องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 632 แม่ทัพหวาพึงพอใจอย่างมาก
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 630 แม่ทัพหวาพึงพอใจอย่างมาก
ฉีเฟยอวิ๋นจัดการรอยบาดแผลให้หวาชิง จากนั้นได้ส่งนางกลับไป
หนานกงเย่เรียกเธอกลับ ฉีเฟยอวิ๋นไม่ฟัง“ท่านอ๋อง คอของแม่ทัพน้อยข้าไม่วางใจ หากว่าทิ้งเหลือแผลเป็นไว้ไม่ดีนะ หม่อมฉันมียาสรรพคุณพิเศษ”
หนานกงเย่หรี่ตามองเล็กน้อย เขารู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นข่มขู่ เขาก็เลยไม่กล้าพูดอะไรมากแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นส่งหวาชิงกลับไป หวาชิงสั่นระริกเล็กน้อย
หวาชิงกล่าวด้วยความตื้นตันใจว่า“ขอบใจน้องชายมาก”
“ท่านแม่ทัพอาวุโสเกรงใจแล้ว”ฉีเฟยอวิ๋นส่งหวาชิงไปที่กระโจมและไม่ได้ออกมาเลย
เธออยู่ดูแลหวาชิง แน่นอนว่าแม่ทัพหวารักสงสารเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก เขาเดินไปเดินมาอยู่ในกระโจม
อยากจะกล่าวพูดอะไรก็ไม่สามารถกล่าวออกมาได้
ตั้งแต่เล็กหวาชิงก็หยิ่งยโสอยู่แล้ว ไม่เคยถูกปฏิบัติอย่างนี้มาก่อนเลย อีกทั้งแม่ทัพหวาเกรงว่าจะเกิดอะไรกับบุตรสาว แต่มีบางคำพูดต้องกักเก็บไว้อยู่ภายในใจ
ฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจความร้อนใจของแม่ทัพหวา ท่านพ่อของเธอก็เป็นคนเช่นนั้น
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“แม่ทัพหวา ท่านสงบสติอารมณ์เสียก่อนเถิด เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาร้อนใจวิตกกังวล คูเมืองเพิ่งจะถูกโจมตี ยังต้องสงบจิตสงบใจของอาณาประชาราษฎร์และเหล่าทหาร
แม่ทัพน้อยอายุน้อยแข็งแกร่ง กระฉับกระเฉง เวลาที่มีความหยิ่งยโส นางแค่คิดไม่ตกชั่วขณะเท่านั้นเอง
อีกทั้งวันนี้ท่านอ๋องเป็นเยี่ยงนี้ เป็นเพราะข้า
ปกติท่านอ๋องรักพรรคพ้องของตนอย่างมาก เพียงแต่เป็นคนข้างกายของเขา เขาถึงเป็นเช่นนี้
ข้าเชื่อว่าท่านอ๋องเพียงแค่วู่วาม
ส่วนแม่ทัพน้อย อย่างไรจะต้องคิดได้อย่างกระจ่างแจ้งเป็นแน่
ในโลกใบนี้ ไม่มีเรื่องอันใดที่สำคัญไปกว่าการเกิดกับการตาย มีชีวิตอยู่ ถึงสามารถบ่งบอกคุณค่าของคนคนหนึ่งได้
ท่านพ่อหวังว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ ข้าก็หวังว่าท่านพ่อของข้าจะอายุยืนยาว
นี่เป็นสิ่งที่มีความหมายที่พวกเรามีชีวิตอยู่
แม่ทัพน้อยเป็นเพียงชั่วคราว ท่านแม่ทัพจะต้องใจกว้าง ถึงจะสามารถมีอายุยืนยาวได้
มีท่านแม่ทัพอยู่ แม่ทัพน้อยมีที่พึ่งพิง ท่านแม่ทัพใจร้อนเยี่ยงนี้ ไร้หนทางสงบ ก็ไร้หนทางที่จะปกป้องแม่ทัพน้อยเช่นกัน
รอแม่ทัพน้อยคิดได้แล้ว ท่านแม่ทัพเป็นอะไรไป นางต้องเศร้าโศกเป็นแน่แท้”
เวลานี้แม่ทัพหวาได้พินิจพิจารณาฉีเฟยอวิ๋นอย่างละเอียด ทันใดนั้นได้รู้สึกว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่ธรรมดา เลยรู้สึกชื่นชมอยู่บ้าง
“เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วหรือ?”แม่ทัพหวากล่าวถาม
“ยี่สิบขอรับ”ฉีเฟยอวิ๋นมิกล้าบอกน้อยจนเกินไป
แม่ทัพหวากล่าวถามว่า“เหตุใดเจ้าถึงได้ผอมเช่นนี้?”
