องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 557 เชิญให้ผู้อื่นมาช่วย
ฉีเฟยอวิ๋นจับมือของหนานกงเย่:“ท่านอ๋อง หากท่านพ่อของหม่อมฉัน จวนกั๋วกง ต้ากั๋วจิ้ว เสี่ยวกั๋วจิ้ว องค์หญิงใหญ่ รวมทั้งท่านอ๋องตวนและท่านราชครูจวินตกลงที่จะช่วยหม่อมฉัน เช่นนั้นจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่เพคะ?”
หนานกงเย่รู้สึกขบขัน แล้วยกมือขึ้นลูบหัวของฉีเฟยอวิ๋น:“ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว พวกเขาคงจะไม่ช่วยข้า”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?
“แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว แม้ว่าข้าจะตกเป็นเป้า ข้าก็ไม่สามารถถอยได้แม้แต่ครึ่งก้าว หากต้องการให้ข้าส่งสตรีของต้าเหลียงออกไปแต่งงานก็คงต้องรอให้ข้าตายก่อน!”
ฉีเฟยอวิ๋นสูดหายใจเข้า:“หากทั่วทั้งต้าเหลียงเป็นเช่นท่านอ๋อง ใครจะกล้ามารุกราน?”
“ฮึ ข้ามีบุตรชายห้าคน รอให้พวกเขาโตก่อนเถอะ ใครก็ไม่กล้ามารุกราน พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นเหมือนข้า ข้าเพียงแค่ต้องการเวลา แล้วบอกพวกเขาว่าใครก็ไม่สามารถมารุกรานต้าเหลียงของข้าได้”
“เพคะ ท่านอ๋องทรงตรัสได้อย่างถูกต้อง ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะไปที่จวนอ๋องตวน พรุ่งนี้เช้ายามสี่ (ช่วง 01:01 – 03:00 น.) หม่อมฉันจะไปรอท่านอ๋องอยู่ที่หน้าประตูวัง”
ฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะจากไป แต่ถูกหนานกงเย่รั้งไว้:“อวิ๋นอวิ๋น……”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจะลองดูเพคะ ไม่ต้องกังวล” ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอวิ๋นจิ่นที่อยู่ข้าง ๆ:“หม่อมฉันจะไปหาท่านพ่อ ท่านอ๋องเข้าไปพักผ่อนเถอะเพคะ เก็บแรงไว้ไปถวายฎีกาในวันพรุ่งนี้”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สามารถดึงมือออกได้ นางจึงหันกลับมาจับแก้มของหนานกงเย่และจูบริมฝีปากของหนานกงเย่
หนานกงเย่โอบเอวของฉีเฟยอวิ๋นโดยไม่รู้ตัว และกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา
ฉีเฟยอวิ๋นถอยออกไปและกล่าวว่า:“คิดว่าสักวันหนึ่งหม่อมฉันกับท่านอ๋องจะมีบุตรสาวห้าคน และล้วนแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี หากหม่อมฉันตาย ท่านอ๋อง……พวกเขาไม่ต้องการที่จะต่อสู้ เป็นพวกเขาที่ไร้ประโยชน์ แต่หม่อมฉันต้องการต่อสู้ สักวันหนึ่งต้าเหลียงจะต้องแข็งแกร่ง เมื่อถึงเวลานั้น หม่อมฉันไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์จารึกว่าท่านอ๋องตกลงที่จะแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี และการแต่งงานลุล่วงไปได้ด้วยดีจนกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่บรรดาบุตรชาย
ตรงกันข้ามความมุ่งมั่นของท่านอ๋อง จะทำให้บุตรชายมีความมั่นใจมากขึ้นในวันข้างหน้า”
หนานกงเย่จูบฉีเฟยอวิ๋น:“เพียงแต่คืนนี้หลังจากยามสี่ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ข้าไม่อยากให้อวิ๋นอวิ๋นยุ่งกับเรื่องนี้อีก”
“หากสำเร็จแล้วยุ่งได้ หากไม่สำเร็จก็จะไม่ยุ่งอีก เป็นอย่างไรเพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นเอานิ้ววาดเป็นวงกลมบนหน้าอกของหนานกงเย่ จากนั้นก็ใช้สายตายั่วหนานกงเย่ นางจงใจที่จะยั่วหนานกงเย่
“ไปเถอะ” ในตอนนี้ตอนนี้หนานกงเย่รู้สึกสับสน เขาไม่ได้ดูถูกฉีเฟยอวิ๋น เป็นเขาที่ทำไม่สำเร็จและต้องให้ฉีเฟยอวิ๋นออกหน้าแทน จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ล้วนแต่สะท้อนถึงความไร้ความสามารถของเขา ดังนั้นเขาจะไม่ยอมพยักหน้า
