องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 590 สามพี่น้องเป็นเช่นนี้นี่เอง
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 588 สามพี่น้องเป็นเช่นนี้นี่เอง
อ๋องตวนเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นและกล่าวว่า:“การยืมเงินไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เงินในสำนักการเงินของเราดอกเบี้ยต่ำ ตามดอกเบี้ยปัจจุบัน เงินหนึ่งพันตำลึงคิดเป็นดอกเบี้ยหนึ่งตำลึงต่อวัน เงินห้าล้านตำลึงก็ดอกเบี้ยห้าพันตำลึงต่อวัน หากหนึ่งเดือนจะเป็นเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง แต่หากเป็นหนึ่งปีก็จะเป็นหนึ่งล้านแปดแสนตำลึง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเจ้าหอเฟิงยืมเงินห้าล้านตำลึง เช่นนั้นปีหน้าก็จะต้องคืนเงินหกล้านแปดแสนตำลึง นี่ไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ เลย เพื่อที่จะเตรียมสินเดิมให้ฝ่ายหญิง ต้องสิ้นเปลืองเงินเช่นนี้เชียวหรือ!”
“ท่านอ๋องทรงตรัสเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะเพคะ แม้ว่าครอบครัวของหม่อมฉันจะไม่มีเงิน แต่ตอนที่หม่อมฉันแต่งงาน สินเดิมก็มีมากมาย” อวิ๋นหลัวฉวนไม่พอใจ
แน่นอนว่าอ๋องตวนไม่ได้ดูถูกดูแคลนสินเดิมของอวิ๋นหลัวฉวน เขาเหลือบมองอวิ๋นหลัวฉวนและกล่าวว่า:“ก็ใช่”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางเฟิงอู๋ชิง:“เจ้าหอเฟิงเห็นว่าอย่างไร?”
“เงินไม่ใช่ปัญหา ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ข้าไม่มีเงินอยู่ในมือเลยจริง ๆ แต่อีกไม่กี่เดือนก็คงมีเงินมากพอ ท่านนำเงินออกมาก่อน แล้วข้าจะเขียนหลักฐานให้!”
เดิมทีเฟิงอู๋ชิงไม่ได้สนใจเงิน เงินแค่ไม่กี่ล้านตำลึง ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย
ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า:“เช่นนั้นข้าจะนำกระดาษและเครื่องเขียนมาให้!”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นแล้วออกไปข้างนอก ไม่นานนางก็กลับมาพร้อมกระดาษและเครื่องเขียน จากนั้นก็วางลงข้างหน้าเฟิงอู๋ชิง เขาลุกขึ้นและเขียนหลักฐานการยืมเงินด้วยตนเอง จากนั้นก็เขียนชื่อลงไปด้วย
หลังจากเขียนเสร็จแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็เขียนชื่อลงไปเช่นกัน และนำโฉนดที่ดินของจวนอ๋องเย่มาให้อ๋องตวนดู จากนั้นอ๋องตวนก็ลุกขึ้นและกลับไปเตรียมเงิน ฉีเฟยอวิ๋นจึงส่งเขาออกไป
เมื่อออกไปแล้ว อ๋องตวนก็เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นและถามว่า:“จะไปหาเงินมาจากไหน?”
