องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 697 ระบบถูกก่อกวนจนสับสน
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 697 ระบบถูกก่อกวนจนสับสน
“ท่านคิดว่า สงบภายในก่อนเป็นจุดสำคัญหรือ?”ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถาม
อวิ๋นหลัวฉวนส่ายหน้า กล่าวว่า“ข้าเป็นหญิง ต้องการสงบภายในนั่นเพราะเป็นความรับผิดชอบของตนเอง ไม่ใช่กล่าวว่า ชายเป็นหลักรับผิดชอบอยู่ด้านนอกหญิงเป็นหลักรับผิดชอบด้านในหรือ?ในเมื่อเรื่องการออกรบเป็นส่วนของชาย เช่นนั้นมิสู้กับข้ามาสู้รบศึกภายใน”
“พูดง่ายพอทำจริงมันยาก หากชายหนุ่มไม่สามารถโค่นล้มหญิงผู้นี้ลงได้ เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงทำได้?”
“ข้าสามารถพังพินาศไปพร้อมกับนางได้ ไม่ให้นางนำความหายนะมาสู่คนมากมาย ลูกของข้าคือลูกท่านอ๋องตวน อย่างไรต้องมีชีวิตรอด หากข้าตายคนเดียวแล้ว นางก็ตายด้วย ไม่คุ้มค่าหรือ?”
อวิ๋นหลัวฉวนกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวองอาจผึ่งผายทำให้ฉีเฟยอวิ๋นแสดงออกทางสีหน้า แต่ในสายตาของฉีเฟยอวิ๋น นางยังเป็นคนโง่คนหนึ่ง
มองอวิ๋นหลัวฉวนแล้วฉีเฟยอวิ๋นได้ทอดถอนหายใจกล่าวว่า“ผู้หญิงที่นี่ล้วนโง่ ในเมื่อท่านตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นเอาตามท่านว่าเลย ท่านกลับไปเถิด สงบครรภ์อย่างผ่อนคลาย ช่วงนี้อะไรก็ไม่ต้องทำหรอกนะ”
“ได้”
อวิ๋นหลัวฉวนตอบตกลงหนานกงเย่กับฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ออกไป โดยที่ทั้งสองไม่ได้หยุดพักเลย
ออกมาแล้วฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเหนื่อยจนเหงื่อตก
หนานกงเย่โอบอุ้มเธอกลับจวนอ๋องเย่
กลับมาถึงจวนอ๋องเย่นั้นมืดค่ำแล้ว ฉีเฟนอวิ๋นยังอยากจะไปจวนแม่ทัพ
“ท่านอ๋อง พวกเราไปเยี่ยมท่านพ่อกัน”
พอมาถึงหน้าประตู ฉีเฟยอวิ๋นลงมา จากนั้นหนานกงเย่ได้อุ้มเธอไปที่จวนแม่ทัพ
พอถึงด้านนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงลง แล้วไปดูประตู
เสี่ยวเฉียวกับอามู่กำลังอยู่ด้านใน พอเห็นฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบวิ่งมาหาเธอ
“ท่านแม่”
“ท่านอาจารย์”
“อืม ท่านตาล่ะ?”ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีเวลามาพูดอะไรมาก เธอลูบที่ศีรษะเสี่ยวเฉียว
เสี่ยวเฉียวตาแดงก่ำแล้ว ชั่วประเดี๋ยวเดียวได้โผเข้าสวมกอดฉีเฟยอวิ๋น ร้องไห้ขึ้นมาโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดเลย
ฉีเฟยอวิ๋นสูดหายใจเข้าลึกๆ สรุปเสี่ยวเฉียวเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง เธอมองว่านางโตแล้ว สิ่งนี้จึงไม่ถูกต้องเลย
ฉีเฟยอวิ๋นคุกเข่าลงปลอบนางสักครู่หนึ่ง เสี่ยวเฉียวหยุดร้อง ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้จูงมือเสี่ยวเฉียวไปหาท่านแม่ทัพ บางทีอาจจะเคยสูญเสีย หรือกลัวจะสูญเสียอีก เสี่ยวเฉียวเลยจับมือของฉีเฟยอวิ๋นไม่ยอมปล่อย ฉีเฟยอวิ๋นเลยพาเสี่ยวเฉียวไปหาแม่ทัพฉีด้วยกัน
พอมาถึงหน้าประตูฉีเฟยอวิ๋นถามพ่อบ้านอาวุโสว่า“เป็นอะไรหรือ?”
