องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 643 ปกป้องภรรยา
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 643 ปกป้องภรรยา
ฮูหยินรองเงยหน้าขึ้นมามองราชครูจวินเพื่อไม่เป็นการน้อยหน้า “ท่านอ๋องเย่และพระชายาเย่ต่างก็ไม่รู้สึกรำคาญข้า ข้าอยู่ที่นี่อย่างสุขสบาย แต่ท่านกลับต้องการให้ข้ากลับไป ข้าไม่กลับไปหรอก”
ราชครูจวินโมโหจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ฉีเฟยอวิ๋นจึงหัวเราะขบขันขึ้นมา
“ท่านราชครู ข้าเห็นว่าเช่นนี้ดีหรือไม่ ท่านก็สร้างบ้านขึ้นมาใกล้กับจวนท่านอ๋อง จวนของท่านราชครูข้าก็เคยไปมาแล้วและมีคนจำนวนไม่น้อยเลย คนเยอะเช่นนั้นมันก็ไม่สะดวกสบายจริงๆ
หากจะสร้างบ้านขึ้นมาก็ไม่ต้องสร้างใหญ่มาก จัดคนติดตามฮูหยินสักจำนวนหนึ่ง หากจะมาที่จวนท่านอ๋องเย่ก็สะดวก เด็กๆ พวกนี้ก็สามารถไปเล่นด้วยได้ ข้าเห็นว่าเช่นนี้เหมาะสมดี
และแน่นอนจะสร้างหรือไม่สร้างบ้านขึ้นมานั้นก็สุดแล้วแต่ท่านราชครู
แต่เท่าที่ข้ารู้ การสร้างบ้านขึ้นมานอกจวนนั้นไม่ใช่ว่าไม่สามารถทำได้”
ฮูหยินรองรู้สึกสนใจ ราชครูจวินเอามือไพล่หลังเป็นเวลานานก่อนจะพูดขึ้นมา “เรื่องเงินนั้นไม่เป็นปัญหาเลย ข้ายังพอมีเงินตำลึงอยู่บ้าง แต่หากสร้างบ้านขึ้นมาข้างนอกนั้น คนเหล่านั้นจะทำให้เจ้าปลอดภัยได้หรือ พวกเขาอยากจะหาเจ้าเจอจนทนไม่ไหว ทุกวันเอาแต่ถามเจ้าไม่หยุด ถึงตอนนั้นจะยิ่งลำบากเอา”
ราชครูจวินพูดขึ้นมาจึงทำให้ฮูหยินรองนึกขึ้นมาได้ อันที่จริงมันก็เป็นเช่นนั้น
หากนางไปอยู่จริง เช่นนั้นคนของตระกูลจวินจะต้องไปหานางอย่างแน่นอน
ฮูหยินรองไม่ต้องการจะสนใจใครที่ไหนทั้งนั้น
เอาจวินซือซือเป็นตัวอย่าง นางไม่ต้องการสนใจใคร นางก็เลยไม่สนใจ
ไม่ใช่ว่าห่วงหรือไม่เป็นห่วง แต่บางครั้งก็ถูกกดดันจนถึงขั้นนั้น
ฉีเฟยอวิ๋นกลับคิดไม่ถึง
ว่ามันจะยากเช่นนี้
ฮูหยินรองไม่กลับไป แต่ราชครูจวินต้องการจะพากลับไปให้ได้
ฉีเฟยอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หรือเอาเช่นนี้ หากฮูหยินรองไม่รังเกียจ เช่นนั้นก็รับข้าเป็นลูกสาว ไม่รู้ว่าฮูหยินรองมีลูกสาวหรือไม่? รังเกียจข้าหรือไม่?”
ราชครูจวินมีสีหน้าเคร่งเครียด “เช่นนี้ไม่เหมาะสม ฝ่าบาทไม่ชอบการกระทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเช่นนี้ นี่มัน……”
“ข้าไม่มีลูกสาว” ฮูหยินรองไม่รอให้ราชครูจวินพูดจบนางก็ตอบฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินเข้าไป
“เช่นนั้นข้าก็จะก้มศีรษะให้กับท่าน!” ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมที่จะคุกเข่านั่งลง ฮูหยินรองก็เตรียมรับไว้อย่างดี คนหนึ่งคนเมื่อคิดอยากจะทำอะไรก็มักไม่สนใจฟังใครที่ไหนอีก เธอก็คิดเช่นนั้น
ราชครูจวินดึงฉีเฟยอวิ๋นไว้ “ช้าก่อนพระชายาเย่”
ฉีเฟยอวิ๋นมองออกไปและยืนอยู่ตรงนั้น “ท่านราชครู ข้าตกลงแล้ว ฮูหยินรองก็ตกลงเช่นกัน ท่านราชครูคิดว่ามีตรงไหนไม่เหมาะสมหรือ?”
