องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 670 โกรธแค้น
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 668 โกรธแค้น
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ยอมปล่อยเจ้าห้าลง เมื่อเด็กคนอื่นหลับกันหมดแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงหลับลง
อวิ๋นจิ่นออกไปข้างนอกพร้อมกับแม่ทัพฉี แม่ทัพฉีเดินไปถึงจวนหวาและสั่งให้คนมารื้อถอนจวนหวาทิ้ง
แม่ทัพหวาเดินออกมาจากข้างใน เมื่อแม่ทัพฉีเห็นเข้าจึงลงมือทุบตีจนแม่ทัพหวาบาดเจ็บสาหัส
อวิ๋นจิ่นเดินตามมาโดยไม่ทำอะไร แต่ก็พาคนมาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง แต่อวิ๋นจิ่นไม่ได้คิดจะช่วยเลยสักนิด จนถึงนาทีที่แม่ทัพหวาถูกทุบตี จากนั้นแม่ทัพฉีหันกลับและเดินออกไป
แม่ทัพหวาโกรธจนตะโกนด่าออกมา “ฉีจือซาน เจ้าทำเกินไป”
แม่ทัพฉีหยุดชะงักและหันกลับไป แม่ทัพหวาตกใจจนตัวสั่น
แม่ทัพฉีหรี่ตาลงและจ้องมอง “สั่งคนมาที่นี่ เผาจวนหวานี่ทิ้งซะ สั่งให้คนเฝ้าบริเวณโดยรอบให้ดี อย่าทำให้ลามไปถึงพื้นที่อื่น”
อวิ๋นจิ่นมองออกไป แม่ทัพฉีมีทีท่าที่จริงจังเด็ดขาดมาก
รองแม่ทัพเฉารีบนำคนไปจุดไฟเผา และเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด
แม่ทัพหวาโกรธจนแทบกระอักเลือด จากนั้นจึงรีบกลับไปเรียกให้คนช่วยกันดับไฟ สุดท้ายก็ทำเอาทุลักทุเล ราวกับเดินเข้าไปในห้องไฟ
แม่ทัพฉีเดินกลับไปด้วยความหัวเสีย อวิ๋นจิ่นรีบเดินตาม
เมื่อแม่ทัพฉีมาถึงจวนท่านอ๋องเย่ก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงก้าวเดินเข้าไปข้างใน
ขณะนี้ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นและทุกคนต่างพากันหลับหมดแล้ว
แม่ทัพฉีเดินเข้ามาพอดีกับที่หนานกงเย่ก็ผลักประตูออกมา
เมื่อเห็นแม่ทัพฉี หนานกงเย่จึงรีบพูดออกไป “ท่านพ่อตา”
ไปจัดการคนให้แล้ว เช่นนี้ความสัมพันธ์ก็ยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าขึ้นมาและเดินไปที่หน้าประตู
อามู่และเสี่ยวเฉียวก็ตื่นขึ้นมา ทั้งสองดูแลเด็กคนอื่นโดยไม่ต้องรอให้ฉีเฟยอวิ๋นสั่ง
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาของพวกเขา หงเถาและลี่ว์หลิ่วจึงรีบเข้ามาเพื่อดูแลเด็กๆ ฉีเฟยอวิ๋นได้สั่งไปแล้วว่าอามู่คือพี่ชายคนโตของเด็กๆ มีเรื่องอะไรให้เชื่อฟังอามู่ เสี่ยวเฉียวเป็นเด็กผู้หญิง แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่สวยที่สุดในจวน
“อืม นี่ก็ดึกมากแล้ว คืนนี้ฝ่าบาทจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเจ้า รีบเปลี่ยนชุดเตรียมตัวที่จะเข้าวังเถอะ”
“ขอรับ” หนานกงเย่ตอบรับด้วยเสียงเรียบ
ฉีเฟยอวิ๋นสัมผัสได้ว่าท่านพ่อของเธอมีบางอย่างผิดปกติไป
“ท่านพ่อ ท่านไปหรือไม่เจ้าคะ? หรือว่าจะอยู่ดูแลเด็กๆ ที่บ้าน แต่ตามหลักแล้วท่านพ่อต้องไป หากไม่ไปละก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”
“พ่อจะไปกับพวกเจ้า เด็กๆ ก็ไปด้วยกัน พระพันปีตรัสหลายครั้งแล้วว่าอยากจะเจอ พวกเจ้าสองสามีภรรยากลับไม่อยู่ พ่อจึงไม่ได้พาไปเจอ ถึงอย่างไรก็เป็นท่านย่าของเด็กๆ พ่อทำไปเช่นนีั้นก็ถือว่าผิด” แม่ทัพฉียอมรับผิด
ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองหนานกงเย่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
สองสามีภรรยาจ้องตากันก็ไม่พูดอะไร
“เช่นนั้นท่านพ่อตาก็จะพาอามู่และเสี่ยวเฉียวไปด้วยหรือไม่?”
