องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 719 โกรธเคืองแทนบุตรสาว
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 719 โกรธเคืองแทนบุตรสาว
ฉีเฟยอวิ๋นพาเจ้าห้ามาอยู่ข้างกาย ส่วนคนอื่น ๆ ก็พักผ่อนอยู่ด้านล่าง
มีคนมาเคาะประตูกลางดึก ฉีเฟยอวิ๋นพลิกตัวและเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตู ไม่มีใครเปิดประตู หนานกงเย่จึงเปิดเข้ามาด้วยตนเอง และเดินเข้ามาจากด้านนอก
หลังจากเข้ามาแล้ว หนานกงเย่ก็เริ่มถอดเสื้อผ้า ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นจากเตียงและนั่งมองหนานกงเย่:“ไม่อาบน้ำหรือเพคะ?”
“ข้าแช่ตัวในสระกำมะถันมาหนึ่งชั่วยามแล้ว หากอาบน้ำอีก ผิวหนังก็คงจะเปื่อย”
หนานกงเย่ถอดเสื้อผ้าแล้วเดินไปที่เตียง ฉีเฟยอวิ๋นถูกอุ้มขึ้นมาและวางลง หนานกงเย่เหลือบมองที่บุตรชายของเขา:“หลับแล้ว?”
“นี่มันเวลาไหนแล้ว จะไม่หลับได้อย่างไรเพคะ?”
“เช่นนั้นข้าจะส่งมอบเสบียง”
“อืม”
หนานกงเย่จึงรีบส่งมอบเสบียง ครึ่งหลังของคืนเขาควรจะออกไปได้แล้ว แต่เขายังคงปฏิเสธ และพักผ่อนจนเกือบเช้า และเขาก็รีบส่งมอบเสบียงอีกครั้งก่อนที่จะจากไป
หลังจากปิดประตู ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปพักผ่อน เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นางก็ได้ยินว่าหวาชิงมาและรออยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า
พ่อบ้านไม่สบอารมณ์:“คุณหนูรังแกง่ายเกินไปแล้ว หวาชิงไร้ยางอาย นางโชคดีที่เป็นแม่ทัพ แต่ต้องการแย่งสามีของคุณหนู คุณหนูมีบุตรเป็นโขยงและยังถูกหย่าร้าง วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร?”
สีหน้าของพ่อบ้านดูเป็นกังวลและร้องไห้
ฉีเฟยอวิ๋นเป็นปกติมาก:“พ่อบ้าน ต่อไปก็ไม่ใช่ว่าข้าจะเป็นนี้หรือ และชื่อเสียงภายนอกก็ดีขึ้น ทำไมท่านต้องดื้อรั้นด้วย?”
“แต่คุณหนู……”
“เดิมทีข้าตัวคนเดียว แต่ในตอนนี้มีคนมากมาย ท่านว่าเจ้าห้าไม่น่ารักหรือ หากไม่กลับไปที่จวนอ๋องเย่แล้ว เจ้าห้าและลูกคนอื่น ๆ ก็จะอยู่ที่นี่ ท่านพ่อมีงานมากมายต้องทำ และพวกเจ้าก็มีสิ่งที่ต้องทำเช่นกัน แต่คงน่าเบื่อมาก หากต้องอยู่เฉย ๆ ทั้งวัน?
ชื่อเสียงไม่คุ้มกับเงินเพียงไม่กี่ตำลึง ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ข้าพาครอบครัวกลับมาด้วย ผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานคือผู้อื่น”
เพียงชั่วครู่พ่อบ้านก็เข้าใจ และมองเจ้าห้าที่หัวเราะคิกคัก:“เป็นไปไม่ได้”
“พ่อบ้าน ท่านไปนำโสมพันปีมาให้ข้าหน่อย เดี๋ยวสาย ๆ ข้าจะนำมาทำเป็นยา” ฉีเฟยอวิ๋นสั่ง และพ่อบ้านก็รีบไปที่โรงเก็บยาสมุนไพร
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นมาถึงลานด้านหน้า เนางก็เห็นหวาชิงรออยู่ข้างนอกแล้ว
หวาชิงชอบสีน้ำเงิน และทุกครั้งเจอ ต่อให้นางไม่สวมชุดสีน้ำเงิน นางก็มักจะมีสิ่งของสีน้ำเงินติดตัวอยู่เสมอ
วันนี้นางสวมชุดแม่ทัพ ทั้งตัวก็เป็นสีน้ำเงินสดใสและสะดุดตามาก
บนไหล่ซ้ายของนางยังมีเสื้อคลุมด้วย ตอนที่เดินมานางดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกผิดเมื่อเห็นหวาชิง หากนางรู้ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นนี้ นางคงจะไม่ทำเช่นนั้น และจะดีกว่าหากหวาชิงพยายามที่จะก่อเรื่องเพื่อแต่งงานเข้ามาในจวนอ๋องเย่
