องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 725 ท่านอ๋องเป็นหนี้นาง
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 725 ท่านอ๋องเป็นหนี้นาง
หลังจากพูดคุยกันพักหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นก็ลืมตาขึ้น ในที่สุดร่างกายก็เริ่มฟื้นคืนสภาพ ระบบภายในก็ค่อยๆ เข้มแข็งขึ้นทีละน้อย
ฉีเฟยอวิ๋นยกมือขึ้นมาและมองมือตัวเอง นางถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้ว่าสภาพจิตใจจะยังหนักหน่วงอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังซื้อเวลาไว้ได้
หนานกงเย่สังเกตเห็นความผิดปกติของฉีเฟยอวิ๋น จึงถามนางว่า “เป็นอะไรไปหรือ”
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้ามองหนานกงเย่ “ไม่มีอะไรแล้วเพคะ เมื่อครู่ข้าเพียงแต่ฝันเห็นใครคนหนึ่ง บอกนางว่าเมื่อย่างค่ำมาถึงเราสามคนจะดื่มสุรากัน”
“ข้าเองก็…” หวาชิงได้ยินดังนั้นก็อยากจะผสมโรงด้วย แต่หนานกงเย่สีหน้ามึนตึงขึ้นทันที
“ท่านไม่ต้องยุ่ง”
หนานกงเย่รู้สึกหนักอึ้ง เขามีสีหน้าเย็นชาและไม่พูดอะไรอีก
เมื่อรถม้าหยุดลงหนานกงเย่จึงลงจากรถม้า จากนั้นจึงสั่งให้รถม้าส่งหวาชิงกลับไปก่อน
เมื่อกลับมาที่สวนดอกกล้วยไม้ ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่เป็นอะไรแล้ว “ท่านอ๋อง อาจจะมีคนมากวนก็ได้ เราไปที่สระกำมะถันดีกว่า ท่านไปเตรียมเครื่องดื่มและของว่างมาสักหน่อยเถิด ท่านอยากจะคุยกับนางมาตลอดมิใช่หรือ ข้าจะลองเรียกนางมา”
“อื้ม เช่นนั้นอวิ๋นอวิ๋นก็ระวังด้วย”
หนานกงเย่ไปเตรียมตัวส่วนฉีเฟยอวิ๋นไปจัดการที่สระกำมะถัน ในไม่ช้าหนานกงเย่ก็กลับมา เขาลั่นดาลประตูด้านนอกก่อนสิ่งอื่นใด จากนั้นจึงเข้าไปหาฉีเฟยอวิ๋น
หลังจากวางของลงทั้งสองคนก็นั่งขัดสมาธิในจุดที่แห้ง ฉีเฟยอวิ๋นหลับตาลงและคุยกับเจ้าของเดิม ในไม่ช้าเจ้าของเดิมก็ปรากฏตัวออกมา
เจ้าของร่างเดิมสวยงามหยาดเยิ้มยิ่งกว่าฉีเฟยอวิ๋น แม้ว่าจะเป็นร่างเดียวกัน แต่ท่าทีที่ปรากฏออกมาคือท่าทีของความแค้นเคือง
หนานกงเย่กระชับมือแน่น “เจ้ามาแล้วหรือ”
เจ้าของเดิมมองหนานกงเย่อย่างพินิจพิเคราะห์และนึกขัน “ดูเหมือนท่านก็มีวันนี้ด้วยสินะ”
“เหตุใดข้าจะมีวันนี้ไม่ได้”
เจ้าของเดิมไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดังนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงต้องบอกว่า “พวกท่านอย่าทะเลาะกัน นี่เป็นความเข้าใจผิด”
แม้ว่าเจ้าของเดิมจะไม่พูดอะไรแต่แววตานั้นเป็นของนาง ทว่าน้ำเสียงที่เน้นย้ำนั้นชัดเจนว่าเป็นของฉีเฟยอวิ๋น
หนานกงเย่มีสีหน้าบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่าพยายามยับยั้งอยู่มาก “เมื่อก่อนตอนที่เจ้าพยายามตามตอแยข้า ข้าบุ่มบ่ามเกินไปทั้งยังฆ่าเจ้า เรื่องนี้เป็นความผิดของข้า แต่เจ้าอยากให้ข้าแต่งงานกับเจ้า มันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ตอนนี้เจ้าทำให้อวิ๋นอวิ๋นต้องทรมาน และข้าก็ไม่มีความสุขเลย หากรีบนัก ข้าจะยอมพินาศไปพร้อมกับเจ้า”
“เหอะๆ…” เจ้าของร่างเดิมหัวเราะขึ้นมาอย่างนุ่มนวล หัวใจของฉีเฟยอวิ๋นเต้นตึกตัก เจ้าของเดิมประหลาดใจ “เจ้าทำอะไรน่ะ”
“เจ้าหัวเราะน่าฟังมาก”
หนานกงเย่สีหน้าอึมครึม “ฉีเฟยอวิ๋น?”