พ่อบ้านอาวุโสก้มศีรษะลง กล่าวว่า“ท่านแม่ทัพอยู่ด้านในไม่ออกมาเลย สี่วันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อวิ๋นจิ่นล่ะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นแปลกใจ เธอให้อวิ๋นจิ่นอยู่นี่
“เมื่อวานอวิ๋นจิ่นยังอยู่ วันนี้เพิ่งจะไปพ่ะย่ะค่ะ”พ่อบ้านกล่าวเช่นนั้น ฉีเฟยอวิ๋นเลยแปลกใจ
“ไม่ใช่แล้ว อวิ๋นจิ่นไม่ใช่คนที่จะออกจากงานไปโดยพลการ ไม่ควรที่จะออกจากจวนแม่ทัพ และยิ่งไม่มีทางที่จะไม่อยู่ที่จวนรอข้า”
อามู่มองฉีเฟยอวิ๋น กล่าวว่า“ท่านอาจารย์ วันนั้นอาหญิงเห็นท่านแม่ทัพแล้วไม่กินไม่ดื่ม เอาอาหารไว้อีกด้านแล้วเดินไป ข้าถามท่านอาหญิงว่าจะไปไหน นางกล่าวว่าไปสถานที่ที่อยากจะไปขอรับ”
ฉีเฟยอวิ๋นชะงักงัน หมุนตัวหันกลับมองประตูของแม่ทัพฉี กล่าวขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ท่านไปก่อน จำเป็นต้องช่วยอวิ๋นจิ่น”
“อือ”
หนานกงเย่ก็เป็นคนฉลาด แน่นอนว่ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หนานกงเย่ออกไปฉีเฟยอวิ๋นเลยชี้แจงกับพ่อบ้านว่า“เอาอามู่กับเสี่ยวเฉียวไปพัก ตรงนี้เดี๋ยวข้าจะจัดการเอง”
พ่อบ้านพยักหน้า แล้วพาเด็กน้อยทั้งสองไปพัก
ฉีเฟยอวิ๋นผลักประตูเข้าไป ด้านในค่อนข้างมืด ไฟไม่จุดเปิดขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นออกไปเรียกคนมา จุดไฟขึ้น ปิดประตูแล้วเดินไปหาแม่ทัพฉี ภายในห้องของแม่ทัพฉีอ้างว้างไร้เสียง คล้ายดั่งไม่มีคนฉีเฟยอวิ๋นจุดตะเกียงไฟ ส่องนำไปถึงได้เห็นแม่ทัพฉีนอนอยู่ด้านใน
“ท่านพ่อ”
ฉีเฟยอวิ๋นเรียกแม่ทัพฉี แม่ทัพฉีลืมตาขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้เอาตะเกียงวางลง แล้วเดินไปนั่ง
“ท่านพ่อ”
ท่านแม่ทัพฉีมองฉีเฟยอวิ๋นแล้วกล่าวว่า“เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
“ท่านพ่อ”
ฉีเฟยอวิ๋นเพียงแค่เรียกเขา แม่ทัพฉีเบนหน้าหนีไม่พูดไม่จา
ฉีเฟยอวิ๋นจึงไม่กล่าวพูดอะไรอีก ทั้งสองพ่อลูกเลยอยู่กันอย่างนั้น
ครึ่งชั่วยามผ่านไปไวมาก ไม่นานก็ถึงเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว
แม่ทัพฉีกล่าวว่า“เกิดอะไรหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้แปลกใจ เธอรู้ด้วยซ้ำว่าสงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่
“ข้ามาจากอีกโลกหนึ่ง ตอนที่มา……”
“เรื่องเหล่านี้ข้ารู้แล้ว เจ้าเคยพูด บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับอวิ๋นอวิ๋น?”แม่ทัพฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ท่านพ่อ ท่านรู้ตั้งนานแล้วว่าข้าไม่ใช่บุตรสาวของท่าน เหตุใดถึงได้แกล้งทำเป็นไม่รู้เจ้าคะ?”
“เจ้าไม่ใช่บุตรสาวของข้า แต่อย่างน้อยที่สุดร่างกายนั้นใช่ เจ้าพูดอย่างชัดเจนทุกอย่าง ข้ายังจะอย่างไรได้?สังหารเจ้าเองกับมือนะหรือ?”แม่ทัพฉีหน้าซีดเผือด เขาหมดกำลังใจไปตั้งนานแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ วิญญาณของบุตรสาวท่านยังมีอยู่ นางอยู่ในร่างของข้าตลอด เรื่องการแต่งงานของข้ากับท่านอ๋อง ที่จริงเป็นนางคอยผสมโรงถึงได้สำเร็จเจ้าค่ะ
เพียงแต่นางอยู่ไม่มีคนรู้ จนถึงไม่กี่วันมานี้ เรื่องของโจวไท่ นางรู้สึกเจ็บปวดมาก ข้าถึงได้มั่นใจว่านางอยู่ในร่างข้า”
“เช่นนั้นนางจะอยู่ตลอดไปหรือไม่?”แม่ทัพฉีมองไปทางฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า
“ข้าไม่แน่ใจเจ้าค่ะ บางทีนางอาจจะต้องการให้ข้าไป”ฉีเฟยอวิ๋นหันไปยิ้มให้แม่ทัพฉี ด้วยท่าทางทีสบายๆไม่อะไร
แม่ทัพฉีกล่าวว่า“ร่างกายของเจ้าล่ะ?”
“ข้าอยู่อีกโลกหนึ่ง ตอนที่ทำการทดลองเกิดปัญหากับร่างกายข้า ไม่มีตั้งนานแล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไร?”
