องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 729 สถานการณ์รุนแรง
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 729 สถานการณ์รุนแรง
เจ้าของร้านถึงได้ก้มศีรษะให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นตรวจสอบเสร็จจึงลุกขึ้นกล่าวว่า“โดนพิษตาย แต่ข้าถามหน่อย วันนั้นเจ้าพบเห็นรู้ได้อย่างไรว่าคนตายแล้ว”
“วันนั้นแขกไม่เยอะมีประมาณหกเจ็ดคน ข้ายืนอยู่ด้านใน มีคนเรียกข้าไป ข้าเลยไป เพิ่งจะเดินเข้าไปเทชา เวลาต่อมา…..เขานั้นได้ล้มลงแล้ว ทุกคนตกใจวิ่งเผ่น ข้าเลยรีบไปเรียกคนแจ้งความ ก็เป็นอย่างนี้แล้ว”
“ก็คือคนที่ตายวันนั้นมีเพียงคนเดียวหรือ”
เจ้าของร้านรีบตอบกลับว่า”ใช่แล้ว มีเพียงคนเดียว”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า“เช่นนั้นคือการสังหารล้างแค้น ไม่ใช่การสังหารจากเข้าใจผิด คนที่ดื่มชาวันนั้นเจ้าล้วนไม่รู้จักใช่หรือไม่?”
“ไม่รู้จักเลย”เวลานี้เจ้าของร้านนึกได้
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า กล่าวว่า“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว พวกเขาน่าจะมีวางแผนไว้แล้วว่าจะลงมือที่นี่ คนจำนวนหนึ่งร่วมมือกัน มีคนสังหารคนมีคนดึงดูดความสนใจของเจ้า แต่การวางยาพิษที่ชาน่าจะไม่ใช่จุดสำคัญ”
“แต่ในชามียาพิษนะ?”เจ้าของร้านอดไม่ได้ที่จะถาม
ฉีเฟยอวิ๋นพลิกศพมา และใช้ศีรษะทางด้านหลังตรวจสอบ เอาผ้าออกจากศีรษะของเขาแล้วตรวจสอบอย่างละเอียด ด้านหลังของฝ่ายตรงข้ามมีเข็มเงิน เข็มนั้นเล็กมาก อีกทั้งเป็นสีดำ จากนั้นหยิบออกมา ฉีเฟยอวิ๋นเลยลุกกล่าวว่า“พวกเขาใช้เข็มนี้วางยา หลังจากนั้นตอนที่พวกเจ้าวุ่นวายกันได้วางยาใส่ในถ้วยชา เช่นนี้คนก็จะไม่สงสัย เจ้าเลยกลายเป็นแพะรับบาป ลุกขึ้นเถิด คดีนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า หลังจากนี้เวยสือจะมาที่นี่ พอถึงเวลานั้นเขาจะพลิกคดีที่ถูกต้องแก่เจ้า พวกเจ้าแค่กลับไปคิดดูว่าวันนั้นมีผู้ใดบ้างก็พอแล้ว”
“ได้ๆๆ…”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นมองหนานกงเย่ กล่าวว่า“ท่านอ๋อง คนผู้นี้ดูแล้วไม่ใช่คนท้องที่ ไม่ใช่คนพื้นที่เหตุใดต้องถูกสังหาร ท่านเคยคิดหรือไม่?”
หนานกงเย่มองคนบนพื้น ชะงักงันเล็กน้อย กล่าวว่า“อาอวี่ เจ้าเอาคนไป”
“พ่ะย่ะค่ะ”อาอวี่รีบเอาคนออกไป แววตาของหนานกงเย่เข้าใจกระจ่างแล้ว หลังจากอาอวี่เอาคนไปแล้วได้รีบถอดชุดออกตรวจสอบ ไม่นานอาอวี่จึงได้กลับมา
“ท่านอ๋อง ไม่พบพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยความแปลกใจว่า“พบเจออะไรบ้าง?”