“อวิ๋นอวิ๋น”
เมื่อเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋น หวาชิงก็รีบวิ่งเขามากอดฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าไว้ในอ้อมแขนและตบเบา ๆ เจ้าห้าหลับตาลงและเผลอหลับไป
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าเจ้าห้ามีนิสัยรักสันโดษ และเขาไม่ชอบเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร
“ท่านแม่ทัพน้อย”
“เจ้าไม่ได้เรียกข้าว่าชิงเอ๋อร์หรือ?” สีหน้าของหวาชิงเปลี่ยนไปในทันที
ฉีเฟยอวิ๋นพูดอะไรไม่ถูก:“ข้าเรียกเจ้าว่าชิงเอ๋อร์ ดังนั้นจึงยกสามีให้แก่เจ้าด้วย”
“ข้าไม่ได้บอกว่าต้องการแต่งงานกับเขาเพื่อมาเป็นพระชายารอง ใครจะไปรู้ว่าฝ่าบาทมีพระประสงค์เช่นนี้ ไม่ยุติธรรมเลย ข้ามาหาเจ้าก็เพราะต้องการเข้าไปในวัง เพื่อขอเข้าเฝ้าและอธิบายให้ชัดเจน” หวาชิงกล่าวอย่างแน่วแน่ และฉีเฟยอวิ๋นไม่มีอะไรจะพูด
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง:“ข้าไม่สามารถเข้าไปในวังกับเจ้าได้ เจ้าไปด้วยตนเองจะดีกว่า ฝ่าบาททรงมีพระประสงค์ที่จะให้เจ้ามาเป็นพระชายารอง ข้าจึงไม่เหมาะที่จะไปด้วย”
“เหลวไหล จะหย่ากับพระชายาเอก เพราะพระชายารองได้อย่างไร หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ข้าจะอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างไร เช่นนั้นข้ากับผู้ที่ถูกบังคับให้เป็นโสเภณีก็ไม่ได้แตกต่างกัน?”
“ท่านแม่ทัพกล่าวเกินไปแล้ว เดิมทีข้าก็ไม่ใช่คนที่ถ่อมตน ก่อนที่จะแต่งงานกับท่านอ๋องเย่ ชื่อเสียงของข้าก็เลวร้าย ในตอนนี้เป็นนี้แล้ว เจ้ากับท่านอ๋องก็ถือว่าเป็นสวรรค์ส่งมาให้เป็นคู่กัน จะไม่เหมาะสมได้อย่างไร?”
หวาชิงเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ:“ฉีเฟยอวิ๋น เจ้าก็รู้ดีว่าในใจของข้ามีฉีเสี่ยวฮวน เจ้าพูดกับข้าเช่นนี้ หากข้าบอกว่าข้าต้องการแต่งงานกับหนานกงเย่ แล้วจะมีความสุขจริง ๆ งั้นหรือ?”
“ท่านแม่ทัพน้อยล้อเล่น ข้ามีบุตรมากมายเช่นนี้ ถูกหย่าร้าง แล้วข้าจะมีความสุขได้อย่างไร แต่เรื่องการหย่าร้างเป็นเพราะฝ่าบาท ไม่ใช่เรื่องที่จวนอ๋องเย่ยินยอม และไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะมาพูดกับข้า” ฉีเฟยอวิ๋นผลักทุกอย่างไปที่จักรพรรดิอวี้ตี้ ใครใช้ให้เขาไม่สงยจิตสงบใจกัน
หวาชิงโกรธ:“แต่ในตอนแรกฝ่าบาทไม่ได้บอกว่าจะให้หย่ากับเจ้า เพียงแค่ต้องการให้ข้าแต่งงานกับหนานกงเย่ และเป็นพระชายารอง”
สีหน้าของฉีเฟยอวิ๋นดูเฉยเมย หวาชิงรีบก้าวไปข้างหน้า:“เจ้าพูดสิ?”
“ท่านแม่ทัพน้อยต้องการให้ข้าพูดอะไร?หญิงสองคนที่ใช้สามีร่วมกันงั้นหรือ?ข้าสองสามีภรรยาอยู่ด้วยกันอย่างปรองดองและไม่มีอะไรผิดปกติ ท่านแม่ทัพน้อยต้องการแต่งงานเข้ามาในจวนอ๋องเย่ เพื่อที่จะทำลายความสัมพันธ์ของเราสองสามีภรรยา ข้าต้องซาบซึ้งใจด้วยหรือ?”
“……” หวาชิงตกตะลึง สีหน้าของนางดูงุนงง
ฉีเฟยอวิ๋นส่งมอบเจ้าห้าที่อยู่ในอ้อมแขนให้กับอวิ๋นจิ่น และอวิ๋นจิ่นก็อุ้มเจ้าห้าจากไป จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ไปหาหวาชิง:“ข้ารู้ว่าเจ้าก็รู้สึกไม่สบายใจ เจ้าเพียงแค่ยึดติดอยู่กับฉีเสี่ยวฮวน แต่เจ้าก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ แล้วเจ้าจะดื้อรั้นไปทำไม?
