องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 705 ฝีมือดาบที่น่าทึ่ง
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 705 ฝีมือดาบที่น่าทึ่ง
“ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน?” จงชินอ๋องหันไปมองคนที่กำลังตามมา อาอวี้รีบไปข้างหน้า
“นายท่านขอรับ อีกสองชั่วยามขอรับ” อาอวี้รับข่าวมา ฉีเฟยอวิ๋นพาหวาชิงไปที่เนินเขาสิบลี้เพียงลำพัง
“รีบเร่งฝีเท้า ต้องตามไปให้ทันภายนอกสองชั่วยาม ต้องจับฉีเฟยอวิ๋นให้ได้ก่อนที่ฟ้าสาง” จงชินอ๋องนำกำลังหน้ากากผีและสั่งให้มองไปอีกฝั่ง
อาอวี้รับปาก จากนั้นจึงทำการเร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็ว
คนอื่นต่างควบม้าไปข้างหน้าด้วยความเร็วในความมืด
หนานกงเย่ค้นหาในเมืองหลวงเท่าไรก็หาไม่พบ จึงสั่งให้คนไปเคาะประตูหาทุกหลังคาเรือนเพื่อสืบข่าวว่ามีใครพบเห็นฉีเฟยอวิ๋นและหวาชิงหรือไม่
ตระกูลหวาก็ตกใจไม่น้อย แม่ทัพหวามีสีหน้าเคร่งเครียด ลูกสาวเป็นเช่นนี้เขาก็ลำบากใจ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้การ ต้องก่อเรื่องขึ้นในไม่ช้า
“ท่านอ๋อง”
หนานกงเย่อยู่ที่หน้าจวนท่านอ๋องเย่และเตรียมที่จะออกเดินทาง อวิ๋นจิ่นอุ้มเจ้าจิ้งจอกหางสั้นออกมา
“ท่านอ๋องเพคะ เจ้าจิ้งจอกหางสั้น” อวิ๋นจิ่นมอบเจ้าจิ้งจอกหางสั้นให้กับท่านอ๋องเย่ หนานกงเย่รับไปและวางไว้ที่พื้น จากนั้นจึงเงยหน้ามองเจ้าอีกาที่เกาะอยู่ที่หลังคา
“ยังไม่รีบไปอีก!”
เจ้านกการีบกระพือปีกและบินออกไปค้นหา
ฉีเฟยอวิ๋นพาหวาชิงลงมาจากเขาและแทบหมดลมหายใจแล้ว เดิมทีหวาชิงคิดว่าทำให้ฉีเฟยอวิ๋นโกรธ แต่หลังจากนั้นนางก็พบว่าฉีเฟยอวิ๋นผิดปกติไป เธอเดินเร็วแต่ทั้งสองเท้ากลับไม่มีเรี่ยวแรง
เมื่อรู้ว่าร่างกายของฉีเฟยอวิ๋นไม่แข็งแรงนัก หวาชิงจึงยอมเดินตามโดยไม่พูดอะไร
ทั้งสองใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วยามก็ลงมาจากเขาได้สำเร็จ แต่ขณะนี้พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
เมื่อทั้งสองมาถึงตีนเขา ฉีเฟยอวิ๋นก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
ทิศทางที่ลมพัดนั้นมีกลิ้่นบางอย่างที่แปลกไป และเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นกลิ่นหญ้าแห้งทั่วไป
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองออกไปไม่ไกลนัก หวาชิงถามว่า “ทำไมหรือ ไม่สบายหรือ ขี่หลังข้าได้นะ”
หวาชิงเป็นห่วงฉีเฟยอวิ๋นจึงทำให้การระมัดระวังลดลง
ฉีเฟยอวิ๋นยกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้หวาชิงหยุดพูด
หวาชิงรู้สึกแปลกและมองออกไปโดยไม่พูดอะไร
“หวาชิง ข้าเดินไม่ไหวแล้ว เจ้าหนีไปก่อน รีบเข้าเมืองหลวงไปหาท่านอ๋อง บอกเขาว่ามีคนมาแล้ว” ฉีเฟยอวิ๋นมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“ใครมาหรือ?” หวาชิงซักไซ้
“ยังไม่รู้ อาจจะเป็นเพื่อนหรืออาจจะเป็นศัตรู เจ้าไปหาท่านอ๋องก่อนเถอะ ข้าจะอยู่ที่นี่เอง”
“ไม่ได้ เราต้องไปด้วยกัน” หวาชิงไม่ยอมไปไหน นางดึงฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา
