องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 634 หวาชิงคิดมาก
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 632 หวาชิงคิดมาก
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูเด็ก ๆ ด้วยความสงสารเป็นอย่างมาก อายุมากที่สุดเพียงแค่สิบเอ็ดสิบสองเท่านั้น และอายุน้อยที่สุดคือเด็กผู้หญิงคนนี้
“ท่านอ๋อง พวกท่านไปเถอะข้าไม่ไป ข้าอยากจะอยู่ดูเด็กเหล่านี้” ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าควรจะจัดการเด็กเหล่านี้ให้ดี
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและหยิบยาส่งให้หนานกงเย่ หนานกงเย่กำชับว่า:“ระวังตัวด้วย!”
“ข้ารู้”
หนานกงเย่พาผู้คนจากไป และทิ้งคนสองสามคนไว้ให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นรอเด็ก ๆ กินจนอิ่ม และถามว่าทำไมพวกเขาถึงไม่มีใครสนใจ
ไม่มีใครตอบและบางคนก็ไม่พอใจฉีเฟยอวิ๋น
เมืองล่มบ้านแตก ฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจความรู้สึกของเด็ก ๆ และไม่โทษพวกเขา
ฉีเฟยอวิ๋นรอให้พวกเขาตอบ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเด็กหญิงตัวเล็กที่เดินมาข้างหน้าฉีเฟยอวิ๋น และมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ฉีเฟยอวิ๋นพูดกับเด็กหญิงตัวเล็กว่า:“เจ้าบอกข้าได้เลยว่าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยเรื่องอะไร ข้าสามารถช่วยเจ้าได้”
เด็กหญิงตัวเล็กถามว่า:“ท่านเป็นหมอ?”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองไปที่กล่องยาและพยักหน้า:“ข้าเป็นหมอ”
เด็กหญิงตัวเล็กกล่าวว่า:“มีคนได้รับบาดเจ็บคนหนึ่ง ท่านช่วยเขาได้หรือไม่?”
“ได้สิ เจ้าพาข้าไป”
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กขึ้นมา นางมองมาที่ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นจึงบอกให้คนนำเสื้อผ้าอุ่น ๆ มาห่อตัวเด็กหญิงตัวเล็กไว้
“เด็กคนอื่น ๆ ให้อยู่ที่นี่ พวกเจ้าคิดหาวิธีหาบ้าน ใช้เงินก็ได้ แต่อย่าให้ราษฎรหวาดกลัว ข้าจะไป เจ้าตามข้ามา”
ฉีเฟยอวิ๋นพาคนไปด้วยหนึ่งคนและจากไป
หนานกงเย่และคนอื่น ๆ ไม่ได้ไปไหนไกล และเมื่อเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กเดินออกไป ทุกคนก็หยุดชะงัก
หนานกงเย่ออกไปก่อนและคนอื่น ๆ ก็ตามไป มีคนมารายงานพบคนหนีทหาร
หวาชิงจึงตามไปที่นั่น
คนอื่น ๆ ยังคงลาดตระเวนต่อไป
หวาชิงเดินไปถึงที่ลับตาคน เสนาธิการทหารยิ้มให้หวาชิง:“ท่านแม่ทัพน้อย ท่านไปตอนนี้เลยเถอะ”
หวาชิงตบชุดเกราะของเสนาธิการทหาร นางเตรียมการไว้แล้ว และกำลังรอโอกาสนี้อยู่
ฉีเฟยอวิ๋นถามเด็กหญิงตัวเล็กว่า:“เจ้าชื่ออะไร?”
“ข้าชื่อเสี่ยวเฉียว!”
“งั้นหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะ:“ช่างบังเอิญจริง ๆ ข้าก็รู้จักหญิงงามคนหนึ่งที่ชื่อเสี่ยวเฉียวเช่นกัน”
เด็กหญิงตัวเล็กไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ นางเพียงแค่มองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น
เพื่อที่จะผ่อนคลายบรรยากาศ ฉีเฟยอวิ๋นจึงเล่าเรื่องจิวยี่กับเสี่ยวเฉียวในสามก๊กให้เสี่ยวเฉียวฟัง หลังจากที่พูดจบก็มาถึงสถานที่นั้น ฉีเฟยอวิ๋นยังกล่าวอีกว่า:“จำได้ว่ามีกลอนไว้อาลัยอยู่หน้าหลุมฝังศพของจิวยี่ บนนั้นกล่าวไว้ว่าจักรพรรดิและขุนนางเป็นดั่งพี่น้อง สามีของเสี่ยวเฉียวเป็นวีรบุรุษ”
เสี่ยวเฉียวมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น:“หมายความว่าซุนเซ็กและจิวยี่เป็นดั่งพี่น้องกัน และสามีของเสี่ยวเฉียวเป็นวีรบุรุษ?”