เวลานี้ตรงหน้าไม่มีคน อาอวี่กล่าวว่า“แต่ละพื้นที่ของพวกเราก็มีหูมีตา หากเป็นคนของพวกเรา บนร่างกายจะมีเครื่องหมาย แต่เขาไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่ กล่าวว่า“ท่านอ๋อง มีโอกาสที่จะเป็นคนของท่านอ๋องกลับมาไม่ได้หรือไม่เพคะ แล้วจากนั้นได้ขอให้เขาเอาสิ่งของบางอย่างมาให้ แต่เขาเข้าต้าเหลียงไม่ได้ ถึงได้ถูกสกัดไว้”
“……”หนานกงเย่ไม่มีคำตอบ ฉีเฟยอวิ๋นเลยลุกขึ้นไปตรวจสอบอีกครั้ง เวลานี้คนที่ตายได้ถูกถอดโล่งโจ้ง เพราะฉะนั้นฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปก็ได้เจอเงื่อนงำ แขนข้างหนึ่งของคนผู้นี้มีรอยดึงบังเหียนม้าที่ลึกมาก
“อาอวี่ สวมเสื้อผ้าใส่ให้เขา อีกครู่หนึ่งข้าจะมากับท่านอ๋อง”ฉีเฟยอวิ๋นออกไปหาหนานกงเย่ รอเขามาแล้วเลยเข้าไปด้วยกันจากนั้นชี้ที่มือของผู้ตาย
“ท่านอ๋องดู ในมือของเขามีของที่ถูกแย่งไปเพคะ เพราะว่ามือมีระดับรอยแข็งทื่อหลังจากที่ตายแล้วไม่ง่ายที่จะฟื้นฟู เพราะฉะนั้นในมือของเขาน่าจะเป็นของกลมๆ ของชิ้นนี้มีเชือก เพราะฉะนั้นตอนที่ถูกลากถึงได้บาดตรงมือของเขา”
ฉีเฟยอวิ๋นกำลังพูดอยู่นั้น หนานกงเย่ได้เดินไปนั่งยองๆมอง จากนั้นกล่าวว่า“อาอวี่ ป้ายของเจ้าล่ะ”
อาอวี่จึงได้รีบนำตราประทับให้หนานกงเย่ หนานกงเย่วางในมือผู้ตาย พอดีกับรอยนั้นเลย เชือกกับรอยบังเหียนก็เข้ากัน
หนานกงเย่หันกลับ กล่าวว่า“เขาสวมใส่ปีกใต้ ตรวจสอบดูว่าผู้สอดแนมของทางด้านปีกใต้มีปัญหาหรือไม่ “
“ท่านอ๋อง รอหม่อมฉันก่อน”ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาน้ำออกมา เทลงบนมือของผู้ตาย หลังจากที่ทาแล้ว ในใจกลางมือของคนผู้นั้นปรากฏเส้นรอยสีแดง บนรอยปรากฏมังกร ด้านล่างยังเขียนชื่อด้วย
“ท่านอ๋อง หลง…..”
“อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นมองอย่างละเอียด ด้านล่างเขียนชื่อว่า“ฮั่ว?”
“หรือว่าเป็นฮั่วหลง?”
ฉีเฟยอวิ๋นฟังไม่เข้าใจ อาอวี่นั้นตื่นตะลึง
หนานกงเย่ลุกขึ้นมองอาอวี่แล้วกล่าวว่า“ก่อนหน้านี้ แล้วก็ข่าวคราวของฮั่วหลงนานแค่ไหนแล้ว?”
“เรื่องนี้ต้องถามปู้เหวินพ่ะย่ะค่ะ”อาอวี่นั้นไม่แน่ใจ ผู้ส่งข่าวคราวไปมาล้วนคือปู้เหวิน
“เก็บศพนี้ไว้ก่อน ตรวจสอบทั้งนอกและในเมืองหลวงอย่างเคร่งครัด บอกให้ปู้เหวินมาพบข้าด้วย ส่วนอวิ๋นอวิ๋นกลับไปกับข้า”
“เพคะ”
แม้ว่าจะกลับไป ฉีเฟยอวิ๋นก็ได้กำชับอาอวี่ว่า“คดีฆาตกรรมครั้งนี้เป็นความเข้าใจผิด เป็นแมลงหล่นไปในถ้วยชา แมลงมีพิษ ทำให้คนกินแล้วตาย พูดเช่นนี้นะ เพิงร้านชาไม่ต้องรับผิดชอบ”
“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”อาอวี่รีบไปจัดการทันที ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปกับหนานกงเย่ เฟิงอู๋ชิงก็ตามกลับกับพวกเขาด้วย
ทั้งสามคนเดินจนเงียบผิดปกติ พอเข้ามาสวนดอกกล้วยไม้หนานกงเย่มองเฟิงอู๋ชิง และกล่าวว่า“ช้าก่อนเจ้าหอ ข้ามีบางเรื่องจะคุยกับอวิ๋นอวิ๋น จากนั้นพวกเราค่อยคิดบัญชีกัน”
เฟิงอู๋ชิงเลยไปรออยู่ห้องด้านข้าง
