องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 545 โรคของต้ากั๋วจิ้วกำเริบ
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 545 โรคของต้ากั๋วจิ้วกำเริบ
หวังฮวายเต๋อไม่คิดว่าฉีเฟยอวิ๋นจะฟื้นตัวได้เร็วเช่นนี้ หากว่าเขาไม่ได้เห็นบาดแผลจากมีดของฉีเฟยอวิ๋นด้วยตาตนเองเขาคงรู้สึกว่าถูกหลอก
ประตูคุกเปิดออกอาวี่ส่งหีบยาให้กับฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นพาเพียงแค่อวิ๋นหลัวฉวนเข้าประตูไปเท่านั้น ประตูคุกปิดลงเป็นอาอวี่และตงเอ๋อร์ที่เฝ้าอยู่ตรงหน้าประตู
หากว่าคราวนี้ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน อาอวี่ตั้งใจจะหมุนศีรษะคนผู้นั้นออกมาเลยโดยตรงถือว่าเป็นลูกบอลแล้วนำไปเตะ
อาอวี่ก็ต้องการรักษาหน้า เรื่องที่คุกเขารู้สึกว่าน่าขายหน้าหลังจากนั้นทังเหอก็กล่าวตำหนิเขายกใหญ่ ปกป้องพระชายาไว้ไม่สำเร็จก็ช่างที่สำคัญคือเขาพบเจอเหตุการณ์แล้วมุทะลุจนท่านอ๋องเกือบจะส่งเขาไปที่ชายแดน
เขาตื่นตระหนกตกใจยิ่งนัก
หากเขาไปยังชายแดนจริงๆ เขาจะเป็นดังลูกธนูที่ออกจากคันธนูอย่างแท้จริง ไปแล้วกลับไม่ได้ซะแล้ว
ต่อหน้าตงเอ๋อร์อาอวี่ก็เสียหน้ามากเช่นกัน
ตงเอ๋อร์สามารถเข้าใจได้ว่าคนก็เสมือนม้าสามารถสะดุดล้มได้เช่นกัน ผู้ใดที่จะไม่ทำผิดพลาดเลยสักนิด
ตงเอ๋อร์มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดานัก แต่อาอวี่ไม่มีหน้ามองผู้คนซะแล้วซึ่งตัวเขาเองรู้สึกว่าทำสิ่งใดไม่ถูก
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบหูฟังแพทย์ออกมาจากหีบยา หวังฮวายเต๋อเคยเห็นสิ่งนี้จึงรู้ว่าใช้ดูอาการป่วยถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร
ในเวลานี้หวังฮวายเต๋อรู้สึกอึดอัดยิ่งนัก มองไปยังอวิ๋นหลัวฉวนซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามแล้วกล่าวว่า: “พระชายาตวนก็มีเวลามาด้วยหรือ?”
“กั๋วจิ้วสบายดีหรือไม่ ข้ามาเยี่ยมกั๋วจิ้วกับท่านพี่ ได้ยินมาว่ากั๋วจิ้วสุขภาพไม่ดีจึงได้ตั้งใจมาเยี่ยมโดยเฉพาะ”
อวิ๋นหลัวฉวนกำหมัดแล้วกล่าวว่า ร่างกายอันสง่าน่าเกรงขามและมีท่าทีความเป็นแม่ทัพ หวังฮวายเต๋อกล่าวไม่ออกครู่หนึ่ง สมกับที่เป็นคนของจวนกั๋วจิ้ว คำกล่าวและการกระทำนั้นเป็นกิริยาท่าทางของจวนกั๋วจิ้ว
“พระชายาเกรงใจแล้ว” หวังฮวายเต๋อขวยเขินเล็กน้อย หญิงสาวตัวเล็กๆยังต้องให้นางเว้นการทำความเคารพอีก
“กั๋วจิ้วไม่ต้องเกรงใจ มู่เหมียนไม่อยู่ข้างกาย พวกเราเป็นพี่น้องของมู่เหมียนก็ต้องใช้กำลังอันน้อยนิดดูแลกั๋วจิ้วให้ดีที่สุด ร่ายกายกั๋วจิ้วไม่สบายพวกเราก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้”
อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวและพร้อมกับเข้าใกล้ไปด้วย หวังฮวายเต๋อมีความรู้สึกว่าเป็นภาพลวงตา ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาของคนหนุ่มสาวซะแล้ว เขาแก่แล้วก็ต้องอยู่ในเรือนอย่างซื่อตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการออกมาทำความขายหน้า
หวังฮวายเต๋อมองยังฉีเฟยอวิ๋น อัดอั้นตันใจเป็นเวลานานจนใบหน้าของเขานั้นแดงก่ำ: “ขอบใจเจ้าด้วย!”
