องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 714 เปลี่ยนเอาอาอวี่ออก
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 712 เปลี่ยนเอาอาอวี่ออก
ไม่กี่วันหลังจากนั้นหนานกงเย่ได้ออกไปข้างนอกกับฉีเฟยอวิ๋น ทั้งสองคนไปทำการสำรวจดินแดน ฉีเฟยอวิ๋นยังเอาอุปกรณ์ไปด้วยไม่น้อย
ระหว่างการเดินทาง หนานกงเย่บอกว่าอยากจะไปดูว่าเขามีที่ดินอยู่เท่าไหร่ อยากจะไปที่สูงสักหน่อย ฉีเฟยอวิ๋นยังไม่อยากไป แต่หนานกงเย่บอกว่าถ้าเดินไม่ไหวเขาจะแบกเธอเอง เธอถึงได้ฝืนใจขึ้นไป
พอมาถึงยอดเขา ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าบริเวณโดยรอบมีคน
ฉีเฟยอวิ๋นมองบริเวณโดยรอบครู่หนึ่ง จึงได้มองเห็นคนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากนี้ ฉีเฟยอวิ๋นเดินไป เป็นอย่างที่คิดเธอเห็นไป๋ซู่ซู่สวมใส่ชุดสีขาวกับมู่เหมียนสวมชุดสีเขียว
ด้านหลังของทั้งสองยังมีวัยรุ่นอยู่ด้วย แต่ก่อนฉีเฟยอวิ๋นก็เคยเห็นคนผู้นี้
พอเจอฉีเฟยอวิ๋น มู่เหมียนยิ้มแล้วกล่าวว่า“สุขภาพร่างกายข้าไม่ดี พักผ่อนอยู่สองวัน ท่านมาเร็วมาก!”
“นั่นน่ะสิ”ฉีเฟยอวิ๋นมองมู่เหมียนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินไปหาไป๋ซู่ซู่ ไป๋ซู่ซู่นางยังคงเหมือนเดิม
“ซู่ซู่”
“ท่านมาได้พวกเรามีความสุขมาก ข้าต้องการพามู่เหมียนไปจากที่นี่ ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ไม่มีทางจะกลับมาที่นี่อีก ข้าได้ยินท่านอ๋องบอกว่าสุขภาพของท่านไม่ดี ข้าถึงได้รอท่านที่นี่ ท่านมานี่สิข้าขอดูหน่อย”
ไป๋ซู่ซู่เรียกเธอ ฉีเฟยอวิ๋นเลยเดินเข้าไปหา ดึงที่พันแผลออกให้ไป๋ซู่ซู่ดู ไป๋ซู่ซู่เพ่งมองอย่างละเอียด ถึงได้กล่าวขึ้นว่า“ร่างกายของท่านน่าจะเกิดปัญหา หมุนเวียนไม่ดี อีกทั้งประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายได้รับการบาดเจ็บ แต่ถึงตอนนี้ข้าจะช่วยท่าน ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายท่านก็ขึ้นไม่ได้หมุนเวียนไม่ดี มันก็เป็นสถานการณ์ที่เร่งด่วนมาก
ข้ามียาลูกกลอนอยู่จำนวนหนึ่ง ท่านใช้ก่อน ทุกสองวันกินหนึ่งเม็ด มันจะช่วยเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของร่างกายท่านได้ หากท่านสามารถฟื้นฟู ชัดเจนว่ามีความหวัง แต่ไม่ฟื้นฟูก็ไม่เป็นไร ผ่านไปช่วงหนึ่งข้าจะให้คนมาหาท่าน หากท่านมีธุระ ข้าก็จะมา
เดี๋ยวข้ากลับไปจะศึกษาเรื่องร่างกายของท่านสักหน่อย ท่านไม่ต้องกลัวนะ!”
“ได้เจอพวกท่านข้ารู้สึกเพียงพอแล้ว ยังมาพูดกลัวอะไรกันอีก?”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางมู่เหมียน แล้วกล่าวขึ้นว่า “ท่านรู้ตั้งแต่แรก หรือว่าไม่รู้เลย?”
