องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 580 หญิงอัปลักษณ์โชคดีเสียจริง
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 578 หญิงอัปลักษณ์โชคดีเสียจริง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถามว่า“ตั้งกี่สิบล้านตำลึงจีนยังไม่พอสู้รบหรือ?”
“กี่สิบล้านตำลึงจีนเพียงแค่ดีดนิ้วก็หายไปแล้ว เสบียงอาหาร ยา เสื้อผ้า ทุกพื้นที่ทุกอย่างล้วนเป็นตั๋วเงิน เสบียงอาหารที่ส่งไปทุกวันเป็นเพียงข้าวและหมี่กับหมั่นโถว เช่นนั้นแล้วผักล่ะ?
เหล่ากองกำลังทหารทำการต่อสู้รบอยู่ด้านนอก ทุกวันต้องการกินเนื้อ ไม่มีเนื้อ พวกเขาไม่สามารถต่อสู้ได้ แล้วก็ไร้กำลังวังชาด้วย
เวลานี้เหล่ากองกำลังทหารทำการสู้รบ ทุกคนทุกเดือนได้สามพันกว่าตำลึงจีน กองกำลังทหารใหญ่ยี่สิบกว่าล้านคนทุกเดือนต้องการเป็นร้อยล้านตำลึงจีน
ไม่นับเสบียงอาหาร เสื้อผ้าของพวกเขา ทุกเดือนต้องการสองชุด มากไปกว่านั้น ตอนที่ไม่มีการสู้รบไม่ได้มีการสิ้นเปลืองเรื่องเสบียงอาหารเสื้อผ้าของพวกเขา ตอนที่มีการสู้รบของกินของใช้ในกิจวัตรประจำวันของพวกเขานั้นต้องส่งไป ทุกวันพวกเขาต้องกินเนื้อ ของใช้ในชีวิตประจำวันต้องสามพันตำลึงจีนเชียว
พอคิดมาแล้วเป็นตั๋วเงินจีนเท่าไหร่หรือ?
เดิมการสู้รบเป็นการรบกวนอาณาประชาราษฎร์สิ้นเปลืองกองคลัง หากว่ามีอาณาประชาราษฎร์ประคับประคอง นับว่าเป็นการดี ต่อให้เป็นการบริจาคก็นับว่าพอกับการสู้รบ
แต่ตอนนี้อาณาประชาราษฎร์ไม่ได้อยากจะสู้รบ เจ้าสู้รบแล้ว อาณาประชาราษฎร์จะเป็นอย่างไร?
ไม่มีการสนับสนุนประคับประคอง ก็จะเป็นการพึ่งพาขุนนางเสนาบดีคดโกง เช่นนั้นไม่ใช่การตลกขบขันจนฟันร่วงหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นอึมครึมไม่พูดไม่จา ท่านพ่อของเธอเก่งมาก!
หนานกงเย่กล่าวว่า“ลูกเขยมีวิธีการ อีกทั้งยังสามารถทำให้การสู้รบสู้เสร็จอย่างรวดเร็วด้วย”
ท่านแม่ทัพฉีคิดอยู่สักพักถึงได้กล่าวว่า“เจ้าต้องสู้ชนะ จะต้องคิดหาวิธีจับกุมตัวแม่ทัพซานเต๋อ”
“………”
ฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่สบตากัน แม่ทัพฉีกล่าวว่า“จับกุมตัวยังไม่สามารถสังหารได้”
“ท่านพ่อตามีความคิดเห็นอย่างไร?”