หวังฮวยเต๋อขอบคุณอย่างไม่สบายใจ ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้มทันที: “กั๋วจิ้วอย่าได้เห็นเป็นคนนอก ท่านกับข้าเป็นครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้”
หวังฮวายเต๋อรู้สึกอึดอัดในใจ รู้ดีแก่ใจว่าหากไม่ใช่เพราะฉีเฟยอวิ๋นเขาคงตายไปแล้วเป็นแน่
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่ามันไม่ง่ายสำหรับต้ากั๋วจิ้วที่จะกล่าวคำขอบคุณ นางจึงไม่กล้าละเลย
หวังฮวายเต๋อไม่กล่าวสิ่งใด ส่วนฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “ท่านต้องถอดเสื้อนอกออกและเปิดเสื้อตัวในของท่านออกมาถึงจะได้”
“หือ?” หวังฮวายเต๋อหน้าแดงก่ำจากนั้นมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น สะใภ้น้อยผู้หนึ่งทำเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?
แต่เมื่อนึกถึงว่าภรรยาของเขาเจ็บป่วยก็เป็นเช่นนี้ หวังฮวายเต๋อก็ปล่อยวางได้ แม้ว่าจะไม่รู้สึกสบายใจแต่เขาก็ปลดเสื้อผ้าออก
ฉีเฟยอวิ๋นฟังด้วยหูฟังแพทย์ก่อนแล้วเริ่มการตรวจดูให้หวังฮวายเต๋อใหม่อีกครั้ง
การตรวจในครั้งที่แล้วพบว่าเป็นโรคหอบหืด เนื่องจากความวิตกกังวลจึงไม่ได้ตรวจดูให้ละเอียด ตอนนี้หลังจากตรวจอาการแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็อดแปลกใจไม่ได้จึงคลายมือออกแล้วถามต้ากั๋วจิ้วสองสามประโยค
ต้ากั๋วจิ้วรู้สึกเขินเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้ากล่าวถึงเรื่องปัสสาวะติดขัดและในบางครั้งก็ปวดหลังด้วย
โดยพื้นฐานแล้วฉีเฟยอวิ๋นนั้นมั่นใจจึงได้กล่าวว่า: “ที่นี่ไม่เหมาะที่กั๋วจิ้วจะรักษาอาการป่วย”
หวังฮวายเต๋อไม่คิดที่จะออกไป ได้ยินก็ทำเป็นไม่ได้ยิน
อวิ๋นหลัวฉวนถาม: “เช่นนั้นในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง กั๋วจิ้วยื่นขอลาออกแล้วไม่ใช่หรือ ฝ่าบาทยังไม่ทรงอนุญาตหรือ?”
“เรื่องนี้คงต้องถามกั๋วจิ้วแล้ว เรื่องของกั๋วจิ้วนั้นได้ละเว้นโทษตาย ในตอนนี้จวนกั๋วจิ้วนั้นปลอดภัยแล้วไม่รู้ว่าเหตุใดกั๋วจิ้วถึงไม่ยอมออกจากคุก?” ฉีเฟยอวิ๋นนั้นรู้สึกแปลกใจ
หวังฮวายเต๋อกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ข้ากั๋วจิ้วกระทำผิดลบหลู่เบื้องสูงเช่นนี้ก็ต้องรับผิดชอบในความผิดเป็นธรรมดา ฝ่าบาททรงละเว้นข้าเกรงว่าจะเป็นการยากที่จะโน้มน้าวผู้คนจำนวนมากได้?”
ฉีเฟยอวิ๋นนั้นเข้าใจว่าหวังฮวายเต๋อมีความห่วงกังวลของเขาเอง ฝ่าบาททรงละเว้นเขา สำหรับเขาแล้วเพียงแค่ต้องการให้ฝ่าบาททรงเห็นคุณค่าของมู่เหมียน การลบหลู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอย่างแน่นอน
ตอนนี้ฝ่าบาทใช้มือของเขาจัดการกรมการคลังทั้งกรม เขาสร้างปัญหาไว้หนักหนาแล้ว แต่ฝ่าบาทยังทรงละเว้นโทษให้แก่เขา ไว้ชีวิตอันแก่เฒ่าให้อยู่จนแก่ชรา ไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่เรื่องมาถึงในวันนี้ก็เป็นเวลาของมันแล้วไม่มีสิ่งใดให้ทนทรมานอีกแล้ว
ส่วนมู่เหมียนนั้นเป็นความหวังสุดท้ายของเขาในเวลานี้เขาจะต้องพิจารณาถึงมู่เหมียนถึงจะถูก เรื่องที่มู่เหมียนถูกส่งเข้าไปในตำหนักเย็นนั้นเขาน่าจะรู้เรื่องแล้ว แต่เรื่องที่มู่เหมียนได้รับความโปรดปรานนั้นเขาไม่รู้แน่ชัดเท่าใด
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: กั๋วจิ้วไม่พอใจเรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานเต๋อเฟยหรือ?”
หวังฮวายเต๋อเงยหน้าขึ้นมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นอย่างงุนงงเล็กน้อย: “โปรดปราน?”
อวิ๋นหลัวฉวนก็งุนงงเช่นกันแล้วมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น: “เห็นบอกว่ามู่เหมียนถูกส่งเข้าไปในตำหนักเย็นไม่ใช่หรือ?”