รูปร่างก็เตี้ย หน้าตาไม่เลว ก็คือไม่รู้ว่าเป็นคนครอบครัวไหนกัน
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอธิบายว่า“ครอบครัวของข้าล้วนเป็นเช่นนี้ ความยาวค่อนข้างน้อย แต่ท่านพ่อของข้าหลังจากที่แต่งงานก็สูงขึ้น ได้ยินว่าท่านปู่ของข้าก็เป็นเช่นนี้”
ฉีเฟยอวิ๋นปั้นเรื่อง
แม่ทัพหวาถามว่า“เจ้าเป็นคนที่ไหนหรือ เจ้าแซ่อะไร?”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ข้าชื่ออัน ท่านพ่อข้าคือคนในเรือนอัน”
“ได้ยินมาว่าในครอบครัวของแม่ทัพฉีก็ไม่ได้มีผู้ใด เจ้าเป็นเครือญาติหรือ?”
“…….”ฉีเฟยอวิ๋นจนปัญญาอย่างมาก นี่กำลังตรวจสอบสำมะโนครัวแหละ เธอเลยกล่าวว่า“ข้าคือลูกชายบุญธรรมของแม่ทัพฉี เมื่ออดีตอยู่ถิ่นกำเนิด มาได้ไม่นาน ครั้งนี้มาหาประสบการณ์ ร่ำเรียนวิชาทางการแพทย์กับพระชายาเย่”
“มิน่าเล่า”
แม่ทัพหวาค่อนข้างพอใจ เป็นบุตรบุญธรรมของแม่ทัพฉี เช่นนั้นไม่เลวเลยทีเดียว
อีกทั้งเขาน่าจะไม่มีพ่อแม่ ปกติฉีจือซานผู้นั้นมักดูแลลูกน้องใต้บัญชา ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นลูกหลานของรองแม่ทัพท่านไหน เขาเลยเอามาดูแลไว้ข้างกาย
เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงยากที่แม่ทัพจะต้องตายในสนามรบ น่าสงสารลูกหลาน
ขุนนางเสนาบดีที่ซื่อสัตย์ของลูกหลาน?
แม่ทัพหวาครุ่นคิด เช่นนั้นเขาอยู่ในกระโจมของท่านอ๋องเย่ก็ไม่มีอะไรแล้ว พวกเขาคือน้องชายพี่ชายของภรรยาและน้องเขย ฐานะหลบเลี่ยงสักหน่อย เกรงว่าคนจะกล่าวประพฤติมิชอบถึงจะถูก
แม่ทัพหวาพยักหน้ากล่าวว่า “นานแล้วที่ข้าไม่ได้ดื่มเหล้ากับแม่ทัพฉี รอมีเวลาข้าจะไปดื่มกับเขาสักหน่อย”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อันนี้ก้าวกระโดดไวมาก
“รอกลับไปแล้ว ข้าจะบอกแก่ท่านพ่อบุญธรรมให้นะขอรับ”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจ
แม่ทัพหวาชำเลืองมองบุตรสาว แล้วกล่าวว่า“บุตรสาวของข้าผู้นี้พะเน้าพะนอ คิดได้แล้วก็ดี เด็กน้อย เจ้าดูแลนางดีๆล่ะ”
“ขอรับ”
ฉีเฟยอวิ๋นตอบตกลง แม่ทัพหวาถึงได้มองท่านอ๋องหย่งจวิ้น จากนั้นกล่าวว่า“ท่านอ๋องหย่งจวิ้น พวกเราออกไปกันเถอะ”
ท่านอ๋องหย่งจวิ้นตามออกไป แม่ทัพหวารู้สึกมีเรื่องในใจ เลยพาท่านอ๋องหย่งจวิ้นออกลาดตระเวน
หวาชิงนั่งสักพักอีกสักพักนอนลง ฉีเฟยอวิ๋นเห็นนางมีความกดดัน ด้านนอกก็มืดแล้ว เธอฉีดยาให้หวาชิง หวาชิงจึงหลับตาพักผ่อน ฉีเฟยอวิ๋นออกไปด้านนอก หนานกงเย่ได้รอเธออยู่ก่อนแล้ว
พอเจอหน้าหนานกงเย่เลยตวัดสายตาใส่เธอด้วยความไม่พอใจ ฉีเฟยอวิ๋นดึงมือหนานกงเย่ กล่าวว่า“อากาศหนาวเยี่ยงนี้ท่านอ๋องไม่กลัวหนาวตายหรือ”
“ข้าได้พบเจอคนอย่างเจ้าที่ไม่มีมโนธรรม ยังจะกลัวหนาวตายหรือ?”หนานกงเย่กล่าวด้วยความหงุดหงิด เขาอยู่ตลอด เพียงแค่ไม่เข้าไปเท่านั้นเอง
ฉีเฟยอวิ๋นดึงหนานกงเย่ หลีกเลี่ยงที่คนจะรู้ และเตรียมตัวออกไปส่งเสบียงอาหาร
แต่ทว่าหนานกงเย่กลับดึงฉีเฟยอวิ๋นไว้ เขากล่าวว่า“ส่งไปแล้ว มอบให้พวกเขา”
“เช่นนั้นหม่อมฉันจะอยู่ดูแลหวาชิง หม่อมฉันได้ให้สัญญากับแม่ทัพหวาแล้ว ท่านอ๋องกลับไปก่อนเถิด เมื่อครู่หวาชิงไม่ค่อยสบาย หม่อมฉันจะดูแลนาง”ฉีเฟยอวิ๋นฉีดยาให้หวาชิง เกรงว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เลยอยากจะอยู่ดูสักพักหนึ่ง
หนานกงเย่กล่าวด้วยความไม่พอใจว่า“ข้าล่ะ?”