เวลานี้หนานกงเย่เข้ามาในเรือน คนมาในเรือนก็ไม่น้อย คนขอหอทิงเฟิงได้ทยอยกันเข้ามาในเรือนแล้ว
เข้ามาหอทิงเฟิง ภายในเรือนถึงหมดแล้วเฟิงอู๋ชิงกลับอยู่ที่ด้านนอกห้องข้างรอคนที่ส่งไปทำงานกลับมา
ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า”ท่านอ๋อง ฮั่วหลงคืออะไรเพคะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สามารถควบคุมสนใจเรื่องของเฟิงอู๋ชิงทางด้านนั้นได้หรอก
“ฮั่วหลงเป็นมังกรตัวหนึ่งในสี่มังกร เป็นผู้สอดแนมลับๆกระจายอยู่ข้างนอก เฟิงฮั่วเหลยเตี่ยนเป็นผู้นำของมังกรทั้งสี่ ความสามารถทั้งหมดได้รับการยอมรับจากข้า และพวกเขายังจงรักภักดีต่อข้าด้วย เมื่อตอนที่พวกเขาจากไปนั้นข้าเป็นเพียงวัยรุ่น ช่วงปี้เหล่านี้มีบางครั้งได้เจอกัน
ป้ายตาประทับของฮั่วหลงไม่อาจให้คนอื่นได้ นอกจากเขาจะเกิดเรื่อง แต่ไม่นานมานี้เขาเพิ่งจะส่งข่าวคราวมาเอง”
“นั่นก็คือ พวกเขาเปลี่ยนผู้สอดแนมของท่านอ๋อง จนกระทั่งทะลุปรุโปร่งเข้ามา ฮั่วหลงได้ส่งคนมาแจ้งท่านอ๋อง แต่กลับโดนพิษสังหารอยู่ด้านนอก”
“อือ”
หนานกงเย่มีสีหน้าเคร่งขรึม ด้านนอกก็ได้มีคนเข้ามา
“ท่านอ๋อง”
ปู้เหวินขอเข้าพบอยู่ด้านนอก หนานกงเย่เลยกล่าวรับสั่งว่า”เข้ามา”
ปู้เหวินเข้ามา ฉีเฟยอวิ๋นเลยนั่งลง
“ถวายบังคมพระชายา ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องของฮั่วหลง เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่?”
“รู้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง สามวันก่อนหน้าฮั่วหลงได้ส่งข่าวคราวมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์ชายสามแห่งปีกใต้ ท่านอ๋องเชิญดูพ่ะย่ะค่ะ”
ปู้เหวินวางกระดาษแผ่นหนึ่งลง ด้านบนมีสัญลักษณ์ของฮั่วหลง
หนานกงเย่เหลือบมองแล้วยื่นให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นพิจารณาอย่างละเอียดกล่าวว่า“รอยเดียวกันเหมือนกันกับที่อยู่ในมือของคนผู้นั้นเพคะ ระดับความว่องไวของพวกเขาทำให้คนตื่นตะลึงได้จริงๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น ก็สามารถทำป้ายของฮั่วหลงออกมาได้ ท่านอ๋อง นี่ไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้เป็นคนข้างกายของฮั่วหลงหรือเพคะ ถึงได้ชำนาญเชี่ยวชาญอย่างนี้?”
“อืม”
หนานกงเย่มองปู้เหวิน จากนั้นกล่าวว่า“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าผู้ใดจะส่งข้อความมาไม่ต้องอ่าน วางมันไว้ด้วยกัน กลับไปข้าจะจัดการเอง เรื่องของฮั่วหลงเก็บเป็นความลับไว้ก่อน เอาคำที่ข้าพูดไปแจ้งทั่วกัน ทุกคน ทุกวันจะต้องส่งข่าวคราวแก่ข้าเป็นการส่วนตัว เพื่อรายงานเรื่องราวสถานการณ์แต่ละสถานที่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ปู้เหวิน ข้าจะออกไป เจ้าอยู่ อวิ๋นจิ่นจะคอยช่วยเหลือเจ้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ปู้เหวินออกไป อวิ๋นจิ่นได้มาทางด้านนี้ หนานกงเย่รับสั่งกำชับอวิ๋นจิ่นแล้วมองฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า”เรื่องหลังจากนี้ ต้องไปถามเฟิงอู๋ชิง ไปกันเถิด”