“ซานเต๋อเป็นแม่ทัพใหญ่ของเมืองอู๋โยว ท่านพ่อของเขา ท่านปู่ของเขาล้วนเป็นแม่ทัพใหญ่ ครอบครัวของเขาเป็นแม่ทัพใหญ่รุ่นสู่รุ่น ท่านย่าของเขาเคยเป็นองค์หญิงของเมืองอู๋โยว แต่พอมาถึงเขา เขาไม่ได้รับความโปรดปรานแล้ว จวิ้นจู่ของเมืองอู๋โยวรู้สึกว่าซานเต๋อการสั่งสอนไม่ดี หยาบคายจนเกินไป มีหลายครั้งที่จะเปลี่ยนเขาจากแม่ทัพใหญ่ เขาไม่พึงพอใจอย่างมาก
เขามีน้องชาย และยังมีน้องเขย ทั้งสองคนนี้อยู่ในราชสำนักของอู๋โยวค่อนข้างมีอิทธิพล ถึงได้รักษาตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของเขาไว้ได้
แน่นอนว่าเขาชอบการต่อสู้ แม่ทัพไม่ทำการสู้รบก็คือไม่ได้ใช้วิชา เมืองอู๋โยวกับต้าเหลียงของข้าพักผ่อนการสู้รบมานานหลายปี เขาที่เป็นแม่ทัพใหญ่ ถูกคนดูถูกคงไม่ง่ายที่จะรับได้สินะ
ต่อสู้ขึ้นมา เขาก็ไม่น่าเกรงขามแล้ว ขุนนางมีความดีความชอบมากย่อมได้รับความสงสัย!”
“ท่านพ่อ เช่นนั้นพวกเราจับเขามา ข่มขู่ครอบครัวของเขาหรือเจ้าคะ?”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถามด้วยความแปลกใจ น่าจะเป็นการไม่เหมาะสม
ถึงอย่างไรท่านแม่ทัพซานเต๋อก็คือแม่ทัพ เอาเขามาเพื่อประนีประนอมครอบครัวเขาได้ที่ไหนกัน?
“อวิ๋นอวิ๋น คนที่เคยเป็นแม่ทัพไม่ได้เกรงกลัวต่อความตายหรอก ข่มขู่เขานะหรือไม่ได้ประโยชน์หรอก หากมีคนอยู่ที่สามเหล่าทัพเอาอวิ๋นอวิ๋นมาบังคับข่มขู่พ่อ พ่อจะไม่เป็นแม่ทัพแล้วเอาคนอื่นไปต่อสู้ พ่อจะตายร่วมกับเจ้า ไม่มีทางเอาทั้งต้าเหลียงพ่วงเข้าไปด้วย!”
“เช่นนั้นความหมายของท่านพ่อคือ?”ฉีเฟยอวิ๋นย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ
หนานกงเย่เข้าใจ กล่าวว่า“ความหมายของท่านพ่อคือจับแม่ทัพซานเต๋อมา เพื่อเอาเขามาข่มขู่น้องชายและน้องเขยของเขา!”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวเสียงดังทันทีว่า“เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
ใช้เธอมาข่มขู่สามเหล่าทัพไม่ได้ แต่สามารถใช้ซานเต๋อมาบังคับสามเหล่าทัพและครอบครัวของเขาได้
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มแล้วกล่าวว่า“ท่านพ่อ เก่งมากเจ้าค่ะ!”
“เก่งไม่เก่งอะไรกัน พ่อได้ยินคนพูดมาเวลาดึกแล้ว พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด พ่อก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน”ท่านแม่ทัพฉีไล่คนกลับ ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มลูกชายคนเล็กขึ้นแล้วจูบดอมดม จะพากลับเรือน ท่านแม่ทัพฉีเลยรีบรั้งไว้
“วางลงเถิด ผ่านไปอีกไม่กี่วันต้องไปชายแดน พวกเจ้าสองสามีภรรยาพูดคุยกันดีๆ เอาเจ้าห้าไปพูดอะไรหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นหน้าแดงก่ำ เหตุใดท่านพ่อของเธอถึงได้ยุ่งใส่ใจไปเสียทุกเรื่อง?
