่ง หากไม่มีฮูหยินรอง จะเย่อหยิ่งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
ฮูหยินรองวิ่งไปชนกับทังเหอ และทังเหอก็ตกใจ ฮูหยินใหญ่เป็นอะไรไป
จากนั้นฮูหยินรองก็กัดคอของทังเหอ และขย้ำเนื้อของทังเหอเหมือนสุนัข ทังเหอตกใจมาก และไม่สามารถผลักออกไปได้ เขาจึงเรียกให้คนมาจับฮูหยินรอง และฮูหยินรองก็ถูกจับตัวกลับไป
เมื่อหนานกงเย่เห็นฮูหยินรอง เขาก็รีบเดินเข้าไป:“ฮูหยิน ทำให้ท่านต้องลำบากแล้ว”
ฮูหยินรองรีบลุกขึ้นและถอนสายบัว แม้ว่านางจะชรามากแล้ว แต่อยู่ที่จวนราชครูจวิน นางก็สงบเสงี่ยมและอ่อนโยน เมื่ออยู่ต่อหน้าหนานกงเย่ นางจึงไม่กล้าที่จะหละหลวมเรื่องมารยาท
“หม่อมฉันถวายบังคมท่านอ๋องเย่เพคะ”
“ฮูหยินรองรีบลุกขึ้นเถิด” หนานกงเย่ยังคงปฏิบัติต่อฮูหยินรองเป็นอย่างดี
“พระชายาอยู่ในคุก รีบไปช่วยนางเถอะเพคะ เกรงว่าพระชายาจะไม่ปลอดภัย” ฮูหยินรองกล่าวอย่างรวบรัด
หนานกงเย่พยักหน้า:“ฮูหยินรองพักผ่อนก่อนเถอะ”
“เพคะ”
ฮูหยินรองถอนสายบัว จากนั้นหนานกงเย่ก็พาคนไปที่คุก
อีกด้านหนึ่ง วันนี้เว่ยหลินชวนได้รับคำสั่งจากองค์หญิงใหญ่ให้ไปเยี่ยมต้ากั๋วจิ้วหวังฮวายเต๋อ และพาข้าหลวงประจำเมืองหลวงเวยฉือไปด้วย เมื่อทั้งสองมาถึงหน้าประตูคุก เวยฉือก็สั่งให้คนเปิดประตูคุก
คืนต่อมา เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าอาการของหวังฮวายเต๋อคงที่แล้ว นางจึงพักผ่อน
ประตูห้องขังถูกเปิดออก หวังฮวายเต๋อลืมตาขึ้น และเมื่อเห็นผู้มาเยือน หวังฮวายเต๋อก็หลับตาลงอีกครั้ง
เว่ยหลินชวนเหลือบมองเวยฉือ จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปคารวะ
“เว่ยหลินชวนถวายบังคมกั๋วจิ้ว”
“เวยฉือถวายบังคมกั๋วจิ้ว”
ทั้งสองคำนับ แต่หวังฮวายเต๋อไม่สนใจ ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า:“จั่วจงเจิ้ง ข้าหลวงประจำเมือง”
“พระชายาเย่”
“พระชายาเย่!”
ทั้งสองคนต่างก็ประหลาดใจ และไม่คิดว่ายังมีอีกคนที่อยู่ในคุก
เมื่อนึกถึงเรื่องในเมืองหลวงเมื่อคืนแล้ว เว่ยหลินชวนก็มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นด้วยความสงสัยและถามว่า:“ท่านอ๋องทรงทราบหรือไม่ว่าพระชายาอยู่ที่นี่?”
“ท่านอ๋องทรงไม่รู้ ข้ามาที่นี่ชั่วคราว แต่เพราะถูกขังอยู่ที่นี่ จึงยังไม่ทันได้กราบทูล” ฉีเฟยอวิ๋นไม่พูดอะไรอีก
เว่ยหลินชวนและเวยฉือล้วนแต่เป็นคนฉลาด แน่นอนว่าพวกเขาเข้าใจเหตุผล และการที่ไม่กล่าวถึงนั้นย่อมมีเหตุผล
“พระชายา ผู้น้อยมีเรื่องที่ต้องไปทำพ่ะย่ะค่ะ”
เวยฉือกำลังจะไปรายงานหนานกงเย่ เรื่องที่ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ในคุก
“ข้าหลวงประจำเมือง อาอวี่ยังอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาส่งเสียงร้องทั้งคืน เขาคงเหนื่อย และน่าจะหลับไปแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นเตือน เวยฉือรีบไปฝั่งตรงข้ามในทันที เมื่อเปิดประตู เขาก็เห็นอาอวี่ จากนั้นก็เรียกให้คนมาปลดกุญแจข้อมือข้อเท้าให้อาอวี่
อาอวี่ไปดูฉีเฟยอวิ๋นเป็นอันดับแรก เขามองดูฉีเฟยอวิ๋นอย่างละเอียด และเมื่อแน่ใจว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่เป็นอะไร อาอวี่ก็จะออกไปหาคนเพื่อคิดบัญชี แต่เวยฉือห้ามเขาไว้
“อาอวี่ เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปกราบทูลท่านอ๋อง หากชักช้าเกรงว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้น” เวยฉือกำลังจะจากไป และอาอวี่ก็ห้ามเวยฉือไว้ในทันที
“ข้าไปเอง ข้าฝีเท้าไว ที่นี่พวกเขาไม่เชื่อฟังข้า”
“ก็ดี เช่นนั้นเจ้าก็รีบไปรีบกลับ” เวยฉือกังวลว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง และคิดว่าสิ่งที่อาอวี่พูดนั้นมีเหตุผล เขาจึงรีบตอบตกลง
อาอวี่หันหลังจากไป จากนั้นเวยฉือก็ไปหาฉีเฟยอวิ๋น
ในเวลานี้หวังฮวายเต๋อยังไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น และเขาอาจจะต้องตาย
เว่ยหลินชวนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับฉีเฟยอวิ๋น แต่ก็มีเสียงคนดังขึ้นที่หน้าประตู เวยฉือรู้สึกประหลาดใจ จึงออกไปดู เมื่อเห็นคนถือดาบเปื้อนเลือดเข้ามา เวยฉือก็ถอยกลับไปที่ห้องขังในทันที จากนั้นก็ล็อกประตูห้องขัง แล้วดึงฉีเฟยอวิ๋นไปไว้ข้างหลังเพื่อปกป้องนาง
“มีคนมาออกมา คุ้มกันพระชายา” เวยฉือเป็นคนคนหนานกงเย่ เมื่อเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงต้องปกป้องฉีเฟยอวิ๋นก่อน
เว่ยหลินชวนเข้าไปยืนขวางข้างหน้าฉีเฟยอวิ๋นและเวยฉืออย่างไม่คิด แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงขุนนางคนหนึ่ง แต่ตามสัญชาตญาณของเขาแล้ว เขาก็ต้องปกป้องสตรี โดยเฉพาะฉีเฟยอวิ๋น!