องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 692 ใช้อวิ๋นอวิ๋นข่มขู่ผู้อื่น
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 690 ใช้อวิ๋นอวิ๋นข่มขู่ผู้อื่น
ผู้คนต่างพากันมองออกไป และหลบออกมาเพราะเกรงว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย
จักรพรรดิอวี้ตี้ออกคำสั่งให้ถอดยศตำแหน่งของตระกูลโจวทั้งนั้นและลดขั้นเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา
โจวก่วงเหิงถูกลากออกไปในทันทีและโยนทิ้งนอกวังหลวง
แม่ทัพฉีรีบกราบทูลลาออกไป
จักรพรรดิอวี้ตี้ก็ไม่สามารถขัดขวางได้และมองไปที่ราชครูจวิน “ราชครู เจ้าได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วใช่หรือไม่เรื่องที่จวนเสนาบดีเฉินส่งคนมาทำร้ายพระชายาเย่?”
“ฝ่าบาท กระหม่อมหม่อมได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว คนที่ใช้เงินเพื่อจ้างให้คนมาทำร้ายพระชายาเย่ก็คือสะใภ้ของจวนเสนาบดี นอกเสียจากว่าคนของจวนเสนาบดีไม่ข้องเกี่ยวเรื่องนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ
แต่เรื่องนี้มีจุดที่น่าสงสัยที่สุด คนของจวนเสนาบดีเห็นเข้าก็ฆ่าทิ้งเสีย นี่จึงเป็นข้อน่าสงสัยที่ใหญ่ที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิอวี้ตี้เคร่งขรึมและมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
เสนาบดีที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นก็สั่นอยู่ตลอดเวลาและไม่พูดอะไรออกมาเลย
จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัสถาม “เสนาบดี เจ้าจะยอมรับผิดหรือไม่?”
เสนาบดีก้มหน้า “ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ร้ายพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิอวี้ตี้ยังคงมีความดีความชอบให้กับท่านพ่อตาคนนี้อยู่ หากไม่รับผิดก็ถือว่าดี
“เรื่องนี้ยังต้องตรวจสอบอีกครั้ง คุมตัวเสนาบดีไปขังไว้ก่อน ท่านอ๋องเย่ เจ้าคอยควบคุมดูแล หากเสนาบดีมีเรื่องอะไรก็ให้เจ้าคอยจัดการ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านอ๋องตวนล่ะ?” จักรพรรดิอวี้ตี้มองออกไปเพื่อหาท่านอ๋องตวน
ท่านอ๋องตวนไม่มาเสียที ทำให้จักรพรรดิอวี้ตี้มีสีหน้าไม่พอใจนัก “ไปตามท่านอ๋องตวนมาเดี๋ยวนี้ หากเขาไม่มาให้ลงโทษโดยการโบย”
ขณะที่กำลังพูด ท่านอ๋องตวนก็เข้ามา เมื่อเข้ามาถึงก็เหลือบไปมองหนานกงเย่จากนั้นจึงก้มแสดงความเคารพ
“ท่านอ๋องตวน เรื่องคนของจวนเสนาบดีทำร้ายพระชายาเย่นั้นให้เจ้าเป็นคนจัดการเรื่องนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิอวี้ตี้ลุกขึ้นและเหลือบมองไปยังคนที่เหลืออยู่ จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไป
เมื่อจักรพรรดิอวี้ตี้จากไป ท่านอ๋องตวนก็มองไปที่หนานกงเย่ “ตอนที่ข้ามาถึงข้าได้เห็นแม่ทัพฉี ข้าทักเขาๆก็ไม่สนใจข้า ไม่รู้ว่าที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ทำให้เขาไม่พอใจ”
“……”หนานกงเย่หันหลังและเดินออกมาโดยไม่ได้สนใจท่านอ๋องตวน
ท่านอ๋องตวนไม่เข้าใจจึงไปหาราชครูจวิน “ท่านราชครูจวิน ข้าต้องขอให้ท่านราชครูติดตามข้าไปทำการสอบสวนด้วย ช่วงนี้ร่างกายของข้าไม่ดีนัก ไม่สามารถทำงานหนักได้”
ราชครูจวินชำเลืองมองท่านอ๋องตวน
เป็นถึงท่านอ๋องตวน ทำไมถึงเหลวไหลไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ เขามักทำอะไรไร้สาระและไม่สนใจเรื่องใดๆ เลย หากเขามีความพยายามสักนิด เขาคงมีประโยชน์มากกว่านี้
แม่ทัพฉีออกมาจากวังก็ตรงไปที่บ้านของตระกูลโจว ตอนนี้ตระกูลโจววุ่นวายกันไปหมด แม้ว่าเขาจะถูกลดตำแหน่งเป็นสามัญชน แต่ก็ไม่ได้ถูกรื้อค้นบ้าน โจวอี้เหรินเป็นขุนนางมาตลอดชีวิต และได้สะสมข้าวของและภริยาและสนมไว้มากมาย
ขณะนี้กำลังคิดหาวิธีที่จะนำเงินทองหนีไปให้ไกล และมองเห็นศพที่นำมาส่งไว้หน้าบ้านโดยไม่มีใครสนใจไยดี
แม่ทัพฉีมาอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงหน้าประตูก็ใช้เท้าถีบประตูให้เปิดออก และไปโดนสนมที่กำลังจะหนีไป
“โจวไท่อยู่ที่ไหน?” แม่ทัพฉีจ้องเขม็งด้วยความโกรธราวกับจะฆ่าคน
สนมตกใจกลัวและรีบชี้เข้าในเรือนตระกูลโจว แม่ทัพฉีก้าวเท้าออกไป ผู้คนในตระกูลโจวต่างพากันหวาดกลัวและอกสั่นขวัญแขวน
แม่ทัพฉีพุ่งตรงเข้าไป ไม่นานก็หาเขาเจอ เมื่อเห็นโจวไท่ แม่ทัพฉีจึงถามว่า “เจ้าคือโจวไท่?”
