องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 723 กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 723 กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ
หนานกงเย่ไม่กล้าพูดอีกครั้ง เขาเป็นแบบอย่างที่ดีของการพบจุดแข็งในจุดอ่อน เขาจ้องมองดวงตาที่กลมโตของฉีเฟยอวิ๋น และทำได้เพียงถอยหลังไป
“เวลาที่ข้าโมโห ไม่ต้องสนใจสิ่งที่ข้าพูด” เมื่อหนานกงเย่เห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นจริงจัง เขาก็อ่อนลงในทันที
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ใช่ลูกแมว ที่เกลี้ยกล่อมสองสามคำแล้วจะปล่อยให้ผ่านไป
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบมีดออกมาแล้วชี้ไปที่หนานกงเย่
“อวิ๋นอวิ๋น อย่าวู่วาม ข้าไม่กลัว” หนานกงเย่ยังคงทำหน้าตาท่าทางว่าไม่กลัว และฉีเฟยอวิ๋นก็วางมีดไว้ใต้คอของนาง ทำให้หนานกงเย่ตกใจจนเกือบจะกระโดด
“เจ้าวางมีดลงเดี๋ยวนี้ อย่าก่อเรื่องวุ่นวาย วางลงเร็วเข้า” หนานกงเย่ชี้ไปที่ฉีเฟยอวิ๋นและตะโกนด้วยความโมโห
ฉีเฟยอวิ๋นถอยหลังไปสองก้าว:“ท่านอ๋อง หม่อมฉันรู้ว่าท่านอ๋องกำลังสร้างปัญหาให้กับหม่อมฉัน แต่พระองค์ทรงทำเช่นนี้ จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเราสามีภรรยาได้ง่าย หากพระองค์ทรงทำเช่นนี้ทุกครั้ง คงจะมีสักครั้งที่หม่อมฉันอาจจะคิดจริงจัง เมื่อถึงตอนนั้นหม่อมฉันก็จะไปจากพระองค์”
“ไม่ก่อเรื่องวุ่นวายแล้ว เจ้าวางใจได้ ข้ากลัวแล้ว!”
หนานกงเย่ตกใจเหมือนลูกไก่ และรีบบอกให้ฉีเฟยอวิ๋นวางใจ
ฉีเฟยอวิ๋นสูดหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวว่า:“เพียงแค่ครั้งเดียว ครั้งต่อไปจะไม่ยกเว้นให้อีกแล้ว หากพระองค์กล้าพูดเรื่องของซูมู่หรงกับหม่อมฉันอีก หม่อมฉันจะไปหาเขา แล้วอย่าหาว่าหม่อมฉันไม่บอกพระองค์”
“ได้ ข้าจะไม่พูดแล้ว”
หนานกงเย่ตอบตกลง และฉีเฟยอวิ๋นก็โยนมีดในมือของนางทิ้งไป เสียงที่ดังกึกก้องทำให้หัวใจของหนานกงเย่สั่นเทา
ฉีเฟยอวิ๋นยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเป็นกังวล อะไรคือสิ่งที่ห่วงใย และนี่คือความห่วงใย
เขาไม่สนใจมีดที่หันเข้าหาเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะอยู่หรือตาย แต่เมื่อมันหันเข้าหานาง เขาก็รู้สึกหวาดกลัว และสามารถที่จะพูดจาอ่อนโยนได้ ปกติแล้วเขาจะห่างเหินและเย็นชา ท่าทางของหนานกงเย่หนาวเหน็บอยู่เสมอ
นางจึงกังวลว่าเมื่อนางจากโลกนี้ไป เขาจะเป็นอย่างไร หากไม่ตายก็คงจะเป็นบ้า
ฉีเฟยอวิ๋นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางมองดูร่างกายที่เปียกของตนเอง และต้องการจะไปอาบน้ำ
“เวลานี้แล้ว จะอาบน้ำได้อย่างไร เช็ดตัวเถอะ”
หนานกงเย่ยื่นมือไปที่ใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋น และถอดเสื้อผ้าของนาง
ชีวิตแต่งงานของสองสามีภรรยา นี่คือความผ่อนคลายที่หนานกงเย่โปรดปราน
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองและรู้สึกอึดอัดใจ ดังนั้นนางจึงต้องการอาบน้ำ
“ไม่ต้องสนใจมากนัก ข้าไม่ได้สนใจ ข้าจะไปเอาน้ำมาเช็ดตัวให้อวิ๋นอวิ๋น”
ฉีเฟยอวิ๋นถูกไล่ต้อนให้เปลื้องผ้า จากนั้นก็เฝ้ามองหนานกงเย่เช็ดตัวให้นาง กว่าทั้งสองคนจะไปพักผ่อนก็เกือบจะเช้าแล้ว และหนานกงเย่ก็เผลอหลับไปเช่นกัน
มีเพียงฉีเฟยอวิ๋นที่ถูกปลุกให้ตื่นจากเหงื่อที่แตกพลั่ก แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นก็เหมือนว่ามีใครอยู่ข้าง ๆ นาง นางมองไปรอบ ๆ แต่ไม่มีใครอยู่เลย นางคลุมผ้าห่มและรู้สึกอึดอัดใจ ร่างกายของนางเย็นลงเรื่อย ๆ และฉีเฟยอวิ๋นก็รู้ว่านางเป็นไข้
“ท่านอ๋อง”
หนานกงเย่ถูกปลุกให้ตื่นและไปกอดฉีเฟยอวิ๋น เขาตกใจจนตัวสั่นและลุกขึ้นนั่ง
“เป็นไข้หรือ?”