“ไม่รู้เลย เดิมข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่มีคนวางยาพิษนั้นข้าไม่รู้ ยังคิดว่าร่างกายของตนเองย่ำแย่ไวอยู่เลย”
“อย่างนั้นก็คือท่านตายแล้วถึงได้เจอซู่ซู่?”
“ข้ายังมีชีวิตอยู่ พูดว่าตายเตยอะไรกันเล่า เคราะห์ร้ายจริง ”มู่เหมียนกล่าวแล้วกรอกตามองบนใส่ฉีเฟยอวิ๋น กล่าวอีกว่า “ปากเสีย!”
“ใช่ ข้าปากเสีย!”ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางไป๋ซู่ซู่อีกครั้ง กล่าวว่า“พวกท่านไปกันเถอะ เสียเวลาแล้วจะถูกคนพบเข้า”
“ข้าก็คิดเช่นนี้ ท่านเก็บยาไว้ให้ดี”ไป๋ซู่ซู่บอกกับฉีเฟยอวิ๋น แล้วหมุนตัวเดินไปเลย
มู่เหมียนเดินแล้วหันกลับมามองด้วย แต่ฉีเฟยอวิ๋นสงบนิ่งมาก เป็นอย่างนี้ได้ เธอปลื้มอกปลื้มใจมากแล้ว หรือจะต้องตายอย่างจวินฉูฉู่ถึงจะดีพอใจหรือ?
ท่ามกลางป่าไม้ภูเขา ไม่นานทั้งสามคนก็ได้หายลับไป ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ตามหนานกงเย่กลับ มู่เหมียนไม่เป็นไร แล้วยังไปด้วยกันกับไป๋ซู่ซู่ด้วย สำหรับฉีเฟยอวิ๋นนั้นนับว่าเป็นเรื่องดีมาก เธออยากกลับไปฉลองสักหน่อย
เพียงแค่เงยหน้าขึ้นจึงได้เห็นสีหน้าไร้ความสุขของหนานกงเย่ จึงกล่าวขึ้นด้วยความแปลกใจว่า“ท่านอ๋องไม่มีความสุขดีใจหรือเพคะ?”
“ข้าควรจะมีความสุขหรือ?”หนานกงเย่เดินมาข้างหน้าฉีเฟยอวิ๋นแล้วจูงมือของเธอกลับไปด้วยกัน
ฉีเฟยอวิ๋นถามด้วยความแปลกใจว่า“เหตุใดถึงไม่มีความสุขล่ะเพคะ?”
“มองดูเห็นความเศร้าเจ็บปวดทรมานอย่างรุนแรง ยังคิดว่าจะตัดใจไม่ลงสักเท่าไหร่ วันนี้กลับพูดคุยไม่กี่ประโยค ข้าคิดได้ว่าปฏิบัติต่อพวกนางเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นข้านับว่ากลายเป็นอะไร?
หากมีวันหนึ่งแยกจากกันจริง เนื่องด้วยนิสัยของอวิ๋นอวิ๋นแล้ว ไม่ใช่ว่าหมุนตัวพักหนึ่งก็ลืมข้าแล้วหรือ?”
“ท่านอ๋องกล่าวพูดถูกเพคะ”ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มอย่างมีความสุข มู่เหมียนไม่เป็นไรแล้วเธอค่อยเบาใจลง และก็ไม่คิดที่จะไปจัดการอริกับฝ่าบาทแล้ว แต่การป้องกันระมัดระวังนั้นยังต้องมี
แต่วันนี้ได้เปลี่ยนแปลงอาณาประชาราษฎร์ของต้าเหลียง หลีกเลี่ยงการที่อนาคตต้าเหลียงจะถูกเมืองอื่นๆทำลายได้
“อวิ๋นอวิ๋นยอมรับแล้วหรือ?”หนานกงเย่ปากเก่งมาก แต่ตอนที่ลงเขานั้นหนานกงเย่ยังจูงมือฉีเฟยอวิ๋นอย่างระมัดระวังอยู่
แต่ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าร่างกายไม่เลวเลย ถึงอย่างไรเธอก็เดินขึ้นเนินสิบลี้ได้ด้วยตนเอง
“ยอมรับเพคะ แต่เพราะเหตุใดต้องเศร้าด้วย มู่เหมียนมีชีวิตอยู่ ยังสามารถไปใช้ชีวิตแบบที่ชอบได้ด้วย นางอยากอยู่กับไป๋ซู่ซู่มาตลอด นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรือเพคะ?หม่อมฉันควรมีความสุข เหตุใดจะต้องทุกข์เพคะ?