ฉีเฟยอวิ๋นกำลังคิดที่จะกลับไป อวิ๋นจิ่นอุ้มเจ้าห้าไป และกล่าวว่า“นายท่าน รีบพักผ่อนเถิดเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นฝากฝังเรื่องลูก แล้วเดินตามหนานกงเย่ออกไป
พอกลับมาถึงสวนดอกกล้วยไม้ หนานกงเย่อุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้นเตียง
ทั้งสองคนพลอดรักกัน แล้วไปชะล้างที่สระกำมะถัน หนานกงเย่ขึ้นเตียง จากนั้นกล่าวว่า“ในเมื่อท่านพ่อชี้ทางอย่างชัดเจน เช่นนั้นก็ไม่เอาจวินโม่ซ่างแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้ามองกล่าวว่า“เช่นนั้นท่านอ๋องจะไปผู้เดียวหรือเพคะ?”
“ข้าออกไปข้างนอกตั้งแต่เด็กแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ท่องเที่ยวรอบเมือง แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องราวของการสู้รบข้าต้องไปอยู่ไม่กี่วัน เพียงแค่ไม่มีผู้ใดรู้เท่านั้นเอง”
“เช่นนั้นก็ไปเถิด วันพรุ่งข้าจะเตรียมยาให้ท่านอ๋องพกคิดตัวไว้ป้องกันตนเองด้วย เพียงแค่ท่านอ๋องรู้จักใช้สอยก็สามารถควบคุมศัตรูได้แล้วเพคะ”
หนานกงเย่ดึงผ้าห่มแล้วกล่าวว่า“นอนเถิด วันพรุ่งนี้เจ้าหอผู้นั้นน่าจะต้องการเจอพวกเราแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างตลกขบขันว่า“เหตุใดท่านอ๋องถึงรู้ว่าวันพรุ่งเขาต้องการเจอพวกเราเพคะ?”
“…..วันนี้พวกเขาไม่ยอมเจอพวกเรา เขามีหน้าออกมาเจอคนไม่ได้เท่านั้นเอง อวิ๋นอวิ๋นคิดว่าเขาเล่นเนื้อเล่นตัวจริงๆนะหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เคยคิดเลย จนหนานกงเย่พูดแบบนี้ เหมือนจะเป็นเรื่องจริงนะ
เรือนจวินจื่อเฟิงอู๋งชิง
“ท่าน ท่านรู้สึกว่าองครักษ์อาอวี่ผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”อู๋กั่วเป็นบุคคลที่ใจร้อนวู่วาม นางอายุสิบแปดแล้ว ส่วนวันนี้ยังหาเรือนสามีไม่ได้เลย นางรู้สึกว่าอายุของนางทำให้ล่าช้าแล้ว
เมื่ออดีตตอนที่เป็นวัยสาวก็มีแม่สื่อแม่ชักมาสู่ขอ น่าเสียดายตอนนั้นหยิ่งผยอง รู้สึกว่าคนธรรมดาทั่วไปไม่คู่ควร เลยได้ทำการปฏิเสธไป
หลังจากนั้นอายุยิ่งมากขึ้นเรื่อย ความรับผิดชอบของนางก็มากขึ้นด้วย ไปๆมาๆอายุก็เยอะ เลยไม่มีแม่สื่อแม่ชักมาเสียแล้ว
อู๋กั่วก็ไม่พบเฉินเหล่าเอ้อร์เมื่อปีที่แล้วที่ออกไปทำภารกิจแล้วไม่กลับมา เขาตายอยู่ด้านนอก ฮูหยินของเฉินเหล่าเอ้อร์ดูแลลูกอยู่ที่เรือนสองคน นางมีแม่สื่อแม่ชักมาสู่ขอ เฉินเหล่าเอ้อร์ตายได้ไม่ถึงครึ่งปี ฮูหยินของเฉินเหล่าเอ้อร์ก็แต่งแล้วแต่งอีก
ฮูหยินของเฉินเหล่าเอ้อร์อายุสามสิบสองแล้ว ได้แต่งงานเป็นรูปเป็นร่าง
แต่กลับกันนางยังไม่มีคนมาเลย นางกลัวว่าลืมแล้ว ก็ตอนเมื่อปีที่แล้ว มีคนรูปหล่อเหลามาสู่ขอนาง เพราะว่าชายรูปหล่อผู้นั้นแอบมองสาวสวยอยู่บนถนนแอบมองสาว อู๋กั่วโมโหตีชายผู้นั้นจนพิกลพิการ ตอนนี้เห็นอู๋กั่วยังตัวสั่นอยู่เลย
ตั้งแต่หลังจากเกิดเรื่องนั้น คนต่างคิดว่ามาสู่ขออู๋กั่วล้วนต้องสูญเสียชีวิต เลยไม่กล้าที่จะก้าวเข้าใกล้แล้ว
อู๋กั่วกลายเป็นแม่เสืออย่างแท้จริง ทุกคนต่างหลบหลีก!