“บางทีอาจจะไปอยู่บนร่างกายของคนอื่น”ปากพูดอย่างนั้น แต่ใจของเธอนั้นรู้อย่างชัดเจน นั่นเป็นไปไม่ได้ ความโชคดีของคนคนหนึ่งไม่มีทางที่จะมีครั้งที่สองครั้งที่สาม ครั้งเดียวนับว่าโชคดีพอแล้ว
แม่ทัพฉีเงียบอึมครึมลง
นั่งสักพักหนึ่งฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ท่านพ่อ ท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
แม่ทัพฉีมองฉีเฟยอวิ๋นเป็นเวลานาน ถึงได้กล่าวว่า“ยังอยู่ดี ถามไปทำอันใดกัน?”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรเจ้าค่ะ นางกลับมาครั้งนี้ ต้องการจะไปหาท่านแม่ นางไม่ยอมไปไหน แต่ข้ารู้สึกได้ หากนางไม่ไป ข้าจะไปเอง พูดอย่างชัดเจนร่างกายนี้ไม่สามารถสวมวิญญาณได้ถึงสองคน
แม้ข้าจะไร้หนทางที่จะอธิบายว่าสรุปมันเกิดอะไรขึ้น แต่ความจริงเป็นเช่นนี้
นางเป็นเจ้าของร่างเดิม แม้ว่าวิญญาณจะอ่อนแรง แต่เพียงแค่นางไม่ไป จิตสำนึกนางจะอยู่ที่นี่ตลอด และข้าเป็นเพียงผู้ที่มาอาศัยอยู่ ข้าอยู่ไม่ได้”
คำพูดเหล่านี้ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าพูดกับหนานกงเย่ เขาเป็นคนวู่วาม ทำอะไรออกมาได้หมด
แม่ทัพฉีเงียบอยู่สักครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า“เรื่องหลายปีก่อนหน้ามาแล้ว ข้าก็ไม่แน่ใจว่านางไปที่แห่งใด คนนั้นยังไม่ตาย แต่นางมีความลำบากใจที่จำใจมาก”
“อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นทอดถอนหายใจออกมากล่างว่า“ไปหาได้หรือไม่เจ้าคะ?ท่านพ่อเจอท่านแม่ที่ไหนเจ้าคะ?เช่นนั้นฝีมือดาบไร้ใจคือของท่านแม่หรือไม่?”
“นางทำไม่เป็นหรอก นับว่าเป็นคำล่ำลือกัน”แม่ทัพฉีไม่ได้ปิดบัง
ฉีเฟยอวิ๋นเพียงแค่พยักหน้ากล่าวว่า“ท่านพ่อ สุขภาพร่างกายท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“มิเป็นไร สบายดี”
แม่ทัพฉีลุกขึ้น มองฉีเฟยอวิ๋นแล้วกล่าวว่า “เจ้ากลับไปเถิด พ่อ……”
“ท่านพ่อ ไม่นานข้าอาจจะไป ข้ารู้ว่าท่านพ่อยังฝังใจกับท่านอ๋อง คิดว่าการตายของนางเป็นท่านอ๋องทำ แต่ท่านพ่อต้องเคยคิดให้พวกเราสมหวังอย่างแน่นอน
ข้าไม่ใช่นักปราชญ์นักบุญ ไม่คิดว่าท่านพ่อจะต้องให้อภัยพวกเราหรอกเจ้าค่ะ
แต่บุพเพสันนิวาส ต้องมีสาเหตุเจ้าค่ะ
หากว่าถึงเวลาที่ข้าต้องไป เช่นนั้นข้าจะไป เพียงแต่เมื่อถึงเวลาท่านพ่ออย่าไปคิดบัญชีกับท่านอ๋องเย่เลยนะเจ้าคะ”
“ได้!”แม่ทัพฉีตอบตกลง
“ตอนนี้พวกเราจะเหมือนเดิมอย่างเมื่อก่อน รอข้าปรับแก้ต้าเหลียงแล้ว จะเอาร่างนี้คืนให้นาง ข้าจะไปหาท่านแม่ ถึงเวลานั้นข้าจะไป”
แม่ทัพฉีไม่ได้ตอบ ฉีเฟยอวิ๋นเลยกล่าวว่า“ท่านพ่อ ออกไปเถิดเจ้าค่ะ ท่านไม่กลับไปจะถูกสงสัย มันยุ่งยากวุ่นวายมากนะเจ้าคะ”
แม่ทัพฉีถึงได้ตามออกไปด้วย ฉีเฟยอวิ๋นออกไปข้อมือยังพันแผลอยู่
แม่ทัพฉีกล่าวด้วยความแปลกใจว่า“มือของเจ้าทำไมยังไม่หายล่ะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“การปรากฏของนางทำให้ระบบในร่างกายของข้าสับสน ข้าไม่สามารถหายได้เองแล้ว ร่างกายนี้ข้าพยายามที่จะปรับสมดุล ถึงเวลาก็สามารถวางใจไปได้ หวังว่านางจะดูแลลูกของข้าอย่างดี ข้าเชื่อว่านางเป็นคนดีเจ้าค่ะ!”