องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 566 ภาษาสัตว์
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 564 ภาษาสัตว์
ฉีเฟยอวิ๋นสงบลงจากนั้นเดินไปตรงหน้าหาชายหนุ่มด้วยความกล้าหาญแล้วถามว่า: “ผู้กล้าให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่”
เฟิงอู๋ชิงส่งมือซ้ายให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่ข้อมือของเฟิงอู๋ชิงโดยมือหนึ่งอุ้มเจ้าห้าไว้และมือหนึ่งจับข้อมือของเฟิงอู๋ชิงเอาไว้แล้วเริ่มตรวจดูพร้อมตรวจร่างกายของเฟิงอู๋ชิง
เฟิงอู๋ชิงมองไปยังภูเขาห่างไกลอย่างเฉยชาโดยไร้ซึ่งความคาดหวัง เพียงแต่ว่าฉีเฟยอวิ๋นมองดู
ฉีเฟยอวิ๋นตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง: “อาการไอเป็นเวลานานไม่หายเป็นปอดได้รับบาดเจ็บแต่มองดูแข็งแรงราวกับว่าเกิดจากภาวะจิตใจ”
เฟิงอู๋ชิงชะงักครู่หนึ่งจากนั้นหันไปมองยังฉีเฟยอวิ๋นฉีเฟยอวิ๋นจึงคลายมือ อุ้มลูกถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วกล่าวว่า: “โรคของผู้กล้าก็เป็นโรควัณโรคเช่นกัน ไม่มีวิธีรักษาให้หายได้เพียงแต่เกรงว่าโรคนี้ผ่านมาเป็นเวลาหลายปีแล้วดังนั้นจึงเป็นการรักษาให้หายยากสักหน่อย
หากเป็นโรควัณโรคภายในหนึ่งปีสามารถรักษาให้หายไวขึ้นหน่อย แต่หากว่าเกินกว่าสามปีและสามปีที่ผ่านมาในทุกๆปลายฤดูใบไม้ร่วงอาการจะกำเริบซึ่งเป็นการยากที่จะรักษาได้แล้ว”
เฟิงอู๋ชิงมองดูฉีเฟยอวิ๋นอย่างละเอียดถี่ถ้วน แม้ว่านางจะไม่ได้แต่งหน้าแต่ก็ไม่ได้น่ารังเกียจ
ดูการแต่งกายราวกับคนธรรมดาทั่วไป
พาไปด้วยข้างกายก็ไม่ได้เป็นการป้องกันเขาลอบสังหารพระชายาเย่
“ไปด้วยกันเถอะ”
เมื่อหันหลังกลับเฟิงอู๋ชิงเดินไปยังด้านในของภูเขา ฉีเฟยอวิ๋นไม่เต็มใจและไม่ต้องการไปเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
หิมะปกคลุมทั่งทั้งภูเขาเข้าไปแล้วไม่สามารถออกมาได้ ตายอยู่ข้างในก็ไม่มีผู้ใดรู้
แต่กลับไม่กลัวคนตรงหน้าจะข่มเหงนาง เขามีหน้าตาเช่นนั้นยังจะต้องข่มเหงหรือ ไปที่ใดก็มีหญิงสาวหลายใจริเริ่มพุ่งสู่อ้อมอกไปหลับนอนด้วย
แต่หากว่านางไม่ไปซึ่งมองดูกระบี่อันล้ำค่าที่แหลมคมเล่มนั้นของเขา ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าคอนั้นเย็นเฉียบ
ภายใต้ความจนปัญญาโดยไม่มีความกล้าที่จะอุ้มลูกชายหนีไป ฉีเฟยอวิ๋นจึงทำได้เพียงเดินตามชายแปลกหน้าไปยังภูเขาที่ถูกหิมะปกคลุมทั่ว
ก็ไม่รู้ว่านานเพียงใด ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่านางเดินไม่ไหวแล้วและในที่สุดก็ได้หยุดลง
ในภูเขามีกระท่อมอยู่หลังหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นมองดูกระท่อมก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับฝังเข็มทั่วทั้งร่าง อากาศเช่นนี้ สถานๆที่แห่งนี้จะมีประโยชน์อันใด จะไม่ทำให้นางกับเจ้าห้าแข็งตายเหรอ
เฟิงอู๋ชิงหยุดอยู่ด้านหน้ากระท่อมและกล่าวว่า: “มีผู้ใดอยู่หรือไม่?”
ไม่มีผู้ใดในกระท่อมตอบกลับ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ถามผู้ใดกัน?