เฟิงอู๋ชิงหลุบตาขึ้นมองอู๋กั่วเรื่องที่เขาไม่ได้รู้สึกดีด้วย คนนอกรู้สึกว่ามันดีนั่นก็ไร้ประโยชน์ พูดถึงอาอวี่ แน่นอนว่าเฟิงอู๋ชิงเข้าใจความหมายของอู๋กั่ว ถึงได้กล่าวว่า“เจ้าก็อายุไม่น้อยแล้ว อุปกรณ์การแต่งงานได้จัดเตรียมให้มาหลายปีแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้มีโอกาสใช้งาน หากเก็บไว้ต่อไป ข้าเกรงว่าอุปกรณ์การแต่งงานของเจ้าจะขึ้นราแน่”
อู๋กั่วรีบกล่าวว่า“ใกล้แล้ว ใกล้แล้วล่ะ! ข้าเห็นว่าอาอวี่ผู้นี้ไม่เลวเลย มีลักษณะนิสัยดี มีฐานะทางสังคม เขาเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยในจวนท่านอ๋องเย่ และยังมีความเคร่งขรึมน่าเกรงขามมากกว่าบุคคลอื่น ข้ารู้สึกว่าเหมาะสม ข้าอยากจะไปถาม จวนอ๋องเย่บอกว่ายังไม่ได้แต่งงาน ….ไม่ใช่ อย่างนี้ก็คือยังไม่ได้แต่งงาน และยังไม่มีคนรัก อีกทั้งอายุสิบแปดสิบเก้าปี ข้าสิบแปด พวกข้าอายุไม่น้อยแล้ว ข้ารีบ เขาก็ต้องรีบอย่างแน่นอน”
“ใช่หรือ?อู๋ฮัวกล่าวหรือ?”พอนึกถึงหญิงผู้นั้น เฟิงอู๋ชิงรู้สึกเจ็บจี๊ด ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่บุคคลที่ก่อเกิดความหายนะที่ธรรมดา!
“อู๋ฮัวกล่าว”อู๋กั่วเกรงว่าอาอวี่จะกลายเป็นของคนอื่น เลยรีบกล่าวกับเฟิงอู๋ชิง
เฟิงอู๋ชิงกล่าวตักเตือนว่า“อู๋ฮัวไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป นางเป็นลักษณะเช่นนั้น สามารถกลายเป็นพระชายาเย่ได้ นับว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถมาก เจ้าต้องเรียนรู้กับนาง และก็ต้องระมัดระวังไว้ด้วย อย่าถูกนางหลอกซื้อแล้วไม่รู้ตัวล่ะ”
อู๋กั่วรีบกล่าวว่า“ไม่มีทางหรอก นางแค่ฉลาดเพียงเล็กน้อย ข้าเคยสอบถามแล้ว ที่ได้แต่งงานกับท่านอ๋องเย่ เป็นเพราะนางเป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพฉี บวกกับนางร่ำไห้โวยวายจะผูกคอตาย แม้ตายก็อยากจะแต่งงานกับท่านอ๋อง ไม่อย่างนั้นนางก็ไม่มีโอกาสแล้ว”
“ใช่หรือ?”เฟิงอู๋ชิงกระตุกริมฝีปากขึ้น โชคของหญิงอัปลักษณ์นั่นดีเสียจริง คิดไม่ถึงว่าจะพานพบท่านพ่อที่เป็นแม่ทัพใหญ่อย่างฉีจือซาน หากนางไม่มีพ่อผู้นั้น นางก็ไม่มีผู้ใดต้องการแล้ว!