“จะเข้าใจเช่นนั้นก็ได้ แต่ในความเป็นจริงคือซุนเซ็กแต่งงานกับต้าเฉียว และจิวยี่แต่งงานกับเสี่ยวเฉียว ในสองคนนี้ จิวยี่เป็นคนที่วางตัวดี ยิ่งกว่านั้นเขาเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่”
“……” เสี่ยวเฉียวพยักหน้า ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าเด็กคนนี้ฉลาด และวันหน้าจะต้องมีพรสวรรค์อย่างแน่นอน
เสี่ยวเฉียวหันไปมองข้างใน ฉีเฟยอวิ๋นวางนางลง เสี่ยวเฉียวคืนเสื้อผ้าให้ฉีเฟยอวิ๋นและเข้าไปข้างใน
ข้างในบ้านค่อนข้างกว้าง แต่สภาพทรุดโทรม
ในบ้านไม่มีคน แต่เสี่ยวเฉียววิ่งเท้าเปล่าเข้าไป ไม่นานก็พบชายชราคนหนึ่งในห้องกว้าง
ชายชราหายใจอย่างอ่อนแรง และเมื่อเห็นเสี่ยวเฉียวก็น้ำตาซึม:“เจ้ากลับมาทำไม ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่ากลับมา”
เสี่ยวเฉียวเดินไปหาชายชรา:“นี่คือหมออัน เขาสามารถรักษาโรคได้”
เสี่ยวเฉียวมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น และดึงนางเข้าไปหาชายชรา ชายชรามองฉีเฟยอวิ๋นอย่างละเอียดและรีบลุกขึ้น:“ขอบคุณผู้มีพระคุณที่ช่วยเสี่ยวเฉียว ข้า……”
ชายชราต้องการจะพูดอะไรบางอย่างและเกือบจะเป็นลม ฉีเฟยอวิ๋นรีบช่วยพยุงชายชราและเข้าไปนั่งข้างใน และสั่งให้คนที่มาด้วยนำอาหารออกมา
คนที่ตามมานำขนมเปี๊ยะมาให้ฉีเฟยอวิ๋น และฉีเฟยอวิ๋นก็ยื่นให้ชายชรา ชายชราหิว แต่ก็ไม่กิน
ฉีเฟยอวิ๋นใช้สมาธิตรวจดูและพบว่าชายชรามีโรคแทรกซ้อนมากมาย ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงไม่ค่อยแข็งแรง
“ท่านกินอะไรก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะพาท่านไปจากที่นี่”
“ข้า?” ชายชราประหลาดใจ ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า
“เสี่ยวเฉียวต้องมีคนดูแล ข้าจะพาเสี่ยวเฉียวไปด้วย บ้านเมืองกำลังโกลาหล พ่อแม่ของนางไม่อยู่ หากนางถูกจับไปขายก็คงหมดอนาคต ท่านเป็นครอบครัวของนาง ควรจะอยู่เคียงข้างนาง”
ชายชรามองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น แล้วมองไปที่เสี่ยวเฉียว:“ข้าป่วยหนักและเป็นภาระ ท่านเป็นผู้มีพระคุณหากสามารถช่วยข้าพาเสี่ยวเฉียวไปด้วย ข้าก็ตายตาหลับแล้ว”
“ที่ไหนกัน ไม่เป็นภาระเลย ข้ามีกำลังคน ท่านเพียงแค่ใช้ชีวิตให้ดี และข้าจะรักษาท่านให้หาย เช่นนี้แล้วท่านยังมีอะไรต้องกังวลอีก?”
ชายชรามองไปที่เสี่ยวเฉียว:“เสี่ยวเฉียว เจ้าว่าอย่างไร?”
“ข้าอยากให้ท่านไปกับข้าด้วย” เสี่ยวเฉียวกล่าว ชายชราจึงถอนหายใจ
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะดีขึ้น ผู้มีพระคุณ ข้าดูออกว่าท่านเป็นคนดี เป็นผู้ชายที่ดี เป็นโชคดีของเสี่ยวเฉียวที่ได้พบท่าน หากท่านสามารถเต็มใจที่จะรับเสี่ยวเฉียวไว้ ข้าก็ยอมทุกอย่าง”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า และรู้ว่าพวกเขาซาบซึ้งใจ จึงไม่พูดอะไรมากนัก
“เจ้าแบกชายชราไป พวกเราจะออกไปจากที่นี่”
ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมที่จะออกไป และหวาชิงก็เดินเข้ามา เมื่อหวาชิงปรากฏตัวขึ้น ชายชราก็เป็นกังวล ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบอธิบายว่า:“นางเป็นแม่ทัพน้อย และจิตใจดี!”