“ในชีวิตนี้ข้าเกลียดความสัมพันธ์ที่ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองที่สุด ฝ่าบาทก็ไม่ชอบ เรื่องนี้……”
“เช่นนั้นหากเป็นท่านอาจารย์หญิงล่ะ?” ฉีเฟยอวิ๋นถาม ราชครูจวินจึงครุ่นคิด
“ช่างมันเถอะ ข้าเห็นว่าข้ากลับไปก็ได้” ฮูหยินรองรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย มีชีวิตมาจนถึงตอนนี้ สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง
ปากก็พูดว่าทำเพื่อนาง แต่ไม่เคยเลยสักครั้ง
สำหรับผู้ชายคนนี้ ฮูหยินรองมีเพียงคำว่าผิดหวังมอบให้
ราชครูจวินกล่าวว่า “หากจะนับจากท่านอ๋องเย่ละก็ ท่านควรจะเรียกข้าว่าท่านอาจารย์ ท่านอ๋องเย่ก็เป็นลูกศิษย์ของข้า เพียงแต่เขาเป็นลูกศิษย์ที่ดื้อรั้นและไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตาของเขาเลยก็เท่านั้น”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่ฮูหยินรอง ฮูหยินรองกล่าวว่า “ตามใจเถอะ”
ฮูหยินรองลุกขึ้นและเตรียมตัวจะกลับไป ราชครูจวินดีใจราวกับได้ของถูกลดราคา จากนั้นจึงเดินตามฮูหยินรองออกไป
คนอื่นที่อยู่ข้างนอกที่ตามเขามาก็พากันกลับออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามไปส่งที่หน้าประตู อวิ๋นหลัวฉวนมองเห็นว่ามีคนเดินออกไปแล้ว เมื่อนางเดินออกไปก็พบว่าฮูหยินรองได้เดินจากไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” อวิ๋นหลัวฮวนถามขึ้นมาข้างๆ ฉีเฟยอวิ๋นมองเห็นรถม้าของจวนท่านอ๋องตวนจึงรู้ว่าอวิ๋นหลัวฉวนมาหา ฉะนั้นจึงไม่รู้สึกแปลก
“ดึกดื่นเช่นนี้แล้วทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นยังไม่ได้นอนหลับพักผ่อน เดิมทีตั้งใจจะจัดการให้เสร็จแล้วไปพักผ่อน ไม่คิดเคยว่าจัดการเสร็จไปเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งก็มาทันที
ฮูหยินรองกลับออกไปด้วยความโมโห เธอจะต้องอารมณ์ไม่ดีแน่ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องการหนี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากลับไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
อวิ๋นหลัวฉวนกล่าว “มาหาท่านและให้ท่านตรวจดูลูกของข้าข้าได้ยินมาว่าท่านพาเด็กกลับมาด้วยสองคน ท่านมีอยู่เยอะเช่นนี้จะเลี้ยงไหวหรือ?”
ฟังไปแล้วเหมือนจะมีความหวังดี แต่ฉีเฟยอวิ๋นฟังออกว่ามีความหมายอื่นแฝงอยู่
“จวนท่านอ๋องเย่ใหญ่โตเช่นนี้ เด็กแค่ไม่กี่คนจะเลี้ยงไม่ไหวได้เช่นไร?” ฉีเฟยอวิ๋นต้อนอวิ๋นหลัวฉวนกลับไป แต่อวิ๋นหลัวฉวนพูดถึงเรื่องของเด็กเป็นประเด็นและนางต้องการเดินเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดชะงักครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินต่อไป “เจ้ายังดูแลตัวเองได้ไม่ดี เจ้ายังจะมาช่วยข้าเลี้ยงเด็กอย่างนั้นหรือ ข้าจับพวกเขานอนหลับพักผ่อนหมดแล้ว เจ้าเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย เมื่อไรเจ้าได้ควบคุมจัดการจวนท่านอ๋องตวนเจ้าค่อยมาพูดกับข้า จะได้ไม่พูดเสียเปล่า
ตงเอ๋อร์อยู่ในจวนของเจ้า เจ้าก็ยังไม่สามารถปกป้องคุ้มครองนางได้ และตอนนี้เจ้าก็ตั้งครรภ์และเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอ หากเกิดอะไรขึ้นมาจะทำเช่นไร? เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไร”
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกน้อยใจจนแทบหายใจไม่ออก แต่นางก็พูดไม่ชนะฉีเฟยอวิ๋น ฉะนั้นจึงยอมแพ้
ฉีเฟยอวิ๋นพาอวิ๋นหัลวฉวนไปดูเด็กๆ ที่เรือนจวินจื่อ โดยมีอวิ๋นจิ่นกำลังดูแลเด็กๆ อยู่ อวิ๋นหลัวฉวนเห็นเสี่ยวเฉียวก็รู้สึกตกใจ นางอยากจะได้ลูกสาวแม้ในตอนนอน
