องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 696 เตรียมใจ
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 694 เตรียมใจ
อวิ๋นจิ่นลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคงและมองไปที่แม่ทัพฉี:“ท่านแม่ทัพฉี เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้?เหตุใดถึงต้องการจะฆ่านายท่าน?”
แม่ทัพฉีดูไม่สบอารมณ์:“อวิ๋นอวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง?”
“แต่ก่อนแผลหายอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ยังไม่หายและดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก นายท่านกลัวว่า……”
แม่ทัพมองไป:“คนล่ะ?”
“หายไปแล้วเจ้าค่ะ ถูกท่านอ๋องพาตัวไปแล้ว”
“ไร้สาระ บอกให้เขากลับมา เขาบาดเจ็บสาหัส จะไปได้อย่างไรกัน?”
“นายท่านกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับท่านอ๋อง จึงให้ท่านอ๋องดื่มเลือดของนาง ท่านอ๋องทรงไม่เป็นไรแล้ว เลือดของนายท่านสามารถช่วยชีวิตได้ ท่านแม่ทัพไม่รู้หรือ?” อวิ๋นจิ่นรู้ว่าแม่ทัพต้องรู้อย่างแน่นอน เพียงแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้และไม่พูดอะไร
แม่ทัพฉีมองไปที่อวิ๋นจิ่น:“อวิ๋นอวิ๋นเป็นเช่นนั้น เขายังจะดื่มเลือดของนางอีกหรือ:“
“ท่านแม่ทัพ นั่นเป็นสามีของนายท่าน และมีความสำคัญต่อนายท่านเช่นเดียวกับท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพเป็นคนชัดเจนมาโดยตลอด เหตุใดคราวนี้ถึงทำเรื่องเช่นนี้?”
“……” แม่ทัพฉีเงียบไม่พูดไม่จาและเหลือบมองยาที่อยู่ในมือของอวิ๋นจิ่น:“นั่นเป็นยาพิษหรือ?”
“นายท่านมอบให้ข้าก่อนที่จะหมดสติไป” อวิ๋นจิ่นกล่าว
แม่ทัพฉีหยิบและกินลงไป สายตาของเขาเย็นชา:“บอกให้พ่อบ้านดูแลจวนแม่ทัพให้ดี ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว”
แม่ทัพฉีหันกลับเข้าไปข้างใน และอวิ๋นจิ่นก็เดินตามไป:“ท่านแม่ทัพ!”
“ออกไปเถอะ”
แม่ทัพฉีเข้าไปข้างในและ อวิ๋นจิ่นรั้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะจากไป
อ๋องตวนพาราชครูจวินไปตรวจสอบที่จวนเสนาบดีเฉิน และจวนเสนาบดีก็ถูกตรวจสอบเพื่อที่จะอายัดแล้ว อ๋องตวนไปที่จวนเสนาบดีอีกรอบ แต่ไม่พบเฉินอวิ๋นเจี๋ย ในเวลานี้เฉินอวิ๋นเอ๋อร์กำลังรอใครบางคนด้วยความร้อนใจ
เมื่อคนที่มาคืออ๋องตวน เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรู้สึกว่าอ่องตวนรับมือได้ง่ายกว่า
หลังจากที่พบหน้ากัน เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ร้องไห้ในทันที และจ้องมองไปที่อ๋องตวน
เดิมทีนางต้องการแต่งงานกับอ๋องเย่ แต่อ๋องเย่ไม่ต้องการให้นางเข้าไปอยู่ในจวน และพ่อแม่ของนางก็เข้าข้างพี่สาว นางจึงไม่มีทางที่จะได้เข้าไปในวัง
แล้วในตอนนี้จะยังมีใครได้อีก?
หากได้แต่งงานกับอ๋องตวนก็คงจะเป็นเรื่องดี
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป
นางเกลียดฉีเฟยอวิ๋น หากนางได้แต่งงานกับอ๋องตวน นางก็จะหาทางเพื่อฆ่าอวิ๋นหลัวฉวน และท้ายที่สุดนางก็จะได้เป็นภรรยาเอก
อวิ๋นหลัวฉวนไม่ได้มาด้วย?
เมื่ออ๋องตวนเดินเข้ามา เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็เดินไปคารวะ:“คารวะท่านอ๋องตวนเพคะ”
อ๋องตวนยืนเอามือไพล่หลัง แววตาของเขาเย็นชา:“เฉินอวิ๋นเจี๋ยล่ะ?”
