องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 579 อู๋กั่วที่ถูกชื่อเหนี่ยวรั้งเอาไว้
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 579 อู๋กั่วที่ถูกชื่อเหนี่ยวรั้งเอาไว้
“ไม่เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ต่างก็พูดกันเช่นนั้น แต่ก็มีคนพูดว่าวิธีการของพระชายาเย่นั้นลึกล้ำ ตั้งแต่นั่งในตำแหน่งพระชายาเย่มาก็เข้าใจอะไรมากขึ้น น้อยครั้งนักที่จะทำเรื่องไม่ดีขึ้น และยังเรียนรู้วิธีทางการแพทย์กับหมอโจวในจวนท่านอ๋องเย่ เพื่อให้ได้ใจของท่านอ๋องเย่จึงได้เริ่มทำการรักษาช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยและช่วยเหลือประชาชน”
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” เฟิงอู๋ชิงดูไม่ออกเลยสักนิดว่าหญิงสาวน่ารังเกียจคนนั้นมีอะไรที่ทำให้หนานกงเย่น่าพิศวาสตรงไหน
แต่กลับเป็นหนานกงเย่ที่เอาอกเอาใจนาง ราวกับแยกจากกันไม่ได้
“นายท่าน! ข้าต้องการไปถามอาอวี่ดูเสียหน่อยเพื่อสืบถามเรื่องนี้ ท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” เมื่อพูดถึงเรื่องการแต่งงานขึ้นมา นางก็หน้าแดงขึ้นมาทันที!
เฟิงอู๋ชิงรู้สึกคุ้นชินกับเรื่องเช่นนี้แล้ว ทุกครั้งที่มีเป้าหมายอู๋กั่วก็มักตื่นเต้นเช่นนี้เหมือนกับจะได้แต่งงานในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ แต่กลับไม่รู้เลยว่าคนอื่นเขาไม่ต้องการนาง!
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถอะ พูดดีๆ ล่ะ อย่าใช้กำลัง”
“รู้แล้ว ข้าจะลงมือใช้กำลังได้อย่างไร?” อู๋กั่วหันหลังเดินออกไปและลืมเรื่องที่เคยทำร้ายหมอผีจนบาดเจ็บปางตายไปเมื่อครั้งก่อนเพราะถูกหมอผีปฏิเสธ
เฟิงอู๋ชิงไม่ได้สนใจนาง อู๋กั่วปิดประตูลงและเดินไป
คืนนี้อาอวี่ไม่ได้เข้าเวรยามจึงได้นัดตงเอ๋อร์ออกไปข้างนอก
ได้ยินมาว่าในเมืองหลวงมีโรงละครเปิดขึ้นใหม่ ตงเอ๋อร์ถามอาอวี่ว่าไปหรือไม่ อันที่จริงอาอวี่ไม่อยากไป แต่นึกไปแล้วก็ไม่เคยดูการร้องรำละครเลย จึงได้ตามไปดูด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นไล่อาอวี่ออกไป อาอวี่จึงไปรอตงเอ๋อร์ที่หน้าประตู
อาอวี่เพิ่งจะออกมาจากเรือนสวนดอกกล้วยไม้ก็เห็นอู๋กั่วเดินออกมาจากเรือนจวินจื่อ ตอนแรกอาอวี่คิดว่าไปหาพระชายาเย่และท่านอ๋องเย่จึงไม่สนใจและเดินไปก่อน
แต่เมื่ออาอวี่ออกจากประตูมาก็พบว่า อู๋กั่วยังตามเขามาอยู่
ตงเอ๋อร์แต่งกายในชุดผู้ชายเดินมาจากไม่ไกลนัก เมื่ออาวี่เห็นตงเอ๋อร์ก็เตรียมที่จะเดินเข้าไปหา
ช่วงนี้ตงเอ๋อร์มักเป็นเช่นนี้ ออกมาตอนกลางคืนมักจะแต่งงานเป็นผู้ชาย นางกลัวว่าจะมีเรื่องที่สะดวก บางครั้งก็ไปดื่มเหล้ากับอาอวี่และมักถูกคนอื่นดูถูก ราวกับเป็นผู้หญิงไม่สามารถดื่มเหล้าได้
เพื่อความสะดวกตงเอ๋อร์จึงต้องแต่งกายเป็นผู้ชายออกมา
“อวิ๋นตง……”
ตงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่านางเป็นผู้หญิง ดังนั้นจึงให้อาอวี่เรียกนางว่าอวิ๋นตง และห้ามเรียกว่าตงเอ๋อร์
ตงเอ๋อร์เดินมาตรงหน้าของอาอวี่และกำลังจะเริ่มพูด แต่เมื่อเห็นอู๋กั่วที่เดินตามอาอวี่มาข้างหลังจึงได้จ้องไปที่อู๋กั่วและถอนหายใจออกมา “หญิงสาวที่สวยเหลือเกิน!”
อาอวี่จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา “สายตาของเจ้าเป็นอะไรไป เห็นว่านางสวยงามได้อย่างไร?”