มีบางเรื่องที่ฉีเสี่ยวฮวนต้องทำ เจ้าต้องการให้ครอบครัวของฉีเสี่ยวฮวนแตกแยกงั้นหรือ?”
หวาชิงจ้องไปที่ดวงตาอันงดงามของฉีเฟยอวิ๋นและเกือบจะร้องไห้
ฉีเฟยอวิ๋นยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หวาชิง:“เป็นความผิดของข้า เจ้าจะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ได้ แต่อย่าเอาท่านอ๋องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เขาไม่ได้รู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก เป็นข้าที่หลอกเจ้ามาโดยตลอด ตอนนี้เจ้าก็อายุไม่น้อยแล้ว หากไม่แต่งงานก็อาจยากที่จะได้แต่งแล้ว ท่านอ๋องเป็นคนดี เดิมทีสามีของเจ้าก็คือเขา เจ้าชอบท่านอ๋องมาตั้งแต่ยังเด็ก เป็นข้าที่ทำลายความสัมพันธ์ของพวกเจ้า เจ้าถึงได้ยึดติดอยู่กับฉีเสี่ยวฮวนเช่นนี้ ข้าจะชดเชยให้เจ้า”
หวาชิงร้องไห้อย่างโกรธเคือง:“ฉีเสี่ยวฮวน ข้าเกลียดเจ้า!”
หวาชิงหันหลังและวิ่งหนีไป สัตว์ที่อยู่รอบ ๆ กระจัดกระจายออกไปด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าเป็นหญิงสาว เหตุใดถึงเรียกฉีเสี่ยวฮวน
ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปดูหวาชิง นางขี่ม้าหนีไปแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นยืนดูอยู่ที่หน้าประตูสักพัก จากนั้นก็รู้สึกเสียใจ
แต่เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้
ในวันนั้นพระราชโองการก็มาถึง และเรียกฉีเฟยอวิ๋นไปเข้าเฝ้าในวัง
คราวนี้ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าขึ้นไปบนเขา นางอาศัยอยู่บนเขาและไม่กลับมา และพระราชโองการก็ถูกส่งไปยังแม่ทัพฉี แม่ทัพฉีจึงเข้าไปในวัง
จักรพรรดิหอวี้ตี้หวาดกลัวแม่ทัพฉีจนสีหน้าซีดขาว แม่ทัพฉียืนกรานที่จะขอคำอธิบายว่าเหตุใดต้องหย่ากับฉีเฟยอวิ๋น
ในเวลานี้จักรพรรดิอวี้ตี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ:“จือซาน ข้าต้องการให้อ๋องเย่หย่ากับภรรยาเมื่อไหร่กัน เป็นเขาที่กลับไปก่อเรื่องวุ่นวายด้วยตนเอง เรื่องการแต่งพระชายารองจะเกี่ยวข้องกับการหย่าได้อย่างไร?”
แม่ทัพฉีกล่าวอย่างโกรธเคือง:“ฝ่าบาท พระองค์ทรงต้องการให้ท่านอ๋องเย่แต่งงานกับพระชายารอง อวิ๋นอวิ๋นมีนิสัยแกร่งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรี เช่นนั้นก็เท่ากับบีบบังคับให้อวิ๋นอวิ๋นไปตาย ขอถามฝ่าบาทว่าอวิ๋นอวิ๋นทำผิดตรงไหน ท่านอ๋องเย่ยืนกรานที่จะแต่งงานกับพระชายารองหรือ?”
จักรพรรดิอวี้ตี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
“การแต่งงานกับพระชายารองก็เพื่อที่จะแบ่งเบาพระชายาเย่ เป็นข้าที่ร่างกายอ่อนแอ……”
แววตาของแม่ทัพฉีเย็นชา จักรพรรดิอวี้ตี้สะบัดแขนเสื้อและใบหน้าของเขาก็ทรุดลง เขาเอามือไพล่หลังและยืนจ้องมองแม่ทัพฉีอยู่บนพระที่นั่งบำรุงฤทัยอย่างโกรธเคือง
ทั้งสองมองหน้ากัน เสี่ยวสวีจื่อถอยออกไปจากพระที่นั่งบำรุงฤทัย
สีหน้าของจักรพรรดิหอวี้ตี้ถอดสี และแน่นอนว่าไม่พอใจ:“จือซาน เจ้าข่มเหงข้า และคิดว่าข้าเอาชนะเจ้าไม่ได้!”
“ฝ่าบาท พระองค์มีทหารนับพันอาชานับหมื่น พระองค์มีขุนนางและข้าราชบริพาร เพียงแค่พระองค์มีพระบัญชาก็สามารถที่จะสังหารกระหม่อมได้แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร วันนี้กระหม่อมมีเรื่องหนึ่งที่ต้องกราบทูลต่อฝ่าบาท”
“เรื่องอะไร?” จักรพรรดิอวี้ตี้คิดว่าสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว และมองไปที่แม่ทัพฉี แต่ไม่รู้ว่าแม่ทัพฉีต้องการจะให้บุตรสาวของเขาหย่าร้าง