สิ่งที่ท่านอ๋องคิดคือชอบคนคนหนึ่งแล้วจะต้องเอาคนผู้นั้นไว้ข้างกาย แต่สิ่งที่หม่อมฉันคิดคือชอบคนคนหนึ่งก็ต้องทำให้นางมีความสุข
ท่านอ๋องเกิดที่ยุคสมัยนี้ สิ่งที่ท่านอ๋องคิดกับข้าคิดนั้นมันไม่ตรงกัน”
“พูดเช่นนี้ เจ้าชอบพวกนางหรือ?”ตอนนี้หนานกงเย่สงสัยหนักมาก ว่าฉีเฟยอวิ๋นชอบผู้หญิง
ฉีเฟยอวิ๋นเพียงแค่ตลกเลยไม่ตอบกลับ
ทั้งสองคนลงมาจากภูเขา ฉีเฟยอวิ๋นเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง หนานกงเย่เลยไม่กล้าที่จะเกาะแกะเรื่องจุกจิกกับเธอ
พอถึงตีนเขา ทั้งสองไปทำเรื่องของพวกเขาอีก
ตามแผนการของฉีเฟยอวิ๋น อาณาประชาราษฎร์รอบแรกไปถึงสถานที่ที่จะทำงาน ฉีเฟยอวิ๋นดูแล้วอายุมากสุดหกสิบปี แต่มองดูแล้วมีชีวิตชีวา อายุน้อยสุดมีเพียงสิบเอ็ดสิบสองขวบ และพวกเขามานั้นเพื่อของกินอาหาร อีกทั้งไม่พูดเรื่องของตั๋วเงินเลย ก็คือขออาหารสองมื้อต่อวัน สำหรับพวกเขานั้นมันเพียงพอแล้ว
ทังเหอบอกฉีเฟยอวิ๋น คนเหล่านี้จำนวนไม่น้อยล้วนเป็นขอทานบนถนน พวกเขาไม่มีอาหารการกิน ยิ่งใช้ชีวิตลำบากขึ้นเรื่อยๆ ถึงได้มาทำงานที่แห่งนี้
“เจ้าแบ่งขอทานเป็นหนึ่งกลุ่ม ข้าจะเก็บพวกเขาไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทังเหอทำตามคำสั่ง วันแรกผลลัพธ์ไม่ค่อยดี กลับกันกินเสบียงไปจำนวนไม่น้อย แต่ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้รีบร้อน วันต่อมาดีขึ้นไม่น้อย เธอยังสวมใส่ชุดอาณาประชาราษฎร์เองด้วย และลงพื้นที่ทำงาน มีดินบางพื้นที่ไม่ง่ายที่จะทำ เธอก็เลยถามทุกคนว่าควรจะทำอย่างไร ไปๆมาๆ ทุกคนล้วนชอบฉีเฟยอวิ๋น แล้วครึกครื้นขึ้นมาก
พลบค่ำฉีเฟยอวิ๋นเหนื่อยล้ากลับไป อาอวี่รออยู่หน้าประตูจวน พอเห็นฉีเฟยอวิ๋นลงรถม้าจึงรีบเดินเข้าหา
“พระชายา กระหม่อมมีเรื่องจะพูดพ่ะย่ะค่ะ”อาอวี่หน้าเขียวแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจะไม่รู้สาเหตุเหตุผลได้อย่างไรกัน
“ท่านอ๋องอยู่ เจ้ามีเรื่องอันใดไปถามท่านอ๋องเถิดนะ วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว ”ฉีเฟยอวิ๋นอยากเดินไป อาอวี่เลยขวางทางไว้ ฉีเฟยอวิ๋นเดินทางไหนเขาขวางทางนั้น