“ท่านอ๋องตวน พระองค์รีบเข้าไปหาท่านอ๋องในวังเดี๋ยวนี้เลยเพคะ ในเวลานี้เขาน่าจะอยู่ในวังและยังไม่ได้กลับมา แม้ว่าเงินหนึ่งล้านแปดแสนตำลึงจะไม่มาก แต่ก็มากสำหรับพวกเรา หากเฟิงอู๋ชิงไม่คืนเงินให้หม่อมฉัน ปีหน้าก็จะเป็นเงินสิบล้านตำลึง”
อ๋องตวนเลิกคิ้ว เพื่อเฟิงอู๋ชิงผู้นั้นแล้วไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย เขาจะต้องสูญเสียเงินไปห้าล้านตำลึงในหนึ่งปี
“ก็ดี ข้าจะเข้าไปในวัง”
ฉีเฟยอวิ๋นเฝ้ามองอ๋องตวนและอวิ๋นหลัวฉวนจากไป จากนั้นก็กำลังจะหันหลังกลับไป และอวิ๋นเซวียนอี้ก็มา
ตระกูลอวิ๋นมากันไม่น้อยเลย แน่นอนว่าการมาสู่ขอจะทำส่งเดชไม่ได้ ส่วนสินสอดที่นำม่ก็มีแต่กล่องใหญ่ ๆ แต่จวนกั๋วกงไม่ได้มั่งคั่ง ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าคิดเลยว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นคืออะไร
ฉีเฟยอวิ๋นเชิญเว่ยหลินชวน อวิ๋นหลัวฉาย และคนอื่น ๆ เข้าไปด้วยถ้ายคำที่มีพิธีรีตอง คราวนี้ผู้ที่มาสู่ขอเป็นเว่ยหลินชวนและภรรยา พร้อมด้วยอวิ๋นเซวียนอี้
ในเวลานี้อู๋กั่วก็ได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินว่าผู้ที่จะมาสู่ขอมาถึงแล้ว นางก็รีบออกไปต้อนรับ
เมื่อผู้คนเดินเข้ามา เฟิงอู๋ชิงก็ลุกขึ้นแล้วนั่ง
เว่ยหลินชวนและภรรยาของเขาสุภาพเรียบร้อย จากนั้นก็เริ่มพูดถึงเรื่องการสู่ขอ
อวิ๋นเซวียนอี้และอู๋กั่วต่างก็เต็มใจ ทั้งสองไม่มีข้อโต้แย้ง ดังนั้นพวกเขาจึงพูดคุยกันเรื่องสินสอด อู๋กั่วเพิ่งรู้ว่าจวนกั๋วกงเป็นสถานที่สะอาด และไม่ได้มีเงินมากมาย พวกเขาล้วนแต่อาศัยเบี้ยหวัด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเงินจำนวนมากมาเป็นสินสอด
นางจึงถือโอกาสกล่าวว่า:“ข้าไม่ได้ชอบเงิน จะให้เท่าไหร่ก็ได้ ลูกหลานของชาวยุทธภพ ไม่ได้ร้องขอความฟุ้งเฟ้อเหล่านั้น”
หัวใจของเฟิงอู๋ชิงสั่นสะท้าน ไม่ได้ร้องขอ แต่ก็ต้องคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“นี่เป็นสิ่งที่พวกเรากำลังจะพูด วันนี้จวนกั๋วกงนำสินสอดมาไม่มากนัก แต่ก็ไม่สามารถปฏิบัติต่อแม่นางอู๋กั่วอย่างไม่ยุติธรรมได้ และยิ่งต้องแสดงความจริงใจ
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เหล่าผู้อาวุโสของจวนกั๋วกงได้จัดเตรียมไว้ เจ้าหอเฟิงได้โปรดรับไว้!”
อวิ๋นหลัวฉายพาพ่อบ้านของจวนกั๋วกงมาด้วย ซึ่งสามารถพูดได้ดี
เมื่อเปิดกล่อง เป็นเครื่องประดับหนึ่งกล่อง ผ้าไหมหนึ่งกล่อง อาวุธหนึ่งกล่อง เครื่องเขียนหนึ่งกล่อง และโฉนดที่ดินสองฉบับ
อู๋กั่วมองดูและหยิบดาบขึ้นมา แน่นอนว่าเทียบไม่ได้กับดาบของนาง เมื่อคิดว่าจวนกั๋วกงทุ่มเทที่จะมาสู่ขอ นางก็พอใจมาก
และนางก็ไม่ได้แต่งงานเพื่อเงิน
อู๋กั่วกล่าวว่า:“นายท่าน ข้าชอบสินสอดเหล่านี้มาก”
“เช่นนั้นก็รับไว้เถอะ”
เฟิงอู๋ชิงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ อู๋กั่วเต็มใจก็ดีแล้ว
อู๋กั่วยิ้มด้วยความพอใจ:“แล้วสินเดิมของข้าล่ะ?”