ตงเอ๋อร์พูดอย่างเรียบๆ “สายตาของเจ้าต่างหากที่มีปัญหา หญิงสาวที่สวยงามเช่นนี้เจ้ากลับมองไม่เห็น?”
อาอวี่หันหลังไปและจงใจจ้องมองอู๋กั่ว และไม่เห็นว่าจะสวยงามมากตรงไหน แต่รู้สึกรังเกียจ!
อู๋กั่วถูกชมจึงรู้สึกมั่นใจในตัวเองขึ้นมา และเดินไปคารวะที่หน้าตงเอ๋อร์ “อู๋กั่วขอบใจท่านชายที่พูดชื่นชมเจ้าค่ะ”
“เจ้าชื่ออู๋กั่วหรือ?” ตงเอ๋อร์รู้สึกแปลกใจ ชื่อนี้ช่างแปลกเหลือเกิน
“ใช่เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นชื่อของเจ้าก็ช่างแปลกมาก อู๋กั่วเหมือนกับความหมายว่าไร้จุดจบ ชื่อนี้ไม่ดี ทำไมพ่อแม่ของเจ้าไม่คิดถึงเจ้าบ้างเลยนะ เจ้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เรื่องอะไรก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายมีจุดจบได้เช่นนี้คงแย่ หากเจ้าไม่ได้แต่งงานจะทำอย่างไรล่ะ?”
ตงเอ๋อร์เพียงแค่พูดไปตามที่รู้สึก ไม่คิดเลยว่าใบหน้าของอู๋กั่วจะซีดเซียวลง
อู๋กั่วทำสีหน้าตกตะลึง “ท่านพูดว่าอะไรนะ?”
ตงเอ๋อร์ถาม “เจ้าเป็นลูกของอนุภรรยาใช่หรือไม่?”
“……ข้าไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก ถูกท่านอาจารย์เก็บมาเลี้ยงดู หลังจากนั้นจึงส่งให้นายท่าน นายท่านตั้งชื่อให้ข้าว่าอู๋กั่ว”
อู๋กั่วร้องไห้ออกมาและตอนนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าชื่อนี้มีปัญหา
ตงเอ๋อร์รู้สึกเป็นกังวลและรู้สึกว่าตัวเองพูดผิดไป นางมองดูอู๋กั่วด้วยความสงสาร “เจ้าอย่าฟังที่ข้าพูดไปเลย ข้าก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”
อู๋กั่วกลับไม่เชื่อ “ข้าขอตัวกลับก่อนท่านชายทั้งสอง!”
อู๋กั่วหันหลังเดินกลับออกไป ตงเอ๋อร์ตกใจไม่น้อยและรีบดึงอาอวี่ “อาอวี่ จะเกิดอะไรขึ้นกับนางหรือไม่ ข้าเห็นว่านางออกมาจากจวนท่านอ๋องเย่ของพวกเจ้า หรือว่าเจ้าจะเข้าไปดูนางหน่อยดีหรือไม่?”
“อย่าไปสนใจนางเลย เราไปโรงละครกันเถอะ” อาอวี่เดินไปอย่างไม่สนใจเรื่องของอู๋กั่ว ตงเอ๋อร์เดินตามมาข้างหลัง
ไม่นานอู๋กั่วก็กลับมาถึงหน้าประตูห้องของเฟิงอู๋ชิง เฟิงอู๋ชิงกำลังจะพักผ่อนแล้ว เมื่อได้ยินเสียงจากหน้าประตูก็นึกว่าเป็นหมอผีกังวลใจจึงเข้ามาหา
“ใครน่ะ?” เฟิงอู๋ชิงถาม และทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก
อู๋กั่วผลักประตูเข้ามาเสียงดังทำให้เฟิงอู๋ชิงตกใจ
เฟิงอู๋ชิงลุกขึ้นนั่งลงและนึกขึ้นได้ว่าอู๋กั่วถูกปฏิเสธอีกแล้ว เฟิงอู๋ชิงมองออกไปที่หน้าประตูด้วยสายตาที่เย็นชา!
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?”
อู๋กั่วจ้องมองเฟิงอู๋ชิงอย่างโกรธเคือง เฟิงอู๋ชิงไม่พูดอะไร “เขาไม่ตกลงก็ไม่ตกลง กลัวว่าจะไม่ได้แต่งงานอีกหรือ?”
อู๋กั่วกล่าวด้วยความโกรธเคือง “ทั้งหมดก็เป็นเพราะท่านไม่ใช่หรือ?”