แต่เขาเชื่อว่าไม่มีอะไรที่ผู้หญิงคนนี้ทำไม่ได้
ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังเดินไปที่เรือนจวินจื่อ และหนานกงเย่ก็วางมือลง
แม่ทัพฉีเพิ่งจะนอนลง แต่ยังนอนไม่หลับ เพิ่งจะถูกราชครูจวินโยนมาให้ ประกอบกับในช่วงสองวันที่ผ่านมา ปัญหาเรื่องการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี แม่ทัพฉีจึงจิตใจฟุ้งซ่าน
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู แม่ทัพฉีก็ลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้า
อวิ๋นจิ่นก็ออกมาเช่นกัน และเดินไปเปิดประตู
“นายท่าน” เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋น อวิ๋นจินก็รีบถอนสายบัว
“ท่านพ่อของข้าหลับแล้วหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นมองเข้าไปในห้อง ราชครูจวินมาแล้ว และแม่ทัพฉีก็ถูกปลุกให้ตื่น และแน่นอนว่าเขาคงจะนอนหลับไม่หลับ
แม่ทัพฉีได้ยินเสียงของบุตรสาวและเรียก:“อวิ๋นอวิ๋น?”
“ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน” ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปที่ประตูและหยุด
แม่ทัพฉีพาดเสื้อผ้าไว้บนไหล่ เขาเดินมาที่หน้าประตูและถามฉีเฟยอวิ๋น:“มีอะไรหรือ?”
“ท่านพ่อ ท่านอ๋องต้องการจะถวายฎีกาให้กับฝ่าบาท และปฏิเสธเรื่องการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ข้าจึงมาบอกท่านพ่อ และพรุ่งนี้เช้าให้ท่านพ่อไปช่วยเขา”
หลังจากที่พูดจบ ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่สนใจว่าแม่ทัพฉีจะเต็มใจหรือไม่ จากนั้นนางก็หันหลังจากไป
แม่ทัพฉียืนเลิกคิ้วอยู่ในห้อง เขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉีเฟยอวิ๋นก็หันกลับมาอีกครั้ง:“ท่านพ่อ พรุ่งนี้ท่านห้ามไม่ไปนะเจ้าคะ หากท่านไม่ไป ท่านก็จะไม่ได้พบหลาน ๆ อันเป็นที่รักอีก วันหน้าหากพวกเขารู้เรื่องแล้ว ข้าจะบอกเรื่องที่ท่านพ่อไม่ยอมช่วยกับพวกเขาให้ท่านพ่อไร้ผู้สืบทอดวิทยายุทธ์ และไม่ให้พวกเขาเรียนรู้จากท่านพ่อ”
แม่ทัพฉีหวาดกลัวและรีบกล่าว:“พ่อก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วย และเขาก็ไม่ได้ถามพ่อ”
“หากท่านพ่อต้องการจะช่วย ยังต้องถามอีกหรือเจ้าค่ะ?จริง ๆ เลย!” ฉีเฟยอวิ๋นเดินจากไปอย่างลำพองใจ
อวิ๋นจิ่นยืนอยู่ข้างหลังและกล่าวว่า:“น้อมส่งนายท่าน”
ฉีเฟยอวิ๋นจากไปและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากออกมาจากที่แม่ทัพฉีแล้ว นางก็เห็นหนานกงเย่ยืนอยู่ที่หน้าประตูของฮูหยินรอง ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินไปทักทายหนานกงเย่ที่นั่น จากนั้นก็ออกไปก่อน แล้วอาอวี่ก็เดินตามออกไป
หลังจากออกมาจากจวนอ๋องเย่แล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปที่จวนอ๋องตวนก่อน
ประตูของจวนอ๋องตวนปิดสนิทและหลับกันหมดแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงให้อาอวี่ไปเรียกที่หน้าประตู แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู
“พระชายา ไม่มีใครมาเปิดประตู และไม่มีคนสนใจเลยพ่ะย่ะค่ะ” อาอวี่ร้องเรียกเสียงดัง ไม่ใช่ว่าไม่มีใครอยู่ข้างใน แต่ได้ยินแล้วก็ไม่ยอมเปิดประตู
ฉีเฟยอวิ๋นลูบจิ้งจอกหางสั้นที่อยู่ในอ้อมแขน และนางก็รู้ว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น
“เจ้าจิ้งจอกน้อย เจ้าไป!”