แม่ทัพฉีเหลือบไปมองอามู่และเสี่ยวเฉียว “ตามใจพวกเจ้าก็แล้วกัน”
แม่ทัพฉีหันหลังและเดินออกไปก่อน ฉีเฟยอวิ๋นกลับยิ่งรู้สึกแปลก
จากนั้นจึงหันหลังกลับไปที่หนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นถาม “ท่านพ่อแปลกไปมาก!”
“เจ้าห้าไม่มีความสุข ท่านพ่อก็เลยไม่มีความสุข” หนานกงเย่หันหลังเดินกลับเข้าไป จากนั้นจึงมองไปที่เจ้าห้า
“ไปกันทั้งหมดนี่ล่ะ จะได้ขอยศตำแหน่งให้กับพวกเจ้าด้วย เมื่อเข้าวังหลวงไปอามู่ต้องเปลี่ยนมาเรียกเป็นท่านพ่อบุญธรรมและท่านแม่บุญธรรม เช่นนี้จะดูสมเหตุสมผลกว่า”
“ขอรับ” อามู่ตอบตกลง
หนานกงเย่หันมามองฉีเฟยอวิ๋น “พาสวีกงกงไปด้วย อามู่จะได้ช่วยดูแลเจ้าสี่ อวิ๋นอวิ๋นและข้าดูแลหนึ่งคน เสียวกั๋วจิ้วและท่านพ่อตาก็สามารถช่วยดูแลอีกคน”
“หม่อมฉันว่าพาหงเถาและลี่ว์หลิ่วไปด้วยจะดีกว่า พวกนางจะได้คุ้นเคยกับวังหลวง อามู่และเสี่ยวเฉียวก็ยังต้องการคนดูแล ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการเข้าวังครั้งแรก จะพลาดไม่ได้เพคะ”
หนานกงเย่ครุ่นคิด “อันที่จริงเข้าวังหรือไม่เข้าวังก็เหมือนกัน ฐานะที่อยู่ในจวนก็ยังคงอยู่ตรงนั้น
อวิ๋นจิ่น เจ้าดูแลอามู่และเสี่ยวเฉียว”
“เพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกว่าเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน การเข้าวังไปเป็นการถูกกักขัง หากไม่เข้าวังไปพวกเขาจะยิ่งมีความสุขกว่าเดิม
ฉีเฟยอวิ๋นและทุกคนพร้อมแล้วสำหรับการเข้าวัง หนานกงเย่ไม่ได้สั่งให้คนไปบอกหวาชิงเรื่องที่จะเข้าวัง พวกเขาทั้งครอบครัวนั่งอยู่ในรถม้าออกเดินทางเข้าวังหลวง
รถม้าของหนานกงเย่มาถึงหน้าประตูวังหลวง รถม้าของท่านอ๋องตวนก็มาถึงแล้ว
อวิ๋นหลัวฉวนลงจากรถม้าด้วยความดีใจและรีบไปหาฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้ามาเป็นข้ออ้าง “วันนี้เจ้าห้าไม่ค่อยสบาย อย่ารบกวนเวลานอนของเขา”
“อ๋อ” อวิ๋นหลัวฉวนเดินไปดูเด็กคนอื่น ทั้งสองครอบครัวเข้าวังหลวงไปพร้อมกัน
คนของจวนท่านอ๋องเย่เดินเข้าวังหลวงไปด้วยความยิ่งใหญ่และดูทรงพลัง ทุกคนโดยรอบต่างก็รู้สึกอิจฉาพวกเขา
สวีกงกงไม่ได้เข้าวังมานานมากแล้วจึงรู้สึกมีอารมณ์ แต่เพื่อองค์รัฐทายาทแล้วจึงได้เก็บกลั้นอารมณ์นั้นไว้
ไห่กงกงเข้ามาต้อนรับและบอกให้องค์รัฐทายาทและทุกคนไปที่ตำหนักเฉาเฟิ่งก่อน
ไห่กงกงเห็นสวีกงกงเข้าจึงรีบแสดงความเคารพ “สวีกงกง สบายดีหรือไม่?”
“สบายดี ไห่กงกงก็เช่นกัน”
“ใช่ สวีกงกงโชคดีแล้ว!”
“เป็นเพราะไห่กงกงต่างหากล่ะ”
กงกงทั้งสองทักทายกันไปมา หนานกงเย่และทุกคนเดินไปอีกฝั่งหนึ่ง
พระพันปียืนรออยู่หน้าประตูตำหนักเฉาเฟิ่งนานแล้ว เมื่อเห็นหลานๆ มาถึง ความน้อยใจตลอดสองเดือนมานี้จึงหายไป จากนั้นจึงเดินเข้าไปหา
เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นจึงอุ้มเจ้าห้าไป “เจ้าห้า เจ้าคิดถึงย่าแล้วใช่ไหม?”