“ท่านพี่ไม่อยู่เพคะ ไปที่ชายแดนแล้ว”
อ๋องตวนมองไปที่ราชครูจวิน ราชครูจวินพยักหน้า และอ๋องตวนก็เห็นด้วย
“เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ ข้าถามเจ้าหน่อย ท่านแม่ของเจ้ามีญาติพี่น้องที่ชื่อโจวอวิ่นถังหรือไม่?”
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์นึกถึงเรื่องของตระกูลเฉินในปีนั้น นางลังเล แต่ก็กล่าวว่า:“โจวอวิ่นถังเป็นญาติของตระกูลหม่อมฉัน และเป็นน้องชายของท่านแม่ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องตวนทรงตรัสถามเรื่องนี้ทำไมหรือเพคะ?”
“ในเมื่อเจ้ายอมรับแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อน” หลังจากถามแล้ว อ๋องตวนถามก็ต้องการจะจากไป แต่เฉินอวิ๋นเอ๋อร์รีบขวางไว้ในทันที
“ท่านอ๋องตวน อวิ๋นเอ๋อร์มีเรื่องอยากจะพูดเพคะ เชิญท่านอ๋องเข้าไปพูดคุยกันในห้อง”
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์กล่าวด้วยความเคารพ
ราชครูจวินกล่าวว่า:“กระหม่อมจะออกไปรอข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ เชิญท่านอ๋องตวน”
อ๋องตวนหันกลับไปมอง เดิมทีอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจึงกล่าวว่า:“ที่นี่ก็ไม่มีคนนอก เจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ”
“แน่นอนว่าไม่สามารถพูดที่นี่ได้ ท่านอ๋องตวนได้โปรดไปพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวเพคะ” เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ยืนกรานที่จะเข้าไป และอ๋องตวนก็หมดความอดทน
“มีอะไรก็ว่ามา ข้าไม่สะดวกที่จะเข้าไป”
“ท่านอ๋องตวน มีบางอย่างที่ไม่สามารถให้ผู้อื่นอื่นได้ยินได้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับโจวอวิ่นถัง ญาติของหม่อมฉัน” เมื่อเฉินอวิ๋นเอ๋อร์กล่าวเช่นนี้ อ๋องตวนจึงยอมเข้าไป
“ว่ามาเถอะ”
อ๋องตวนไม่สบอารมณ์ และเมื่อเข้าไปในห้องแล้ว เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็บอกใบ้ให้ผู้คนออกไป จากนั้นนางก็กล่าวว่า:“ท่านอ๋องตวน หม่อมฉันจะไปนำสิ่งหนึ่งมาให้พระองค์ แล้วพระองค์ก็จะทราบเพคะ”
เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ถอนสายบัวและถอยออกไป
อ่องตนรออยู่ในห้อง มีคนผลักประตูและนำน้ำชามาให้
คนรับใช้ไม่ได้พูดอะไรและถอยออกไป
อ๋องตวนไม่ได้ดื่มน้ำชา แต่เขาก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ดูเหมือนเกิดภาพลวงตาขึ้นตรงหน้าเขา ประตูถูกเปิดออก และเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็เดินเข้ามา
อ๋องตวนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและลุกขึ้นยืน
แต่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เฉินอวิ๋นเอ๋อร์เดินมาตรงหน้าอ๋องตวน และเข้ามาแนบชิด:“ท่านอ๋อง……”
ฉีเฟยอวิ๋นถูกอุ้มขึ้นมาบนเขา หลังจากที่หนานกงเย่เข้าไปแล้ว เขาก็คอยเฝ้าฉีเฟยอวิ๋น ครั้งนี้ฉีเฟยอวิ๋นแตกต่างจากทุกครั้ง ไม่เพียงแต่บาดแผลของนางจะไม่หาย แต่กลับรุนแรงมากขึ้น
หนานกงเย่อยู่เป็นเพื่อนฉีเฟยอวิ๋นทุกวัน ฉีเฟยอวิ๋นไม่กินข้าวไม่กินน้ำ และเขาก็กินไม่ลงเช่นกัน
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นฟื้นขึ้นมา นางก็เห็นว่าหนานกงเย่ตกตะลึงและซูบผอมลงมาก
“ท่านอ๋อง” ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและมองไปที่ใบหน้าของหนานกงเย่ หนานกงเย่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เขาคิดว่ามันเป็นความฝัน
“อวิ๋นอวิ๋น หากเจ้ายังไม่ฟื้นขึ้นมา แล้วยังเป็นเช่นนี้อีก ข้าก็คงจะอดตาย!”