“นี่มันเวลาไหนแล้ว เจ้ายังล้อเล่นอยู่เช่นนี้ เจ้าเป็นแม่ทัพ แม่ทัพไม่ได้ให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวมหรอกหรือ รอให้พวกเขามาถึง หากเป็นศัตรูละก็ คงไม่มีใครรอดออกไปแน่ พวกเราตายไปก็ไม่มีใครรู้”
“เจ้าอย่ามาพูดหลอกข้านะ” หวาชิงราวกับเห็นฉีเสี่ยวฮวน ยิ่งในตอนกลางคืนก็ยิ่งมั่นใจว่าฉีเฟยอวิ๋นก็คือฉีเสี่ยวฮวน
ฉีเฟยอวิ๋นชำเลืองออกไปไม่ไกลนัก “เจ้าหนีไปก่อน บอกให้คนของข้าไปหาท่านอ๋อง บอกให้เขามาหาข้า ข้าจะไม่เป็นอะไร”
“เจ้าไปสิ ข้าจะกันไว้เอง ไม่งั้นเราไปด้วยกัน”
“ไม่ได้ เจ้าไปก่อน ข้าเดินไม่ไหวแล้ว แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรข้าได้ ข้ามีพิษ หากเจ้าอยู่ที่นี่กลับยิ่งยุ่งยาก เจ้ารีบไปเถอะ”
“ข้า……”
“ชิงเอ๋อร์ เชื่อข้า!” จู่ๆ น้ำเสียงของฉีเฟยอวิ๋นก็เปลี่ยนไป ทำให้หวาชิงตกใจอยู่ครู่หนึ่ง
“เจ้ารอข้ากลับมานะ”
หวาชิงและฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ขี่ม้าและไม่มีรถม้า พวกนางจึงทำได้เพียงเดินอย่างรวดเร็ว
เมื่อหันหลังหวาชิงก็รีบวิ่งออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าหวาชิงวิ่งออกไปแล้วเธอจึงหันไปมองอีกฝั่งหนึ่งไม่ไกลนัก ท้องฟ้ายังมืดอยู่และมองไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉีเฟยอวิ๋นสัมผัสได้ว่ามีฝุ่นลอยขึ้น เหมือนกับคลื่นที่ซัดสาดไปทั่ว
ฉีเฟยอวิ๋นหมอบคลานลงกับพื้นและแนบหูของเธอกับพื้นเพื่อฟังเสียง ใกล้เข้ามามากแล้ว ต่อให้วิ่งหนีก็หนีไม่พ้น
เมื่อลุกขึ้นมาฉีเฟยอวิ๋นปัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ และหยิบเข็มเงินออกมาฝังเข็มไปที่ข้อมือ เพื่อบรรเทาอาการปวดที่แผลตรงข้อมือ จากนั้นจึงหยิบยาเม็ดออกมาและกินเข้าไป
หลังจากดึงเข็มที่ข้อมือออก ฉีเฟยอวิ๋นจึงเริ่มทำการพันแผลใหม่อีกครั้ง
เธอมองไปบริเวณโดยรอบและกล่าวว่า “ออกมาเถอะ”
ในขณะที่ฉีเฟยอวิ๋นพูดอยู่ก็มีคนออกมาจากสถานที่ที่ไม่ไกลนัก และเดินมาตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น
อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย อายุประมาณสามสิบปี ในมือถือดาบอยู่เล่มหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นมองอีกฝ่าย “เจ้าได้เห็นหมดแล้ว?”
อีกฝ่ายหัวเราะ “เจ้าได้รับบาดเจ็บ แต่ในเมื่อพระชายาเย่เข้าใจอะไรมากเพียงนี้ ช่างน่าประหลาดใจมาก หากบอกเรื่องนี้ไปกับคนภายนอก ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร?”
ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะ “ฉะนั้นเจ้าต้องตาย”
ฉีเฟยอวิ๋นก้าวเดินตรงไปที่อีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายกลับไม่เห็นฉีเฟยอวิ๋นในสายตาเลย ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปหาเขา แต่เขากลับหยิบดาบขึ้นมาและชี้มาทางฉีเฟยอวิ๋น “ข้าต้องการจับตัวเจ้ามันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ”
ฉีเฟยวอิ๋นเงยหน้าขึ้นมอง “เจ้าก็ลองดู”
ฉีเฟยอวิ๋นยกมือขึ้นไปจับดาบที่กดอยู่ข้างลำคอ และเคาะเบาๆ ดาบส่งเสียงออกมาเล็กน้อย จากนั้นควันสีเหลืองก็กระจายออกมาจากดาบ อีกฝ่ายรู้สึกแปลกประหลาด “เจ้าทำอะไรน่ะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นยกริมฝีปากขึ้น “ฆ่าคน!”