ถึงแม้ว่าอากาศจะดี พระพันปีก็ไม่กล้าถอดหมวกของเจ้าห้าออก เด็กๆ ไม่ควรได้รับลมจากภายนอก
พระพันปีอุ้มเจ้าห้าเดินเข้าไปในตำหนักเฉาเฟิ่ง เมื่อเข้ามาถึงก็ถอดหมวกออก และกำลังเตรียมจะพูดอะไรขึ้นมา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าห้าไม่ดีนัก พระพันปีจึงถามว่า “ทำไมสีหน้าของเจ้าห้าแย่เช่นนี้ล่ะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ตอบ จากนั้นแม่ทัพฉีจึงหันกลับและเดินเข้าไป ต่อให้เป็นพระพันปีเขาก็ไม่ไว้หน้า
พระพันปีอุ้มเจ้าห้าด้วยความรู้สึกแปลกใจ “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”
“เสด็จแม่เย็นพระทัยเพคะ ท่านพ่อของหม่อมฉันเพียงแค่รู้สึกโกรธแทนเจ้าห้าเพคะ”
“อืม?”
ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองมองหนานกงเย่ หนานกงเย่จึงกล่าวว่า “เจ้าห้าชอบสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะนกกา จิ้งจอกและเสือ……
ไม่ง่ายเลยที่ข้าจะได้เจ้าแห่งนกกามาครอง และมันยังรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าห้าด้วย
แต่ไม่คิดเลยว่า เมื่อวานหวาชิงจะกีดขวางข้าไม่ได้พาอวิ๋นอวิ๋น ข้าจึงตกเป็นรองในหมากรุกของนาง จากนั้นจึงกระอักเลือดออกมา
เจ้าแห่งนกกาของเจ้าห้าเห็นข้าบาดเจ็บ จึงต้องการเข้าไปจู่โจมหวาชิง จากนั้นหวาชิงจึงใช้ธนูยิงไปที่นกกาจนมันตาย หลังจากที่นกกาถูกธนูยิงมันก็กลับไปอยู่ข้างกายของเจ้าห้า เจ้าห้าเห็นนกกาได้รับบาดเจ็บจึงรู้สึกเสียใจและเป็นอย่างที่เห็น เขาไม่กินอะไรเลยมาตั้งแต่เมื่อวาน ใบหน้าของเขาจึงดูแย่เช่นนี้
เมื่อสักครู่ระหว่างการเดินทางมาก็ไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้ แต่เพราะนิสัยของท่านพ่อตา เมื่อเสด็จแม่ถามขึ้นมา ท่านพ่อตาจึงไม่มีความสุข และต้องการไปหาแม่ทัพหวา
ได้ยินมาว่า จวนแม่ทัพหวาถูกเผา และต้องการจะร้องเรียนท่านพ่อตา”
พระพันปีมีสีหน้าไม่มีความสุขนัก “แม่นางหวาชิงช่างกล้านัก พวกเจ้าสองสามีภรรยาไปที่งานเลี้ยง ส่วนเด็กๆ อยู่ที่นี่ อย่าทำให้เกิดเรื่องขึ้นอีก ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้น”
หนานกงเย่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นจึงวางเด็กๆ ลง และทิ้งให้สวีกงกงและทุกคนอยู่ที่นั่น จากนั้นจึงตามหวังฮวายอันไปที่งานเลี้ยง
ทั้งหมดถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว หนานกงเย่พาฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปจากนั้นจึงนั่งลง เมื่อนั่งลงก็ได้เห็นหวาชิงและพ่อของนาง
หวาชิงก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าหนานกงเย่และฉีเฟยอวิ๋นจะมาพร้อมกันและทั้งสองไม่เป็นอะไรเลย
แม่ทัพหวานั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงจากนั้นจึงมองไปที่แม่ทัพฉีทางนั้น
พ่อของเธอรู้สึกโกรธ
เสี่ยวสวีจื่อตะโกนออกมา “ฝ่าบาทเสด็จแล้ว ฮองเฮาเสด็จแล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปแสดงความเคารพ
มู่เหมียนไม่ได้มา ใจของฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกไม่ดีเลย
จักรพรรดิอวี้ตี้และฮองเฮาปรากฏตัว “ลุกขึ้นเถอะ”
เหล่าขุนนางต่างพากันขอบพระทัย จักรพรรดิอวี้ตี้ชำเลืองมองฮองเฮาจากนั้นกุมพระหัตถ์ของพระองค์ไว้
หนานกงเย่เงยหน้าขึ้นมองเฉินอวิ๋นชู