“ท่านพี่เสียนเฟย ท่านให้เสี่ยวเฉียวกับข้าเถอะนะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ให้นางเรียนต่อสู้ ข้าจะดูแลนางอย่างดี หากท่านไม่เชื่อข้า ให้ข้าส่งไปที่จวนกั๋วกงก็ได้” อวิ๋นหลัวฉวนทำหน้าขอร้องและแทบอยากพาเสี่ยวเฉียวไปอยู่ด้วยให้ได้ตอนนี้เลย
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างไม่เกรงใจ “เสี่ยวเฉียวเป็นเลือดเนื้อของข้า ข้าจะไม่ให้ใครทั้งนั้น ข้าจะเลี้ยงดูนางเอง ตอนนี้นางได้เป็นลูกสาวคนโตของข้าแล้ว รอให้ข้ากราบทูลฝ่าบาท เมื่อนั้นนางก็จะเป็นจวิ้นจู่แห่งจวนท่านอ๋องเย่ ข้าจะให้จวนท่านอ๋องตวนได้อย่างไร
อีกอย่างนอกจากตัวข้าเอง ข้าก็ไม่เชื่อว่าจะมีใครที่จะดูแลเสี่ยวเฉียวได้ดีเท่าข้า
การได้พบเสี่ยวเฉียวในเมืองอู๋โยวนั้นเป็นวาสนาของเราสองคน ข้าไม่สามารถยอมปล่อยโอกาสที่ดีนี้ไปได้
เจ้าก็เป็นแม่คน อีกไม่นานก็จะให้กำเนิดลูกออกมาแล้ว เจ้าจะรีบร้อนไปทำไมกัน?”
อวิ๋นหลัวฉวนหันไปมองเสี่ยวเฉียวอย่างโศกเศร้า “ทำไมท่านถึงเจอแต่เรื่องดีๆ เสี่ยวเฉียวเป็นเด็กที่น่ารักเช่นนี้ น่าจะมอบให้ข้าถึงจะถูก”
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปที่เมืองอู๋โยวสิ ไม่แน่อาจจะพอพบเจอบ้าง”
“ข้าคงไม่โชคดีเท่าท่านพี่ และตอนนี้ข้าเองก็ยุ่งๆ เกรงว่าชาตินี้คงจะไม่ได้ออกจากเมืองหลวงไปไหนอีก วิธีตำราท่านแม่ทัพที่ร่ำเรียนมาอย่างหนักนั้น เมื่อแต่งงานกับท่านอ๋องตวนก็กลับกลายเป็นคนที่มีความถนัดในด้านการคิดคำนวณและทำธุรกิจการค้า พูดออกไปท่านก็คงไม่เชื่อ น่าเสียดายใช่หรือไม่!”
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกเสียใจและอยากร้องไห้!
ท่านอ๋องตวนนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งก็รู้สึกไม่สบายใจ
ลูกของคนอื่นจะมีดีที่ไหนกัน ตัวเองให้กำเนิดเอง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ดีกว่าเสมอ!
อวิ๋นหลัวฉวนกำลังเสียใจ ฉีเฟยอวิ๋นถามนางว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง จากนั้นอวิ๋นหลัวฉวนจึงรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย “รู้สึกดี”
“ข้าขอตรวจดูหน่อย” ฉีเฟยอวิ๋นต้องการตรวจดูว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย
หลังจากตรวจวัดชีพจร ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่อวิ๋นหลัวฉวน “เจ้าคิดว่าเป็นอะไร?”
อวิ๋นหลัวฉวนรีบพูดอย่างไม่คิด “หมอหลวงต่างก็บอกว่าเป็นเด็กผู้หญิง!”
“……” ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่ท่านอ๋องตวน ท่านอ๋องตวนก็พูดขึ้นมาว่า “หมอหลวงหูเป็นคนตรวจให้ด้วยตัวเอง เป็นเด็กผู้หญิง”
“อืม ถูกต้อง เป็นเด็กผู้หญิง” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้พูดไปตรงๆ และมองไปที่เสี่ยวเฉียว
จากนั้นจึงหันไปมองอวิ๋นหลัวฉวน “ในเมื่อรู้แล้วว่าเป็นเด็กผู้หญิง ทำไมเจ้าถึงยังต้องการเสี่ยวเฉียวอีกล่ะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้น “ข้าต้องการ……”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้พูดออกไปว่านอนหลับพักผ่อน เมื่อเดินออกจากประตูไปก็ได้ยินเสียงคนตะโกนโวยวาย “อู๋ฮัว ออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
ท่านอ๋องตวนตกใจอย่างมาก จากนั้นจึงลุกขึ้นไปเพื่อปกป้องอวิ๋นหลัวฉวนและประคองนางนั่งลง เขากุมมือและโอบกอดอวิ๋นหลัวฉวนไว้ แขนเสื้อที่กว้างใหญ่นั้นได้ปกคลุมอวิ๋นหลัวฉวนไว้
เด็กๆ ไม่ได้หันไปดูที่ประตู แต่กลับจ้องมองไปที่ท่านอ๋องตวน