หนานกงเย่รีบลุกจากเตียงและจุดไฟ จากนั้นก็กลับมาและพบว่าฉีเฟยอวิ๋นแดงไปทั้งตัว และเมื่อจับดูรู้ว่านางมีไข้สูง
“ข้าจะไปตามหมอประจำจวนมาฉีดยาลดไข้”
ฉีเฟยอวิ๋นคว้ามือของหนานกงเย่:“เป็นนาง”
หนานกงเย่ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็นั่งลงและกอดฉีเฟยอวิ๋น เขาสังเกตดูแล้ว ไม่พบความแตกต่าง แต่ฉีเฟยอวิ๋นเป็นฝ่ายเริ่มเข้ามาในอ้อมแขนของหนานกงเย่ และเอาคางของนางมาถูกับใบหน้าของหนานกงเย่
“ท่านอ๋อง เมื่อคืนท่านพ่อบอกกับหม่อมฉันว่าเราทั้งสองเป็นลูกของเขา ไม่ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับใครก็ล้วนแต่เป็นทุกข์ เมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว นางก็รู้สึกไม่สบายใจและนางกำลังลงโทษหม่อมฉัน”
“ให้นางออกมา” หนานกงเย่ผลักฉีเฟยอวิ๋นออกไปและถลึงตามองด้วยความโกรธ
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่หนานกงเย่:“นางเพียงแค่โกรธ ไม่เป็นไร ท่านอ๋อง หม่อมฉันต้องการพักผ่อน พาหม่อมฉันไปที่สระกำมะถันหน่อยเพคะ หม่อมฉันอยากพักผ่อนที่นั่น อาบน้ำแล้วคงจะดีขึ้น”
หนานกงเย่สวมเสื้อผ้าให้ฉีเฟยอวิ๋น และกลับไปที่จวนอ๋องเย่ในตอนรุ่งสาง
หนานกงเย่วางฉีเฟยอวิ๋นลงและลงไปเป็นเพื่อนฉีเฟยอวิ๋นด้วย ทั้งสองอาบน้ำอยู่นานกว่าครึ่งชั่วยาม จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ไปนอนลงบนเตียงผิงไฟ นางสะลึมสะลือและฝัน ความฝันทั้งหมดเป็นความทรงจำแต่ก่อนของเจ้าของร่างเดิม ฉีเฟยอวิ๋นพลิกตัวและนอนไม่หลับ และส่งเสียงคร่ำครวญเบา ๆ เป็นครั้งคราว
หนานกงเย่ให้อาอวี่ไปที่จวนแม่ทัพ และส่งข่าวให้แม่ทัพฉี และไม่นานแม่ทัพฉีก็มา
เมื่อประตูเปิดออก ฉีเฟยอวิ๋นก็ยังคงพัวพันอยู่กับฝันร้าย ในขณะที่พึมพำอะไรบางอย่าง นางก็กลิ้งตัวไปมา
แม่ทัพฉีเดินเข้ามาและเหลือบมองหนานกงเย่อย่างไม่สบอารมณ์ ราวกับตำหนิว่าเขาทำอะไรไม่ได้เลย ทั้ง ๆ ที่คนอยู่ในมือของเขา
แม่ทัพฉีนั่งลงและถอนหายใจ เขาวางมือบนหัวของฉีเฟยอวิ๋นแล้วลูบหัวนาง จากนั้นก็ดึงผ้ามาห่มให้:“พ่ออยู่นี่ เจ้าอย่าก่อเรื่องเลย พักผ่อนเถิด”
ฉีเฟยอวิ๋นสงบลง แม่ทัพฉีจับมือของนาง และน้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตาของนาง หนานกงเย่รีบไปเช็ดให้ในทันที แม่ทัพฉีกล่าวอย่างโกรธเคือง:“ถอยไป”
หนานกงเย่หยุดชะงัก
สีหน้าของฉีเฟยอวิ๋นค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ และเหนื่อยมากจนหลับไป
แม่ทัพฉีมองไปที่หนานกงเย่ ดวงตาที่ไม่สบอารมณ์ของชายชราแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าตา เขากำลังตำหนิว่าหนานกงเย่ความสามารถที่จะทำให้สำเร็จนั้นมีไม่พอ แต่ความสามารถที่จะทำลายนั้นมีอยู่เหลือเฟือ