อีกฝ่ายปล่อยดาบในมือลงและเขาก็ล้มลงกับพื้น ฉีเฟยอวิ๋นก้มลงไปหยิบดาบขึ้นมาและมองดูเขาคนนั้นเลือดไหลทะลักออกมาและดวงตาที่เบิกกว้าง
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปรอบๆ จากนั้นจึงถือดาบและเดินไปข้างหน้า
เธอเอามือไพล่หลังและปลายดาบก็กระทบพื้น ดวงตาจ้องไปยังม้าและคนที่มาถึงข้างหน้า
ประมาณสี่สิบถึงห้าสิบคน ต่างก็อยู่บนหลังม้า
คนที่เป็นหัวหน้าสวมใส่หน้ากากผี และมีหญิงสาวชุดแดงนั่งอยู่ข้างๆ
ฉีเฟยอวิ๋นจ้องมองไปยังคนที่เข้ามา ในที่สุดเธอก็เดาถูกว่าคือจงชินอ๋อง
“อาอวี้ จัดการ!”
จงชินอ๋องออกคำสั่ง อาอวี้รีบนำกำลังคนพุ่งตรงมาที่ฉีเฟยอวิ๋นและล้อมฉีเฟยอวิ๋นไว้
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองทุกคนที่ล้อมรอบ จากนั้นจึงหันไปที่อาอวี้
“เรามาสู้กันตัวต่อตัว หากข้าชนะก็ปล่อยข้าไป หากเจ้าชนะข้าจะตามพวกเจ้าไป” ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่อาอวี้
อาอวี้หัวเราะชอบใจ “เจ้า?”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ “เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” อาอวี้ทำสีหน้าขุ่นเคือง
ฉีเฟยอวิ๋นยังคงนิ่งเฉย “เจ้าดูคนที่อยู่ที่พื้นสิ เขาตายด้วยเงื้อมมือของข้า และตายอย่างน่าอนาถ เจ้าก็จะเป็นอย่างเขา”
“เจ้าคิดว่าเจ้าพูดเช่นนี้แล้วข้าจะเชื่อหรือ พวกเจ้ามีอยู่สองคน อีกคนหนึ่งอยู่ไหนล่ะ?” อาอวี้มองไปบริเวณโดยรอบ แต่ก็ไม่พบหวาชิง
“ดูเหมือนนางคงออกไปส่งข่าวแล้ว?”
อาอวี้หันไปมองฉีเฟยอวิ๋น “เจ้าจะแข่งอย่างไรหรือ?”
“ต่อสู้ยังจะต้องแข่งอะไรอีก ก็ลงมือเลยสิ” ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะออกมาด้วยความสงบ และชักดาบชี้ไปทางอาอวี้ “เริ่มกันเลย”
อาอวี้กระโดดลงจากหลังม้า จงชินอ๋องรีบพูดขึ้นมา “อาอวี้เจ้าช่างโง่เขลานัก”
“นายท่าน นางไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของข้า” อาอวี้จู่โจมเข้าไป ฉีเฟยอวิ๋นรีบใช้ดาบเพื่อกันอาอวี้ไว้ จากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กัน
อาอวี้เริ่มได้เปรียบ แต่เมื่อต่อสู้ไปเรื่อยๆ ฉีเฟยอวิ๋นก็เปลี่ยนท่าทางการเคลื่อนไหวของเธอ และอาอวี้ก็พ่ายแพ้ลง
ฉีเฟยอวิ๋นหาจังหวะเหมาะและกดดาบลงไป ตาของอาอวี้เบิกกว้างและเกร็ง เขาตกใจจนใบหน้าซีดเซียว
ฉีเฟยอวิ๋นคิดอยากจะฆ่าอาอวี้ให้ได้
จงชินอ๋องรีบเข้ามาข้างหน้า และเตะฉีเฟยอวิ๋นออก
ฉีเฟยอวิ๋นล้มลงกับพื้นและกระอักเลือดออกมา
หวาชิงรีบพุ่งเข้ามาจู่โจมและกีดกันจงชินอ๋อง
อาอวี้ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่จงชินอ๋อง ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อด้วยความหวาดกลัวเกินขีด ที่แท้ฉีเฟยอวิ๋นก็มีฝีมือดาบที่น่าทึ่งมาก!