โจวไท่คลานออกมาราวกับคนใกล้ตาย “ท่านคือฉีจือซาน?”
“โจวไท่ ข้าจะฆ่าเจ้า”
“อย่า……”
แม่ทัพฉีก้าวเข้าไปและเตะโจวไท่ จากนั้นโจวไท่จึงล้มลงและกระอักเลือดออกมา เขาสั่นเทาและห้ามให้แม่ทัพฉีเข้าไป แม่ทัพฉีก้มลงไปกระชากแขนของโจวไท่และโยนเขาออกไปข้างนอก โจวไท่กระแทกลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เขาดิ้นทุรนทุรายอยู่ไม่นาน จากนั้นจึงหมดลมหายใจไปทันที
ผู้คนในตระกูลโจวต่างพากันร้องตะโกน แม่ทัพฉีหันหลังกลับและเดินจากไป
เมื่อหนานกงเย่มาถึง แม่ทัพฉีก็กำลังเดินออกไป ทั้งสองคนเจอหน้ากัน หนานกงเย่ถาม “ท่านพ่อตาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่เป็นอะไร”
“เช่นนั้นก็รีบกันเถอะ ไม่เช่นนั้นอวิ๋นอวิ๋นจะเป็นกังวลเอาได้”
“อืม”
จากนั้นทั้งสองจึงพากันกลับออกไป
ระหว่างทางแม่ทัพฉีถามว่า “คนที่อยู่กลุ่มเดียวกันได้ตรวจสอบเจอหรือไม่?”
หนานกงเยากะพริบตา “ตรวจสอบแล้วและกำลังหาตัวมาให้ได้”
“อืม”
แม่ทัพฉีไม่พอใจเป็นอย่างมากกับเรื่องนี้ นานครั้งที่เขาจะไปที่ราชสำนัก แต่กลับต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาไม่อยู่เป็นเวลาหลายปี และลูกสาวก็ถูกคนอื่นรังแก แม่ทัพฉีรู้สึกเสียใจ ตอนนั้นเขาน่าจะพาลูกสาวไปด้วย เช่นนั้นก็คงเป็นเหมือนหวาชิง ต่อให้เขาต้องตายเขาก็วางใจได้
หนานกงเย่รับรู้ได้ถึงความคิดของแม่ทัพฉีและกล่าวว่า “ท่านพ่อตาวางใจได้ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกอวิ๋นอวิ๋น”
“หากนางยังเป็นอวิ๋นอวิ๋นในตอนนั้น เจ้ายังจะพูดเช่นนี้อีกหรือไม่?” จู่ๆ แม่ทัพฉีก็ถามขึ้นมา หนานกงเย่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ทั้งสองจ้องตากัน แม่ทัพฉีหันกลับและเดินจากไป ใบหน้าที่เย็นชานั้นราวกับหิมะที่ตกหนัก
หนานกงเย่เดินตามมาข้างหลัง แม่ทัพฉีไม่ได้ไปจวนท่านอ๋องเย่ จากนั้นจึงเดินกลับจวนแม่ทัพไป
เดิมทีหนานกงเย่ต้องการจะเข้าไปด้วย แต่เมื่อแม่ทัพฉีเข้าประตูไปก็สั่งว่า “ปิดประตู ข้าไม่อยากพบใครทั้งนั้น”
พ่อบ้านรีบเข้ามาขัดขวางหนานกงเย่ไว้ “ท่านอ๋องอย่าเข้าไปเลยขอรับ”
หนานกงเย่ถูกไล่ออกมาและยืนอยู่หน้าประตูจวนแม่ทัพอยู่ครู่หนึ่ง และคิดว่าต้องมีอะไรแปลกไป
จากนั้นจึงกลับไปหาอวิ๋นอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเมื่อได้ยินเข้าก็ลุกขึ้นมานั่ง “พ่อของหม่อมฉันกลับบ้านแล้วหรือเพคะ?”