“ท่านอ๋องพูดเพ้อเจ้อแล้ว จะอดตายได้อย่างไรกันเพคะ!”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกขบขัน แม้ว่านางจะยังอ่อนแอ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว
หนานกงเย่ลุกขึ้น:“อวิ่นอวิ๋นไม่เป็นไรแล้วหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นเอาข้อมือของนางให้หนานกงเย่ดู:“คงจะไม่เป็นไรแล้วเพคะ”
หนานกงเย่มองที่ข้อมือของฉีเฟยอวิ๋น บาดแผลสมานขึ้นเยอะแล้ว แต่เพียงยังไม่ได้หายไป
หนานกงเย่ถามว่า:“เกิดอะไรขึ้น?”
ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจและมองไปรอบ ๆ:“ที่นี่ที่ไหน?”
“ที่ฝึกซ้อมบนเขาของข้า ตอนเด็ก ๆ ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ แต่มันค่อนข้างลำบาก” หลังจากที่พูดจบ หนานกงเย่ก็ลุกขึ้นยืน ฉีเฟยอวิ๋นมองไปรอบ ๆ และตามลงไป ท้องของนางส่งเสียงร้องด้วยความหิว
หลังจากเดินไม่กี่ก้าว ฉีเฟยอวิ๋นก็ก้มลงไปมองที่ท้องของนาง และมองไปที่หนานกงเย่:“ท่านอ๋อง ที่นี่มีอะไรกินหรือไม่เพคะ?”
“อืม มีของกิน แต่ต้องไปหา รอเดี๋ยวนะ ข้าจะไปหาให้”
หนานกงเย่พาฉีเฟยอวิ๋นที่ยังอ่อนแอไปด้วย เขาจับมือของฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นก็เดินไปบนภูเขาที่ขรุขระและมีหญ้ารก
ทั้งสองรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ไม่มีแรงจะเดินและเดินโซเซ
หนานกงเย่พบไก่ป่าในพงหญ้า และฆ่าไก่ป่าด้วยหินเพียงก้อนเดียว และยังมีไข่ของไก่ป่าด้วย
เมื่อพูดถึงไก่ป่าก็ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงและดูหนานกงเย่ทำอาหารให้นางกิน
หลังจากที่กินอิ่มแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็มีแรงมากขึ้น นางเอนตัวพิงหนานกงเย่แล้วหลับไปสักพัก แต่หนานกงเย่ไม่กล้าหลับ และรอให้ฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นมาทั้งคืน
จนกระทั่งเช้าฉีเฟยอวิ๋นก็ตื่นขึ้นมา แต่อาการบาดเจ็บของนางก็ยังไม่ดีขึ้น และร่างกายก็ยังคงอ่อนแอมาก
ตั้งแต่ฉีเฟยอวิ๋นมาที่นี่ หนานกงเย่ไม่เคยเห็นร่างกายของฉีเฟยอวิ๋นแย่ขนาดนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่ร่างกายจะแย่ แต่ดูเหมือนว่านางจะเจ็บปวดไปทั้งตัว
“อวิ๋นอวิ๋น เจ้าตื่นแล้วหรือ?” หนานกงเย่โอบฉีเฟยอวิ๋นให้ลุกขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นยังคงรู้สึกเหนื่อยมาก ไม่เพียงแต่จะเหนื่อยมาก แม้แต่พูดก็ยังอ่อนแรง
หนานกงเย่โอบไว้แน่น เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับฉีเฟยอวิ๋น เขาจึงไม่ยอมที่จะวางฉีเฟยอวิ๋นลง
ฉีเฟยอวิ๋นพิงอยู่ในอ้อมแขนของหนานกงเย่และหายใจอย่างเงียบ ๆ อากาศในโลกนี้ยังคงสดชื่น
“ท่านอ๋อง หากหม่อมฉันตายไป พระองค์ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะเพคะ ต้องเสียงดูลูก ๆ ให้เติบโตเป็นเป็นผู้ใหญ่ก่อนถึงจะตายได้”
หัวใจของหนานกงเย่สั่นไหว เขาก้มลงมองฉีเฟยอวิ๋น และฉีเฟยอวิ๋นก็เงยหน้าขึ้น:“ครั้งนี้แตกต่างออกไป ถือว่าเป็นการล้างแค้น หม่อมฉันมาที่นี่เพราะท่านอ๋องฆ่าเจ้าของร่างเดิม ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าของร่างเดิมจะฆ่าหม่อมฉัน และทำให้ท่านอ๋องเจ็บปวดใจ นางกับหม่อมฉันถูกหล่อหลอมให้รวมกัน ท่านอ๋องต้องเตรียมใจไว้นะเพคะ!”
หนานกงเย่กระชับแขนทั้งสองให้แน่นขึ้น:“งั้นหรือ?”
และออกแรงกอดฉีเฟยอวิ๋น นางจึงไม่พูดอะไรอีก