“สินเดิมเป็นเงินห้าล้านตำลึง ส่วนร้านค้าของเจ้าจะให้เจ้าในปีหน้า ในเวลานี้ยังให้ไม่ได้ ส่วนเครื่องประดับได้เตรียมไว้แล้ว หลังจากสองสามวันเจ้าค่อยพาคนมาขนออกไป”
ฉีเฟยอวิ๋น เว่ยหลินชวน และคนอื่น ๆ ต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อู๋กั่วพอใจเป็นอย่างมาก:“เช่นนั้นก็ดี เมื่อเงินมาถึงแล้ว ข้าก็จะแต่งงานกับเขา”
เฟิงอู๋ชิงมองไป ราวกับว่ากลัวว่าเขาจะบิดพลิ้ว
“อืม”
เว่ยหลินชวนมองไปที่พ่อบ้านที่เขาพามา พ่อบ้านหัวเราะเหอะ ๆ และกล่าวว่า:“ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน พวกเราได้กำหนดวันไว้แล้ว บางทีคุณชายสามอาจจะต้องไปชายแดนในอีกไม่กี่วัน ดังนั้นฮูหยินใหญ่จึงต้องการให้มาสู่ขอไว้ล่วงหน้า”
อู๋กั่วรู้สึกมีความสุขมาก นางมองไปที่อวิ๋นเซวียนอี้อย่างเขินอาย ทั้งสองรักใคร่ซึ่งกันและกัน และอยากจะรีบแต่งงาน
เฟิงอู๋ชิงอยากจะให้อู๋กั่วจากไป เพื่อที่เห็นแล้วจะได้ไม่กระวนกระวายใจ
เขาจึงพยักหน้าตกลง
อ๋องตวนเข้าไปในวังเพื่อไปพบหนานกงเย่ ผู้คนต่างกำลังถกเถียงกันอยู่ที่พระที่นั่งบำรุงฤทัย
อ๋องตวนเข้าไปถวายบังคมจักรพรรดิอวี้ตี้ และบอกเหตุผลที่มาที่นี่ จักรพรรดิอวี้ตี้มองไปที่หนานกงเย่:“เฟิงอู๋ชิงเป็นใคร?”
หนานกงเย่จึงอธิบายสถานะของเฟิงอู๋ชิงอย่างเรียบง่ายและชัดเจน จักรพรรดิอวี้ตี้ยืนเอามือไพล่หลังอย่างเคร่งขรึม:“ไม่ใช่ว่าชาวยุทธภพจะย่างก้าวเข้ามาในต้าเหลียงของข้าไม่ได้ แต่หากเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ แล้วจะจัดการอย่างไร?”
“ฝ่าบาท กระหม่อมมีวิธีพ่ะย่ะค่ะ และสามารถจับเฟิงอู๋ชิงได้อย่างแน่นอน”
“งั้นหรือ?เช่นนั้นก็ต้องนำเงินจากในท้องพระคลังไปให้เขาใช้ แล้วให้เขาจ่ายดอกเบี้ย?”