เมื่อจิ้งจอกหางสั้นได้ยินมันก็หายไปในพริบตา
อ๋องตวนเพิ่งจะหลับไป มีคนมารายงานว่าถูกอ๋องตวนตำหนิ และบอกให้ลงไป
เป็นเพราะอวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกเหนื่อย ในเวลานี้นางจึงหลับลึกมาก
นางเพิ่งจะเป่าตะเกียงให้ดับ และได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่หน้าประตู อ๋องตวนลุกขึ้นนั่ง และห่มผ้าให้อวิ๋นหลัวฉวนดี ๆ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเตียง สวมเสื้อผ้าและถือดาบไปที่หน้าประตู
เมื่อเปิดประตูออก ลมก็พัดเข้ามา อ๋องตวนมองออกไปข้างนอก จิ้งจอกหางสั้นก็เข้ามาคลอเคลียขาของอ๋องตวนในทันที อ๋องตวนโบกมือให้ แล้วจิ้งจอกหางสั้นก็ขึ้นไปบนเตียงแล้ว อวิ๋นหลัวฉวนลุกขึ้นนั่งและจิ้งจอกหางสั้นก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของนาง
อวิ๋นหลัวฉวนมองไปที่จิ้งจอกหางสั้น จิ้งจอกหางสั้นคาบเสื้อซับในของอวิ๋นหลัวฉวน นางก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย และในขณะนี้นางก็สวมเสื้อซับสีแดง
อ๋องตวนจ้องมองไปที่ปากของจิ้งจอกหางสั้น สีหน้าของเขาทรุดลง:“ไอ้สารเลว ปล่อยนะ!”
อวิ๋นหลัวฉวนกอดจิ้งจอกหางสั้นไว้ และกังวลว่าอ๋องตวนจะฆ่าจิ้งจอกหางสั้น
อ๋องตวนถือดาบและยิ่งมองก็ยิ่งโกรธ:“นั่นเป็นของของข้า ข้าบอกให้เจ้าลงมา”
เนื่องจากอวิ๋นหลัวฉวนมีความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง ร่างกายจึงเริ่มเจริญเติบโตแล้ว เดิมที นางมีน้ำมีนวล ไม่ผอมบางเหมือนจวินฉูฉู่
แต่อ๋องตวนรู้สึกว่าอวิ๋นหลัวฉวนเป็นคนที่ดีทุกอย่าง แม้ว่าจะอวบไปหน่อย แต่เขาก็คิดว่ามันดี
อวิ๋นหลัวฉวนจะรู้ได้อย่างไรว่าทำไมอ๋องตวนถึงได้ดุร้ายเช่นนี้ นางกอดจิ้งจอกหางสั้นไว้แนบหน้าอกของนาง อ๋องตวนโกรธจัด:“ปล่อยมัน”
อวิ๋นหลัวฉวนรีบหดตัวเข้าไปข้างใน:“พระองค์อย่าเข้ามานะเพคะ หม่อมฉัน……”
นางเกือบจะเปิดเผยแล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่านางกำลังเกลียดชังอ๋องตวนอยู่ นางจะปล่อยวางได้อย่างไร
อวิ๋นหลัวฉวนซ่อนจิ้งจอกหางสั้นไว้ข้างหลัง และกล่าวอย่างเขินอายว่า:“ท่านอ๋อง พระองค์อย่าทำเช่นนี้เลยเพคะ”
อ๋องตวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ฉากและแววตาเช่นนี้ ทำให้เขาหายใจไม่สะดวก
อ๋องตวนเดินไปที่เตียงและกล่าวว่า:“นอกจากข้าแล้ว เจ้าห้ามกอดสิ่งอื่นใด จำเอาไว้”
อวิ๋นหลัวฉวนพยักหน้า:“หม่อมฉันจะจำไว้เพคะ”
อ๋องตวนจึงกล่าวว่า:“ปล่อยมันไปเถอะ ดึกมากแล้ว มีอะไรก็ค่อยพูดกันพรุ่งนี้”
อวิ๋นหลัวฉวนรีบสวมเสื้อผ้า และรู้ว่าจิ้งจอกหางสั้นมีเรื่องอะไรบางอย่าง
หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว อ๋องตวนก็ยื่นมือออกไป อวิ๋นหลัวฉวนหันกลับไปกอดอ๋องตวน แล้วเอาขาข้างหนึ่งเกี่ยวเอวของเขาไว้ หัวใจของอ๋องตวนเต้นตึกตัก และในเวลานี้ก็เผชิญหน้ากับความเร่าร้อนของอวิ๋นหลัวฉวน เขาจะตายอยู่แล้ว