หนานกงเย่อึดอัดใจและมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นอย่างเศร้าโศก เขาไม่สนใจสิ่งอื่นใด และหันหลังเดินออกไป
แม่ทัพฉีอธิบายและมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น
เมื่อออกไปจากประตูแล้ว แม่ทัพฉีก็มองหนานกงเย่ที่ขวัญหนีดีฝ่อ และยืนหันหลังอยู่ในลานบ้าน
แม่ทัพฉีเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ หนานกงเย่ หนานกงเย่ไม่แม้แต่จะมองและถามว่า:“จนถึงทุกวันนี้ ข้าก็ไม่นึกเสียใจที่บีบคอนาง แต่ตอนนี้กำลังชดใช้ผลกรรม
และนางก็กำลังลงโทษข้า”
“พระองค์รู้ก็ดีแล้ว” แม่ทัพฉีไม่ได้พูดอะไรและจากไป
หนานกงเย่สึกอึดอัดใจมาก และทำลายก้อนหินทั้งหมดในลานบ้านจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
จากนั้นเขาก็กลับไปเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไร แต่ทำให้ผู้คนในจวนอ๋องเย่ต้องตกใจไม่น้อย และคิดว่ามีเรื่องที่เลวร้ายเกิดขึ้น
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้น นางก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง ในช่วงเวลานี้ไม่ง่ายเลยที่จะบำรุงร่างกายให้หายดี
นางลุกขึ้นนั่งและเห็นว่าหนานกงเย่ยืนอยู่ที่หน้าต่าง เขาหันหลังให้นางและมองออกไปข้างนอก เมื่อฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นมา นางก็คิดถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง
หลังจากที่เห็นหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นก็กำลังจะลุกจากเตียงและเกือบจะล้มลง แต่หนานกงเย่หันกลับมาทันเวลาและรีบเข้าไปพยุงฉีเฟยอวิ๋นในทันที
“ทำไมตื่นแล้ว ไม่เรียกข้า?” หนานกงเย่ระมัดระวังเป็นอย่างมาก และกลัวว่าจะทำให้ฉีเฟยอวิ๋นตกใจ ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่แล้วยิ้ม
“หม่อมฉันเดินได้ไม่ใช่หรือเพคะ พระองค์ทรงยืนตรงนั้นและไม่หันหลังกลับมา ใครจะไปรู้ว่าเรียกแล้ว พระองค์จะหันกลับมาหรือไม่?”
ในเวลานี้หนานกงเย่กล่าวว่า:“เช่นนั้นต่อไปหากเจ้าต้องการอาบน้ำก็อาบน้ำเถอะ จะได้ไม่ต้องเป็นไข้อีก”
“ท่านอ๋องแสร้งทำเป็นเลอะเลือนหรือเพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
หนานกงเย่ทำหน้าตาบึ้งตึงและไม่อยากพูด ฉีเฟยอวิ๋จับใบหน้าของเขา:“ท่านอ๋อง ไม่ต้องกังวลเพคะ”
“ข้าไม่กังวล ในช่วงนี้เจ้าต้องการพักผ่อน ดังนั้นไม่ต้องกลับไป……”
ในขณะที่กำลังพูด คนข้างนอกก็ทยอยกันกลับมา เสียงดูวุ่นวายมาก แต่ทั้งหมดไปที่เรือนจวินจื่อ
ในเวลานี้ อาอวี่หล่าวอย่างประหลาดใจว่า:“เกิดอะไรขึ้นกับก้อนหิน นั่นเป็นสิ่งที่พระชายาชอบที่สุด ใครไม่ระวังจนทำก้อนหินแตกกัน?”
ใบหน้าของหนานกงเย่เปลี่ยนเป็นสีเขียว ฉีเฟยอวิ๋นมองไป และเขาก็อธิบายในทันทีว่า:“ไม่ใช่ข้า!”