“มีอะไร”
“มีอะไร”
ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย หนานกงเย่ยิ่งวุ่นวายใจขึ้นเรื่อยๆ เขาทนไม่ได้ที่เห็นคนคนเดียวพูดคุยกันเอง
ที่ยิ่งทนไม่ได้ก็คือคนผู้นั้นกำลังมีความปรารถนาในตัวของตัวเอง เป็นเช่นนี้แล้วเขาจะทนไหวได้อย่างไร
ตอนแรกแววตาของฉีเฟยอวิ๋นที่จ้องมองหนานกงเย่เป็นแววตาที่ชั่วร้าย นั่นคือฉีเฟยอวิ๋น ต่อมากลายเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้น นั่นคือเจ้าของเดิม
แต่ทั้งสองคนต่างดูไม่มีความสุขนัก หนานกงเย่ยกจอกสุราขึ้นมาดื่ม
ไม่ต้องไปสนใจ
ฉีเฟยอวิ๋นเอ่ยว่า “เหตุใดเจ้าจึงชอบเขาหรือ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว รูปโฉมของเจ้านั้นงดงามมาก ไม่ได้ขาดตกบกพร่องสิ่งใด เขาที่เย็นชาดั่งน้ำแข็งมีดีตรงไหนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะข้าแต่งงานกับเขาแล้วตอนที่มาถึงที่นี่ ข้าไม่มีทางอยู่นี่แน่”
หนานกงเย่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงแต่ไม่กล้าหุนหันพลันแล่น เขารินสุราแล้วยกขึ้นดื่มอีกแก้ว สตรีผู้นี้ทำให้เขาโกรธมากจริงๆ!
ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็ หากเขาโกรธเช่นนี้ ฉีเฟยอวิ๋นคงถูกเขากำจัดจนไม่เหลือหลักฐานภายในไม่กี่นาที
ความองอาจกล้าหาญเยี่ยงวีรบุรุษที่เขาเคยมีนั้นหายไปแล้วหรือ?
เจ้าของเดิมยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก “ในตอนนั้นข้ายังเด็กและไม่รู้ความ จะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ หากรู้แต่แรกข้าคงจะไปกับเฉินอวิ๋นเจี๋ย จริงด้วย เฉินอวิ๋นเจี๋ยอยู่ที่ไหน เขาเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยากเจอเขา”
ฉีเฟยอวิ๋นเป็นคนใจกว้าง “พรุ่งนี้ข้าจะส่งจดหมายหาเขา เขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ ตอนที่ข้ามาที่นี่เขาก็เคยมาหาข้า เขามีความรักที่ลึกซึ้งต่อเจ้า ถ้าเป็นข้า ข้าจะแต่งงานกับเขา”
หนานกงเย่โกรธจนเจ็บปวดไปหมด นี่คิดจะทำให้เขาโกรธจนตายหรืออย่างไร
คุยกันมานานเท่าไหร่แล้วก็มิรู้ได้ เจ้าของเดิมเอ่ยว่า “ข้าไม่ไหวแล้ว วันนี้ข้าเหนื่อยมานานแล้ว ต้องกลับก่อน ไม่ใช่ว่าเจ้าจะทำธุระหรือ มีอะไรก็ไปทำเถิด ไว้เฉินอวิ๋นเจี๋ยมาแล้วค่อยบอกข้า ข้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ข้าอยากอยู่กับเขา”
ฉีเฟยอวิ๋นรับปากเป็นอย่างดี นั่นเองแววตาของเจ้าของเดิมผู้งดงามจึงเปลี่ยนไป
แววตาฉีเฟยอวิ๋นกลับมาสดใส หนานกงเย่รีบวางแก้วลงทันที “ไปแล้วหรือ”
“อื้ม เหนื่อยแล้ว นางอ่อนแรงมาก ข้าก็เพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่าเหตุใดนางจึงรบกวนระบบของข้า นั่นเพราะนางอ่อนแรงมากและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ก็เลยรีบร้อนเข้ามาที่ระบบของข้า นี่ไม่ใช่ความผิดของนางเลย
นางยอมให้อภัยและปรับความเข้าใจกับข้า เพียงแต่นางอยากให้ข้ารับปากอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือให้ข้าตามหาแม่ของนาง เรื่องที่สองคือนางอยากแต่งงานกับเฉินอวิ๋นเจี๋ย”