ชายชราพยักหน้า ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปพยักหน้าให้หวาชิง:“ท่านแม่ทัพน้อย”
หวาชิงอารมณ์ดีและเดินไปข้างหน้าฉีเฟยอวิ๋น:“ข้าเห็นเจ้าออกมา จึงตามมาดู”
“ขอบคุณท่านแม่ทัพน้อย” ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ ทำไมหวาชิงถึได้งอ่อนโยนเช่นนี้
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้า ว่าแต่เจ้ากับท่านอ๋องเย่รู้จักกันได้อย่างไร?” หวาชิงเป็นคนตรงไปตรงมา นางต้องการถามให้ชัดเจน
ฉีเฟยอวิ๋นทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่านางจะมาด้วยเรื่องนี้
นางเป็นกังวลมาก แม้ว่าหนานกงเย่จะเข้าใจผิด แต่หวาชิงก็ยังไม่ตายใจ
“ข้าเป็นพี่ชายบุญธรรมของพระชายาเย่” ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าในเมื่อโกหกแม่ทัพหวาแล้ว เช่นนั้นก็โกหกหวาชิงไปด้วยเลย
สงครามยังอีกยาวนาน และไม่รู้ว่าจะสู้รบกันไปถึงเมื่อไร เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก จึงพูดไปเช่นนั้นก่อน
หวาชิงเคยได้ยินแม่ทัพหวาพูดแล้ว และรู้สึกดีใจ ลูกชายบุญธรรมของแม่ทัพฉี เป็นไปไม่ได้ที่จะแย่งชิงสามีกับฉีเฟยอวิ๋น
แต่ดูจากท่าทางของหนานกงเย่แล้ว เขาต้องเป็นผู้ริเริ่มอย่างแน่นอน
อันเสี่ยวฮวนรูปร่างผอมบาง จะต้องถูกบังคับแน่ ๆ
“แล้วความสัมพันธ์ของพวกเจ้าล่ะ?” หวาชิงรู้สึกอึดอัดใจ
ฉีเฟยอวิ๋นจึงถือโอกาสผลักคนผู้นี้ไปให้หนานกงเย่:“เขาเป็นท่านอ๋อง ข้าเป็นเพียงแค่บุตรบุญธรรม และเป็นคนที่พระชายาเย่ส่งมา ข้าเพียงทำตามหน้าที่ พวกท่านที่เข้าใจผิดแล้ว”
หวาชิงอารมณ์ดีขึ้นมาในทันที:“รอให้สงครามจบลงแล้วกลับไป ข้าจะบอกพระชายาเย่ให้เจ้าเข้าร่วมกองทัพ”
แม้ว่าฉีเฟยอวิ๋นจะสงสัยในความหมายของการเข้าร่วมกองทัพ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ในเมื่อหวาชิงยอมที่จะปรองดอง นางจึงไม่ได้คิดที่จะเป็นศัตรู
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปอุ้มเสี่ยวเฉียวขึ้นมา และหวาชิงก็ต้องการจะช่วย แต่ฉีเฟยอวิ๋นปฏิเสธ
“ไม่จำเป็น ถึงแม้ว่าข้าจะผอมบาง แต่ข้าก็มีแรง” ฉีเฟยอวิ๋นอธิบาย หวาชิงหน้าแดงก่ำ
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเจ้า”
“ข้ารู้ แม่ทัพน้อยไม่ต้องสนใจ เสี่ยวเฉียวกลัวคนแปลกหน้า และนางก็กลัวทหาร”
“อืม”
หวาชิงพยักหน้าและเดินตามฉีเฟยอวิ๋นออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นให้คนพาชายชราไปที่ค่ายทหาร แล้วนางก็พาเสี่ยวเฉียวไปพบเด็กคนอื่น ๆ เสี่ยวเฉียวบอกว่าพวกเขาล้วนแต่ไม่มีที่อยู่อาศัย บางคนเป็นขอทาน และบางคนก็ลี้ภัยมาจากเมืองถาถ่าน จึงอยู่รวมกันเพียงเพื่อจะได้อบอุ่น