หนานกงเย่พยักหน้า “กลับไปแล้ว แต่ข้าเห็นเขามีบางอย่างผิดปกติไป จึงกลับมาบอกอวิ๋นอวิ๋น”
ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกแปลก ต่อให้เรื่องของโจวไท่ทำให้พ่อของเธอโมโห ก็คงไม่ถึงขั้นกลับบ้านไป
ฉีเฟยอวิ๋นเป็นกังวลจากนั้นจึงลุกขึ้นและออกจากจวนไป
หนานกงเย่ก็ติดตามไปด้วยเช่นกัน
เมื่อมาถึงหน้าประตูจวนแม่ทัพ ฉีเฟยอวิ๋นจึงเคาะประตูเรียก
มีคนเดินมาที่หน้าประตู เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบตอบกลับมา “ท่านแม่ทัพบอกว่าจะไม่พบใครทั้งนั้นขอรับคุณหนู ควรทำเช่นไรดีขอรับ?”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้เรื่องนี้แล้วจากหนานกงเย่ระหว่างทางที่เดินมา
“ข้าขอเข้าไปดูหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”
ฉีเฟยอวิ๋นต้องการจะเข้าไป คนใช้จึงไม่กล้าขัดขวาง แต่หนานกงเย่ไม่สามารถเข้าไปได้
“ท่านอ๋องอย่าเข้าไปเลยขอรับ” คนใช้รู้สึกลำบากใจ
หนานกงเย่สีหน้าเย็นชา “ปากก็เรียกข้าว่าท่านอ๋อง คุณหนูยังเข้าไปได้ทำไมข้าจะเข้าไปไม่ได้ล่ะ?”
คนใช้ทำสีหน้าลำบากใจ “ท่านแม่ทัพอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่อาจทำร้ายคุณหนูได้ แต่สำหรับท่านอ๋องนั้นไม่แน่ขอรับ”
“เช่นนั้นเจ้าก็หวังดีกับข้างั้นหรือ?” หนานกงเย่กล่าวด้วยเสียงโมโห
คนใช้ไม่ได้กลัวหนานกงเย่ คนของจวนแม่ทัพก็ไม่ได้น่ากลัวเช่นกัน
“ขอรับ”
สีหน้าของหนานกงเย่ยิ่งแย่ ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมอง “ท่านไม่ต้องเข้ามาหรอกเพคะ หม่อมฉันเข้าไปดูสักหน่อย ท่านกลับไปก่อนเถอะ”
จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาแม่ทัพฉี คนใช้รับขวางหนานกงเย่ไว้ข้างนอก หนานกงเย่เดินไปเดินมา ยืนรออยู่ข้างนอกอย่างกังวลใจ
และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จู่ๆ หนานกงเย่ก็นึกถึงเรื่องวันนั้นที่อยู่กับท่านอ๋องตวนในวังและต้องการจะทุบตีอวิ๋นอวิ๋นให้ตาย จู่ๆ หัวใจก็เต้นแรง เหมือนกับจะเกิดอะไรขึ้น
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ข้าจะเข้าไป”
หนานกงเย่เป็นกังวลใจจึงรีบเรียกคนให้เปิดประตู
คนข้างในไม่ขยับตัวและทำเป็นไม่ได้ยิน
“หากยังไม่เปิดประตู งั้นข้าจะเข้าไปเองเดี๋ยวนี้” หนานกงเย่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
จากนั้นคนข้างในก็พูดขึ้นมา “ท่านอ๋อง หากท่านทำลายประตูแล้วเข้ามา คุณหนูจะต้องเอาผิดกับท่าน เช่นนั้นท่านก็อย่าหาว่าข้าน้อนไม่ขัดขวางท่านไว้”
เขาตักเตือนด้วยความหวังดี หนานกงเย่ทำสีหน้าครุ่นคิด “เจ้ากล้าข่มขู่ข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าน้อยไม่กล้าขอรับ ข้าน้อยแค่พูดตามความจริง หากท่านอ๋องไม่เชื่อว่าคุณหนูจะเอาผิดกับท่าน เช่นนั้นท่านก็ลองเข้ามาดูขอรับ”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าอย่างนั้นหรือ?” หนานกงเย่รู้สึกโมโหอย่างมาก และเกือบถีบประตูเข้าไป
คนที่อยู่ข้างในจึงพูดว่า “ท่านอ๋องกล้าแน่นอนขอรับ!”
“……”
หนานกงเย่โมโหอย่างมากแต่กลับทำอะไรไม่ได้ เขาไม่สามารถเข้าไปได้ หากเข้าไปอวิ๋นอวิ๋นต้องจัดการเขาแน่ๆ