หิมะบนพื้นไม่มีร่องรอยได้รับความเสียหายเลย อย่าว่าแต่ร่องรอยของคนแม้กระทั่งรอยเท้าของสัตว์ก็ไม่มี
เฟิงอู๋ชิงรออยู่ตรงหน้าประตูครู่หนึ่ง ไม่มีใครตอบเฟิงอู๋ชิงผลักจึงผลักประตูไม้เข้าไป ฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะเดินตามเฟิงอู๋ชิงยนั้นมีสีหน้าหมองลง: “รอก่อน”
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดและใช้แรงอุ้มเจ้าห้าเอาไว้ ขนเย็นบนร่างกายฝืนกันลมและหิมะไว้ แต่นางก็กังวลว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าลูกชายก็ทนไม่ไหว
“เจ้าห้า แม่ไม่ดีเองทำให้เจ้าลำบากแล้ว เจ้าอย่าได้หนาวตายนะไม่งั้นพ่อเจ้าจะกระแทกศีรษะจนตาย!” เมื่อนึกถึงหนานกงเย่ฉีเฟยอวิ๋นก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เดิมทีนางอยากจะอาศัยยามค่ำคืนเพื่อไปที่คุกและคิดหาวิธีอุ้มเจ้าห้าไปพบหนานกงเย่ เพื่อเป็นการหลอกผู้คนอาอวี่ได้ส่งฉีเฟยอวิ๋นไปถึง ผู้ใดจะรู้ว่าอาอวี่ไปแล้วก็มีชายชุดแดงผู้หนึ่งมาและจับนางมาเป็นตัวประกัน
ขณะที่กำลังคิดเฟิงอู๋ชิงก็เดินออกมาจากในห้องและไอสองสามครั้งเนื่องจากอาการบาดเจ็บฉีเฟยอวิ๋นจึงได้เงยหน้าขึ้นมองไป
ชายผู้นั้นออกมาจากด้านในพร้อมปิดประตูแล้วเดินออกไป ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าคนผู้นี้ค่อนข้างแปลก มาที่นี่เพื่อต้องการหาผู้ใด แต่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีผู้ใดอยู่ก็ยังเข้าไปหา
คนก็เป็นเช่นนี้ มีเพียงสูญเสียเท่านั้นถึงจะหวงแหน แต่มีผู้คนเท่าใดที่ไม่ใช่มองย้อนกลับไปแล้วสายเกินไป!
เฟิงอู๋ชิงออกมาแล้วปิดประตูไม้ พร้อมพาฉีเฟยอวิ๋นไปด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นสีหน้าวิตกกังวล: “ผู้กล้า ลูกชายของข้าต้องการกินนม”
“เจ้าป้อนเถอะ” เฟิงอู๋ชิงไม่หยุดยั้งสตรีให้นมบุตร
ฉีเฟยอวิ๋นหน้าตาลำบากใจ: “ผู้กล้า ร่างกายข้าไม่แข็งแรงคลอดลูกแล้วก็ไม่มีน้ำนม ชายในครอบครัวข้าเตรียมวัวไว้ให้ข้าตัวหนึ่ง ลูกชายของข้าดื่มนมวัว”
เฟิงอู๋ชิงชำเลืองมองฉีเฟยอวิ๋นและถามด้วยความใจร้อน: “นมของเสือกินหรือไม่?”
ฉีเฟยอวิ๋นโมโหแทบตาย เอาเสือมาจากที่ใด?
แต่เวลาโกรธก็กล่าวด้วยน้ำโหว่า: “กินสิ เหตุใดถึงไม่กินหล่ะ?”
หันหลังกลับเฟิงอู๋ชิงเดินเข้าไปในภูเขาและบอกให้ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามเขา
“เป็นไปได้หรือว่าเจ้าจะจับเสือได้?” ฉีเฟยอวิ๋นกระซิบกระซาบ เฟิงอู๋ชิงเพิกเฉยฉีเฟยอวิ๋นรีบตามไป ท่ามกลางภูเขาหากว่าไม่เดินตามชายแปลกหน้า ตายอยู่ภายนอกก็ไม่รู้ว่าตายได้เช่นไร
ก็ไม่รู้ว่าเดินมานานเพียงใดเฟิงอู๋ชิงก็หยุดลง ฉีเฟยอวิ๋นยังไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดสิ่งใดขึ้นชายแปลกหน้าก็กระโดดออกไปแล้ว เมื่อฉีเฟยอวิ๋นมองเห็นชัดเจนเสือตัวใหญ่ตัวหนึ่งก็นอนหมดสติอยู่บนพื้นไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปอย่างระมัดระวังและเฟิงอู๋ชิงก็กล่าวว่า: “ให้เขากิน”
ฉีเฟยอวิ๋นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้ว่ามันจะไม่จริงเท่าใดแต่ก็รีบเดินเข้าไป
โชคดีที่ห่อหุ้มเจ้าห้าหนาแน่นมาก ฉีเฟยอวิ๋นก็นำของฆ่าเชื้อติดตัวมาด้วย
ฆ่าเชื้อแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็กล่าวว่า: “ข้าต้องการหาสถานที่หลบลม”
ฉีเฟยอวิ๋นราวกับว่าได้ลูกรักเช่นนั้น คิดว่าหากไม่กินนมเสือเช่นนั้นเป็นการเสียของนักและสูญเสียอันใหญ่หลวง
เฟิงอู๋ชิงปลดชุดหนังจิ้งจอกแดงบนตัวให้ฉีเฟยอวิ๋น: “วางลงบนพื้นแล้วคลุมให้เขาจะได้ไม่แข็งตาย”