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดลงแล้วมองอาอวี่ จากนั้นกล่าวว่า“เจ้าจะทำอะไร?ทางที่ข้าจะเดินเจ้าก็กล้าขวาง ดูเหมือนว่าเจ้าใช้ชีวิตจนเบื่อแล้ว”
“พระชายา เหตุใดพระชายาถึงต้องให้คุณชายทังเอากระหม่อมออกเปลี่ยน กระหม่อมอารักขาไม่ดีหรือ ?”อาอวี่นิสัยวู่วามใจร้อน พอเห็นฉีเฟยอวิ๋นจะเดินไป ก็ไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดลง กล่าวว่า“เรื่องนี้เป็นประสงค์ความหมายของข้า เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไปเกาะแกะระรานคุณชายทัง”
“เช่นนั้นเหตุใดถึงต้องการให้กระหม่อมไปพ่ะย่ะค่ะ?”อาอวี่กล่าวถามอย่างไม่เข้าใจ
“อาอวี่ วันพรุ่งค่อยคุยเถิด วันนี้ข้าเหนื่อย”ฉีเฟยอวิ๋นเหนื่อย อาอวี่ก็ขวางไม่ยอมให้ไป
“อาอวี่ เจ้าออกไปก่อน”หนานกงเย่ลงมา อาอวี่ถึงได้ยอมหลีก
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหน้าเคร่งเครียดของอาอวี่ คิดแล้วคิดอีก ถึงได้กล่าวว่า“ข้าพักผ่อนสักครู่ รออีกหน่อยข้าจะเรียกเจ้า”
อาอวี่เงยหน้าขึ้น และก็ไม่ได้มีความสุข ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ได้ถูกเปลี่ยนแปลงแล้ว
เมื่อก่อนคิดว่าเป็นเรื่องของทังเหอ วันนี้ดูความคิดความประสงค์ของพระชายาแล้ว พอเป็นอย่างนี้มันก็ยากที่จะกลับคืนได้
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปพักผ่อนครู่หนึ่ง แล้วออกมาเจออาอวี่
อาอวี่สีหน้าเลิกลั่ก คิดไม่ถึงว่าอยากจะร้องไห้ออกมา
“อาอวี่ เจ้าอยู่ข้างกายข้ามาสักระยะหนึ่งแล้ว พูดตามหลักเหตุผลคือควรจะให้เจ้าติดตามตลอด แต่เจ้าถามใจตนเองดู เจ้าติดตามข้า ใช่หรือไม่ว่ามีประโยชน์อย่างมาก?”
“กระหม่อม…..”อาอวี่รู้สึกว่าเป็นฝ่ายผิดจริง
“อาอวี่ เจ้าอยู่ที่แห่งใดเป็นข้าที่มากำหนด หรือว่าเจ้ากำหนด?ตามความเป็นจริง สำหรับข้าตอนนี้เจ้าสำคัญมาก แต่เรื่องทุกอย่างที่เจ้าทำตอนนี้ ทำให้ข้ารู้สึกว่า เจ้ากำลังเป็นคนตัดสินใจให้ข้า เจ้าคือองครักษ์ ข้าคือพระชายา พระชายาเปลี่ยนองครักษ์ เหตุใดถึงยังต้องให้เจ้ามาตัดสินใจ?”
พอฉีเฟยอวิ๋นกล่าวพูดออกมา อาอวี่กลับไม่กล้าพูดมากแล้ว
แต่เขารู้สึกว่ากล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม เขาไม่รู้ที่มาที่ไปก็ถูกเปลี่ยนออกแล้ว พอนึกถึงสิ่งเหล่านี้ จึงร่ำไห้!