“ท่านอ๋องปกติดี กลับก่อนเถิดเพคะ ช่วงดึกหม่อมฉันจะกลับไป”
“ไร้มโนธรรม เจอหญิงที่โฉมงาม ก็ไร้ความเคลื่อนไหวเสียแล้ว”หนานกงเย่กล่าวบ่น
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่าเขาว่า“เลอะเทอะ ในใจหม่อมฉันมีเพียงท่านอ๋องเพคะ”
หนานกงเย่อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย ถึงได้กล่าวแจ้งว่า“ข้ามีภารกิจกลับก่อนละกัน อย่าเดินเตร่ล่ะ”
“หม่อมฉันทราบแล้ว ท่านอ๋องก็ระวังหน่อยนะเพคะ”
“พวกเจ้าดูแลพระชายาให้ดี”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงเย่สั่งกำชับเสร็จถึงได้กลับไป ฉีเฟยอวิ๋นเรียกคนไปเอาหีบยาของเธอมา หลังจากนั้นเธอเลยอยู่ในกระโจมของหวาชิงเพื่อดูแลนาง
ฉีเฟยอวิ๋นนอนกลางวัน ช่วงกลางคืนเลยไม่ง่วง
ตอนที่ไม่มีอะไรเธอก็พิจารณากระโจมที่พักของหวาชิง
หวาชิงเป็นคนสะอาด ภายในกระโจมสะอาดมาก แต่สิ่งที่หญิงสาวใช้กันนั้นไม่มีเลย กระจกก็ไม่มี
ผู้หญิงชอบส่องกระจก ชอบความสวยงาม
หวาชิงหน้าตาสะสวย แต่ทว่ากลับไม่ส่องกระจก นางเอาความคิดความมุ่งมั่นทั้งหมดวางไว้ที่ชายแดน
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงมองหวาชิง อายุก็ไม่น้อยแล้ว อายุสิบหกอยู่สถานที่แห่งนี้นับว่าเป็นหญิงแก่ละนะ หากไม่แต่งอีก ก็กลายเป็นอู๋กั่วคนที่สองแล้ว ผ่านไปอีกไม่กี่ปีก็ไม่อยากแต่งแล้ว
ผู้หญิงคนหนึ่งโตอยู่ท่ามกลางผู้ชายตั้งแต่เด็ก ไม่ง่ายที่จะชอบใครคนหนึ่ง อยากจะแต่งงานด้วย แต่ทว่าช้าเกินไป
มันทำให้คนยากที่จะรับได้จริงๆ
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงสักพักหนึ่ง สีหน้าของหวาชิงเริ่มแดง ฉีเฟยอวิ๋นรีบตรวจสอบให้นาง คิดไม่ถึงว่าหวาชิงจะเป็นไข้ได้
ฉีเฟยอวิ๋นรีบไปเอาผ้าขนหนูมาเช็ดลดอุณหภูมิร่างกายให้หวาชิง
หวาชิงไม่สบายตัวตื่นขึ้น พอเห็นฉีเฟยอวิ๋นนางรู้สึกไม่มีความสุข เลยออกแรงผลักฉีเฟยอวิ๋นเล็กน้อย ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจ เช็ดตัวต่ออยู่อย่างงั้น
ผลสรุปหวาชิงเป็นไข้จนเลอะเลือน พลิกตัวไปมา ชุดเลยเปิดออก
ฉีเฟยอวิ๋นจะลดอุณหภูมิให้นาง เลยทำได้เพียงเช็ดหน้า เช็ดคอให้นาง
ตอนที่แม่ทัพหวาเข้ามา หวาชิงโอบกอดฉีเฟยอวิ๋นแล้วกล่าวพึมพำว่าหนาว ฉีเฟยอวิ๋นโงนเงน ถูกหวาชิงกอดจนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง ฉีเฟยอวิ๋นคิดอยากจะผลักหวาชิงออก ส่วนหวาชิงหนาวอยากหาคนมาลดความหนาวให้
แม่ทัพหวาเข้ามาเห็นฉากนั้น เลยรีบออกไป
ฉีจือซานเขารู้สึกวางใจ ฐานะได้ คนก็ไม่เลว
อันเสี่ยวฮวนนอกจากเตี้ยไปเล็กน้อย อย่างอื่นก็ไม่เลวเลย
หลังจากแต่งงานสามารถเพิ่มได้ แม่ทัพหวาปลอบใจตนเองแล้วหัวเราะเหอะๆเดินไป
ฉีเฟยอวิ๋นพยานามผละออกถึงออกได้ เมื่อครู่คล้ายดั่งมีคนเข้ามา แต่ตอนที่เธอมองไป ก็ไม่มีคนแล้ว