“ข้าทำอะไรหรือ?” เฟิงอู๋ชิงต้องการจะนอนหลับพักผ่อนและเตรียมตัวที่จะนอนลง “ออกไปเสียเถอะ ข้าจะพักผ่อน”
อู๋กั่วรีบเดินเข้าไปหาเฟิงอู๋ชิง “ข้าถามท่าน เจ้าวางแผนอะไรไว้ ทำไมท่านถึงตั้งชื่อนี้ให้กับข้า”
อู๋กั่วเกือบจะร้องไห้ออกมา
เฟิงอู๋ชิงนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น “ข้าลืมไปแล้ว ตั้งขึ้นมาอย่างไม่คิดอะไร”
“ไม่คิดอะไรได้อย่างไร ท่านควรจะตั้งชื่อว่าโหยวกั่ว” อู๋กั่วตะโกนด้วยความโกรธเคืองทำให้คนในเรือนจวินจื่อต่างพากันตื่นขึ้น
แม่เฒ่าโฮ่วก็ตื่นขึ้น พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักจึงได้เดินเข้าไปดู และมองเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทะเลาะกับผู้ชายที่นั่งอยู่บนเตียง แม่เฒ่าโฮ่วคิดว่าสามีภรรยากำลังทะเลาะกัน เพราะทั้งสองคนก็ดูเหมาะสมกัน จากนั้นจึงปิดประตูและพาโฮ่วเซิงกลับไปพักผ่อน
อู๋กั่วทั้งร้องไห้และโวยวายบอกว่าชื่อของนางไม่ดี เฟิงอู๋ชิงโมโหจนแทบอยากจะฆ่าคน
ร่างกายของเขาไม่ดีนัก ขณะนี้พายุหิมะก็เข้ามาที่ประตู เขาเกือบจะแข็งตาย เขาจะไม่โมโหได้อย่างไร?
“เจ้าไสหัวไปเดี๋ยวนี้นะ!”
เฟิงอู๋ชิงตะโกนออกมา จากนั้นอู๋กั่วจึงเงียบลง
แต่การตะโกนของเฟิงอู๋ชิงนั้นก็ทำให้หมอผีอู๋หมิงที่อยู่ห้องข้างๆ ตะโกนออกมา
ทั้งสองรีบเข้าไปดู นึกว่าเกิดเรื่องที่น่าสยดสยองขึ้น เฟิงอู๋ชิงยกมือขึ้นและปิดประตูลง ทั้งสามยืนตกใจอยู่ภายในห้องแทบไม่กล้าหายใจออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะหลับไปไม่นานก็ได้ยินเสียงจากเรือนจวินจื่อทางนั้นและต้องการจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกหนานกงเย่โอบกอดไว้ในอ้อมแขน “ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องไปสนใจ!”
เตียงนอนที่อบอุ่น ไม่มีใครยอมลุกขึ้นจากตรงนั้น ฉีเฟยอวิ๋นหดตัวลงอีกครั้ง “หวังว่าเจ้าห้าและคนอื่นๆ จะไม่มีอะไร”
แม่ทัพฉีลุกขึ้นมาและดูว่าเกิดอะไรขึ้นภายในเรือน อวิ๋นจิ่นเดินออกจากประตูตามหลังไป จากนั้นจึงนำเสื้อคลุมไปคลุมให้และกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพระมัดระวังด้วยนะเจ้าคะ!”
“กลับไปดูเด็กๆ!”
แม่ทัพฉีกล่าวด้วยเสียงเรียบ เขายืนมองไปรอบๆ มีเพียงแค่เฟิงอู๋ชิงทางนั้นที่ยังคงมีแสงสว่างของดวงไฟ
และแม่เฒ่าโฮ่วที่อยู่ห้องอื่นเมื่อเห็นว่าแม่ทัพฉีออกมาจึงได้เดินออกมาพบแม่ทัพฉี “ท่านแม่ทัพ”
“แม่เฒ่าโฮ่วยังไม่นอนหลับพักผ่อนอีกหรือ?” แม่ทัพฉีพูดจาอ่อนน้อมกับผู้อาวุโสอย่างมาก
แม่เฒ่าโฮ่วกล่าวว่า “ยังเลยเจ้าค่ะ เสียงตะโกนเมื่อสักครู่มาจากห้องที่อยู่ตรงข้ามทางนั้น ผู้หญิงคนนั้นและผู้ชายในห้องทะเลาะเบาะแว้งกัน คนอื่นที่อยู่ห้องข้างๆ จึงพากันออกมาดู ตอนนี้ภายในห้องมีคนอยู่สี่คนเจ้าค่ะ”
แม่ทัพฉีมองไปที่แม่เฒ่าโฮ่ว “ขอบใจแม่เฒ่าโฮ่วมากที่รายงาน ไปพักผ่อน!”
จากนั้นแม่เฒ่าโฮ่วจึงหันหลังกลับ แม่ทัพฉีอดไม่ได้ที่จะทายขึ้นมา แม่เฒ่าโฮ่วคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
ในขณะนี้ สวีกงกงเดินออกมาจากภายในห้อง ฉีเฟยอวิ๋นต้องการให้สวีกงกงสามารถพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บจึงได้จัดคนคอยดูแล การใช้ชีวิตของสวีกงกงในจวนท่านอ๋องเย่นั้น ราวกับเป็นเจ้านายอย่างแยกไม่ออก
แต่ตอนกลางคืนสวีกงกงมักไม่ได้นอนพักผ่อนนานนัก เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่เขาก็รู้ทั้งหมด จึงออกมาพบแม่ทัพฉี
หลังจากนั้น ราชครูจวินและหวังฮวายอันต่างก็เดินออกมา ทั้งสี่คนออกมาพบเจอกันและต่างก็ทักทายซึ่งกันและกัน!