หวังฮวายเต๋ออยู่ในอารมณ์สับสน เขาคิดว่าสร้างปัญหาแล้วฝ่าบาทจะทรงดีกับบุตรสาวของเขาสักนิด เข้าวังมาเนิ่นนานเช่นนี้แล้วยังไม่ได้รับความโปรดปราน นี่ถือเป็นความอัปยศอันใหญ่หลวงสำหรับเขา
ฝ่าบาทไม่ได้ทรงเห็นเขาอยู่ในสายตาจริงๆ แต่เมื่อเขาสร้างปัญหาขึ้นก็ส่งลูกสาวเข้าไปในตำหนักเย็นเขาจึงรู้สึกเสียใจอยู่บ้างซะแล้ว
ตอนนี้นั้นประการแรกเขาต้องการให้บุตรสาวมีความเป็นอยู่ที่ดีจขึ้นมาบ้าง ประการที่สองคือต้องการตอบแทนฉีเฟยอวิ๋น เช่นไรก็ได้รับความเมตตาจากผู้อื่น
แต่เมื่อได้ยินฉีเฟยอวิ๋นบอกว่าลูกสาวเป็นที่โปรดปรานนั้นหวังฮวายเต๋อก็งุนงงอยู่บ้าง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “เรื่องนี้ข้ากล่าวสิ่งใดมากไม่ได้ แต่สุขภาพของต้ากั๋วจิ้วนั้นสำคัญไม่เช่นนั้นก็ออกไปก่อนค่อยพูดคุยกัน?”
“……”หวังฮวายเต๋อลังเล็กน้อย แต่หลังจากลังเลแล้วเขาก็กล่าวว่า: “ไม่ออกไปจะดีกว่า”
“เช่นนั้นไม่ออกไปกั๋วจิ้วเป็นคนกล่าวเอง หากว่าร่างกายย่ำแย่ก็อย่าได้โทษผู้อื่น” ฉีเฟยอวิ๋นเก็บหีบยาแล้วก็จากไปแต่ถูกอวิ๋นหลัวฉวนรั้งเอาไว้
“ท่านไปไม่ได้ ร่างกายของกั๋วจิ้วสำคัญต่อให้กั๋วจิ้วไม่ไปก็ยังต้องเขียนใบสั่งยามา” อวิ๋นหลัวฉวนนั้นคิดแต่ต้องการช่วยมู่เหมียนอย่างสุดใจ
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “แม้ว่าจะเขียนใบสั่งยาก็ไม่สามารถต้มออกมาได้ แม้ว่าจะต้มออกมาได้ก็ไม่มีผู้ใดเฝ้าดูอยู่ทั้งวัน ที่นี่เป็นคุกไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามาได้ตามอำเภอใจ ถึงแม้ว่าจะมีคนอยู่ดูแลกั๋วจิ้ว กินยาไม่ใช่กินลูกอมกินหากเกิดเรื่องขึ้นมาข้ารับผิดชอบไม่ไหว ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่สามารถสั่งเขียนใบสั่งยานี้ได้อย่างแน่นอน
การรักษาโรคทำได้เพียงออกไปด้านนอก ยังต้องให้ข้าไปที่เรือนวันละครั้งถึงจะสั่งยาให้ต้ากั๋วจิ้วได้ นอกจากนี้ก็ไม่มีทางอื่นอีก”
อวิ๋นหลัวฉวนมองไปยังต้ากั๋วจิ้วด้วยสีหน้าเป็นกังวล: “กั๋วจิ้วเรื่องถึงชีวิตท่านก็อายุปูนนี้แล้ว อยู่ในสถานที่เช่นนี้เพียงลำพังหากว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นจริงๆ ข้าจะบอกกับมู่เหมียนได้เช่นไร?”
ต้ากั๋วจิ้วขยับตัวมองไปยังอวิ๋นหลัวฉวนแล้วกล่าวว่า: “ร่างกายของข้ากั๋วจิ้วข้าเองรู้ดีแก่ใจไม่รบกวนพวกเจ้าหรอก ไปเถอะ ไปกันให้หมด เรื่องของข้าเองไม่ต้องการให้ผู้ใดมารับผิดชอบ”
อวิ๋นหลัวฉวนวิตกกังวลและต้องการจะกล่าวบางอย่างฉีเฟยอวิ๋นก็ดึงนางออกมาซะแล้ว
“ท่านกำลังทำสิ่งใด?” อวิ๋นหลัวฉวนงุงงงและไม่พอใจเล็กน้อย
“กั๋วจิ้วไม่อยากออกมา ต่อให้มัดออกมาเขาก็จะกลับไปอยู่ดี พวกเราไปกันเถอะต่างคนต่างมีความปรารถนาของตนไม่สามารถบังคับกันได้”
ฉีเฟยอวิ๋นส่งหีบยาให้อาอวี่แล้วหันหลังจากไปเลย
อวิ๋นหลัวฉวนไม่มีทางเลือกจึงได้ตามฉีเฟยอวิ๋นออกไป
อย่างไรก็ตามในคืนนั้นโรคของต้ากั๋วจิ้วก็กำเริบหนักจนเกือบจะเสียชีวิตอยู่ในคุก!