ฉีเฟยอวิ๋นสัมผัสมันหนาดีนัก วางใจแล้วฉีเฟยอวิ๋นจึงนำเจ้าห้าใส่ไว้ในเสื้อคลุมแล้วให้เขากินนมเสือ
เริ่มแรกเจ้าห้าไม่กินแต่ดูเหมือนว่าจะหิวแล้ว จึงคว่ำอยู่ตรงนั้นกอดกินนมอยู่
กินไม่มากครู่หนึ่งก็กินอิ่มแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นจัดเก็บครู่หนึ่ง ลุกขึ้นและคืนเสื้อคลุมให้เฟิงอู๋ชิง เฟิงอู๋ชิงเหลือบมองอย่างเฉยเมยโดยที่ไม่ชอบสิ่งของที่ผู้อื่นใช้แล้ว: “เจ้าเก็บเอาไว้เถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นต้องการหาก็ไม่ได้และวุ่นอยู่กับการห่อตัวลูกชายของด้วยขนสุนัขจิ้งจอกเพื่อเตรียมที่จะพาเจ้าห้าหนีไปเช่นนี้
ก่อนจากไปเห็นชายแปลกหน้าเขวี้ยงดาบเพื่อฆ่าเสือฉีเฟยอวิ๋นจึงหยุดยั้งเขาทันที: “ผู้กล้าละเว้นมันเถอะนะ หากพวกเราออกจากที่นี่มันก็จะไม่เข้าไปยุ่งเช่นดังเดิม”
เฟิงอู๋ชิงมองดูฉีเฟยอวิ๋นและไม่ได้กล่าวสิ่งใด แต่จู่ๆเสือก็ตื่นขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าเสือนั้นลุกขึ้นกะทันหัน ตกใจกลัวจนหันไปมองเสือ เสือนั้นลุกขึ้นส่ายหัวไปมาแล้วมองไปทางฉีเฟยอวิ๋น คำรามเสียงหนึ่งทำให้ฉีเฟยอวิ๋นตกใจกลัวจนเนื้อตัวสั่น
เฟิงอู๋ชิงยืนอยู่ด้านหลังดึงฉีเฟยอวิ๋นหนึ่งที เสือพุ่งมาด้านหน้าเฟิงอู๋ชิงเหวี่ยงดาบของเขาไปฆ่า ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นจึงไม่ได้อุ้มเจ้าห้า เจ้าห้าจึงได้ตกลง ขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นตะโกนเจ้าเสือก็คาบเจ้าห้าวิ่งหนีไป
ฉีเฟยอวิ๋นรีบวิ่งตามไปอย่างใกล้ชิด เจ้าเสือนั้นเข้าไปในถ้ำเสือรวดเร็วในพริบตา
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจและตามติดมุดเข้าไป
เฟิงอู๋ชิงเหลือบมองอยู่ตรงหน้าถ้ำแล้วหันหลังจากไป
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในถ้ำเสือและตะโกนอยู่ตลอด: “เจ้าจะกินก็กินข้า ห้ามเจ้ากินลูกชายของข้าไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”
ฉีเฟยอวิ๋นในเวลานี้กำลังจะคลุ้มคลั่ง นางรู้สึกเสียใจซะแล้ว
แต่เมื่อนางวิ่งเข้าไปถึงด้านใน มีดวงตาเสมือนหลอดไฟคู่หนึ่งท่ามกลางความมืดพร้อมประกายสีเขียวมองมายังนาง
ฉีเฟยอวิ๋นตะโกน: “เจ้าห้า”
เจ้าห้าไม่ตอบ ฉีเฟยอวิ๋นหยิบคบไฟออกมาแล้วเปิดดูภายในถ้ำ ในถ้ำมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ เจ้าห้าอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่นั้นและกำลังมองมาทางนาง
เสือตัวใหญ่หมอบอยู่ฝั่งหนึ่งและกำลังเลียเจ้าเสือน้อยตัวหนึ่งอยู่ ดูเหมือนเจ้าเสือน้อยเพิ่งเกิดได้ไม่นานมีความยาวเพียงสามสิบเซนติเมตรเศษเท่านั้น และกำลังนอนกินนมอยู่บนท้องเสือ
เสืออ้าปากและคำรามสองครั้ง ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึง: “เจ้าบอกว่าเจ้าห้าเป็นนายท่านของเจ้าหรือ?”
ใบหน้าที่ดุร้ายของเสือนั้นดูน่ารักขึ้นมากแล้วก้มหัวลงเลียเจ้าเสือน้อย
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าเจ้าห้าอยู่ที่นั่นโดยไม่เป็นอะไรจึงเข้าใกล้อย่างระมัดระวังไปถึงตรงหน้าเจ้าห้าซึ่งเสือยังคงให้อาหารลูกนางเองอยู่
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เช่นนั้นข้าไปก่อน” ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่กล้าอยู่ต่อ เสือไม่ใช่อีกา หากว่าเกิดเปลี่ยนใจจะลำบาก
แต่เดิมนางคิดว่าเพียงแค่สามารถเข้าใจภาษานกเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเข้าใจภาษาสัตว์สี่เท้าด้วย