“ไร้สาระ ข้ายังไม่ตายนะ”
“ท่านอ๋อง แต่ตอนนี้นางมีความปรารถนาเพียงสองสิ่งนี้เท่านั้น จะทำให้เกิดขึ้นไม่ได้เลยจริงๆ หรือ” ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่ามันไม่มีอะไร
สายตาของหนานกงเย่เย็นเยียบ “สองสิ่งนี้ของนาง สิ่งหนึ่งต้องการชะตาของเมืองต้าเหลียง อีกสิ่งต้องการชีวิตของข้า ในหัวของข้ามีแต่น้ำหรืออย่างไร”
“ข้ารับปากไปแล้ว” ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและเริ่มจัดการเก็บของ
หนานกงเย่เดินตามฉีเฟยอวิ๋นไปและพยายามเปลี่ยนเรื่อง “เฉินอวิ๋นเจี๋ยไปที่ชายแดนแล้ว เกิดเรื่องขึ้นที่เรือนเขายังไม่กลับมา เหตุใดจะต้องไปทำให้เขาเดือดร้อนด้วย”
“นั่นไม่ใช่ว่ายิ่งดีหรือ เราไปหาและทำเรื่องนี้ให้สำเร็จกัน”
“ข้าไม่เห็นด้วย”
“……”
ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับมา “เช่นนั้นก็ช่างเถิด”
ฉีเฟยอวิ๋นวางของกินลงและไปพักผ่อน
หนานกงเย่ยังคิดจะถกเถียง เขามองฉีเฟยอวิ๋นที่ไปพักผ่อนและถอดเสื้อผ้าเตรียมจะขึ้นเตียง จากนั้นจึงพูดเรื่องเดิม
ฉีเฟยอวิ๋นลืมตาและลุกขึ้น “ท่านอ๋อง ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าท่านทำร้ายชีวิตคนคนหนึ่ง”
“ข้ามีหลายชีวิตในกำมือ คิดไม่ออกหรอก”
เมื่อขึ้นมาบนเตียงแล้วหนานกงเย่จึงกดตัวลง ฉีเฟยอวิ๋นชักสีหน้าอย่างหมดความอดทน “ท่านอ๋อง ท่านอยากจะให้ข้าเป็นเหมือนเช่นก่อนหน้านี้หรือว่าเป็นอย่างตอนนี้”
“เรื่องนี้ข้าไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด อวิ๋นอวิ๋นจะแต่งงานครั้งที่สองได้อย่างไร”
“แต่มันเป็นเพียงแค่พิธีการเท่านั้น”
“ในเมื่อเป็นแค่พิธี จะพบหน้ากันก็ได้ แต่แต่งงานกับเฉินอวิ๋นเจี๋ยไม่ได้ มิเช่นนั้นข้านี่แหละจะฟันเฉินอวิ๋นเจี๋ยทิ้งเสีย”
สองสามีภรรยามองหน้ากัน ฉีเฟยอวิ๋นนิ่งไปนิดหนึ่ง “เช่นนั้นรออีกสองสามวันจนกว่าเฉินอวิ๋นเจี๋ยจะกลับมา เมื่อนั้นค่อยคุยกันอีกครั้ง”
“แต่ข้ากลับคิดว่าเราควรไปตามหาท่านแม่ยายก่อน”
ฉีเฟยอวิ๋นมองเขา “ท่านอ๋อง นิสัยของเจ้าของเดิมเปลี่ยนไปแล้วนะเพคะ นางที่อยู่ในร่างกายของข้าเวลานี้ไม่ใช่คนที่มีนิสัยเด็กๆ เหมือนเมื่อก่อน นางโตขึ้นแล้วและมีประสบการณ์ ข้ารู้ว่านางก็รู้ ตอนนี้ที่นางคิดก็คือท่านอ๋องกำลังหลอกลวงนาง ข้าเองก็คิดไม่ต่างกัน ที่ท่านอ๋องพูดเช่นนี้ไม่ใช่ว่าพูดอย่างขอไปทีหรอกหรือ เมื่อพบท่านแม่แล้วนางจะยังอยู่หรือเปล่า
ท่านอ๋องเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าเวลาที่เจ้าของเดิมเศร้า ข้าเองจะอ่อนแอไปด้วย ถ้าเจ้าของเดิมจากไป ข้าจะยังอยู่หรือเปล่า?”
แววตาของหนานกงเย่หม่นมัว “เหลวไหล”
“ท่านอ๋องรู้จักนิสัยของข้าดี ข้าไม่ใช่คนชอบพูดเล่น”
หัวใจของหนานกงเย่พุ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอย เขาคว้ามือของฉีเฟยอวิ๋นไว้และนึกโกรธจนไม่อยากพูด
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าเขาไม่เต็มใจ “ท่านอ๋อง เข้าใจว่าท่านเป็นหนี้นางนะเพคะ ถ้าตอนนั้นท่านไม่บีบคอนางจนตาย ข้าก็คงไม่ได้มา แล้วท่านก็จะไม่ได้อะไรเลย”