“ถึงแม้ว่าเงินห้าล้านตำลึงจะไม่มากสำหรับท้องพระคลัง แต่หากจำเป็น ผู้ที่เป็นอย่างเฟิงอู๋ชิงก็ไม่ได้กลัวว่าท้องพระคลังจะว่างเปล่า
ในยามนี้ขาดแคลนเงิน จึงยากที่จะปฏิเสธ
กระหม่อมคิดว่าหากเงินเข้าไปอยู่ในจวนกั๋วกง จวนกั๋วกงจะต้องไม่เก็บไว้ในจวนอย่างแน่นอน และไม่กล้าพูดเรื่องบริจาค เป็นไปได้ว่าจะนำไปที่กองทัพ จะต้องรองให้เฟิงอู๋ชิงนำเงินหกล้านแปดแสนตำลึงมาให้แก่กองทัพต้าเหลียงของเรา และท้องพระคลังก็จะเปลี่ยนวิธีการในการนำเงินออกมาแล้วหมุนกลับไป”
จักรพรรดิอวี้ตี้อารมณ์ดีมาก:“ไม่เลว ข้อตกลงนี้เสร็จสิ้นแล้ว แต่เฟิงอู๋ชิงเป็นชาวยุทธภพ และเขาก็เป็นเจ้าหอทิงเฟิง แน่นอนว่าไม่ใช่คนธรรมดา เขาจะฟังพวกเจ้าหรือ?”
“เฟิงอู๋ชิงเป็นคนที่สบาย ๆ เงินของเขามีมากกว่านั้นมาก ได้ยินมาว่าเขามีภูเขาเงินภูเขาทอง ส่วนเหตุผลที่เขาไม่สามารถนำเงินออกมาได้ในตอนนี้ กระหม่อมคงต้องคิดก่อน
แต่มีอย่างหนึ่งคือหากเขาสามารถอยู่ที่ต้าเลียงของเราได้ สำหรับกระหม่อมแล้วเป็นเรื่องดี รวมทั้งฝ่าบาทด้วย
ประการแรกคือสามารถเก็บไว้ใช้ประโยชน์ได้ และประการที่สองคืออู๋กั่วกลายเป็นสะใภ้ของจวนกั๋วกง เขาคงจะไม่ทำอะไรที่จะเป็นภัยต่อต้าเหลียง เพียงแต่ต้องการให้คุณชายสามคอยเป่าหู
สะใภ้ของจวนกั๋วกง ถือว่าสถานการณ์โดยรวมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เรื่องนี้กระหม่อมแน่ใจว่าคุณชายสามสามารถทำได้”
“อืม เช่นนั้นก็ได้ แล้วเจ้าแน่ใจหรือว่าพวกเขาจะไม่ฆ่าคน?และจะยอมคืนเงิน?”
“แน่นอน ขอเพียงแค่อู๋กั่วแต่งงานเข้าไปในจวนกั๋วกง ก็เป็นไปได้!”
ทั้งสามพี่น้องมองหน้ากัน ที่นี่ไม่มีคนนอกที่มาทำข้อตกลงร่วมกัน เพื่อที่จะเติมเต็มท้องพระคลัง ทุกอย่างล้วนแค่เป็นไปได้
หนานกงเย่นำพระราชโองการกลับไปที่จวนอ๋องเย่ และอ๋องตวนก็นำเงินห้าล้านตำลึงเข้าไปในจวนอ๋องเย่
“อวิ๋นเซวียนอี้ของจวนกั๋วกง และอู่กั่วรับพระราชโองการ” หนานกงเย่อ่านพระราชโองการ และทุกคนก็คุกเข่าลง
“ด้วยพระราชโองการแห่งสวรรค์ ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้อวิ๋นเซวียนอี้ ผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม มีความดีความชอบในการศึกเป็นที่เลื่องลือ บัดนี้ขอพระราชทานงานอภิเษกสมรสให้แก่อวิ๋นเซวียนอี้และอู๋กั่ว มีคำสั่ง……แต่งตั้งอวิ๋นเซวียนอี้ให้เป็นแม่ทัพน้อย และแต่งตั้งอู๋กั่วให้เป็นฮูหยินในลำดับชั้นสูงสุด มอบจวนให้หนึ่งหลัง และเงินหนึ่งหมื่นตำลึง!”
ฉีเฟยอวิ๋นสะเทือนใจเล็กน้อย สูง สูงมากจริง ๆ!