องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 730 ทำคดีอยู่นอกเมือง
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 728 ทำคดีอยู่นอกเมือง
“ดูไม่ออกเลยว่าฝีมือดาบไม่เลวเลยทีเดียว”ยากที่เฟิงอู๋ชิงจะจริงจัง ฉีเฟยอวิ๋นเลยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ก็ได้อยู่ คนตอนที่ตกอยู่ในอันตรายเต็มไปด้วยภัยพิบัติ มันก็ง่ายที่จะลุกขึ้นมาปกป้องตนเอง “ฉีเฟยพูดอะไรได้ ดาบไร้ใจท่านแม่เป็นคนทิ้งไว้ แต่ท่านแม่ของเธอเป็นหญิงที่อ่อนแอไม่น่าจะใช้ดาบไร้ใจเป็น!
เฟิงอู๋ชิงสีหน้าอึมครึม เขาเอื้อมมือออกไปจับมือของฉีเฟยอวิ๋น จิตใต้สำนึกทำให้ฉีเฟยอวิ๋นหลบหลีก แต่พอเห็นแววตาเย็นชาคู่นั้นของเฟิงอู๋ชิง เลยรู้ว่ามีสาเหตุ เธอเลยยื่นมือให้เขา
เฟิงอู๋ชิงจับที่แขนของฉีเฟยอวิ๋น กล่าวว่า“เจ้าไม่มีพลังภายในแม้แต่น้อย ฝึกฝนดาบไร้ใจจนกลายเป็นอย่างนี้ ข้าทึ่งอย่างมาก”
“ดาบไร้ใจ?”ฉีเฟยอวิ๋นทึ่งตะลึงไปชั่วขณะ เฟิงอู๋ชิงรู้เรื่องดาบไร้ใจได้อย่างไร?
“ดาบไร้ใจเป็นจักรพรรดินีของแคว้นเฟิ่งร่ำเรียนโดยเฉพาะ ไม่ได้เผยแพร่”
“ห๊ะ?”ฉีเฟยอวิ๋นอ้าปากค้าง กล่าวว่า“เจ้าพูดอะไรกัน?”
“ที่ข้าพูดเจ้าไม่ใช่ได้ยินแล้วหรือ?”
เฟิงอู๋ชิงกอบกุมมือของฉีเฟยอวิ๋นแล้วมองไปอู๋ซัง กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า“ประกาศลงไป ผู้คุมงานแปดร้อยคนของหอทิงเฟิง ภายในครึ่งเดือนจะต้องถึงเมืองต้าเหลียง หากว่าล่าช้า ไล่ออกจากหอทิงเฟิงได้”
“ขอรับ”
อู๋ซังเป่าปากเสียงลากยาว บริเวณโดยรอบมีเสียงตอบกลับมา ฉีเฟยอวิ๋นมองไป คนทั้งคนชะงักงัน ผู้ควบคุมงานแปดร้อยคน?
นั่นมันคนไม่น้อยเลย บวกกับคนที่ทำเพื่อคนอื่นอีก สามารถเปิดโรงแรมท่องเที่ยวได้เลย!
ไม่นานฉีเฟยอวิ๋นก็ได้ถูกความคิดของตัวเองโจมตีแล้ว ช่วงนี้เธอน่าจะใช้ตั๋วเงินเยอะ คิดเรื่องตั๋วเงินจนบ้าแล้ว
“เจ้าหอเฟิงจับดึงข้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ไม่มีอะไร”
ปากของเฟิงอู๋ชิงบอกไม่มีอะไร แต่ทว่าสีหน้าเขากลับไม่ดี อู๋ซังได้ประกาศแจ้งคนของหอทิงเฟิงบริเวณโดยรอบแล้ว เวลานี้อู๋ซังเดินมาดูเฟิงอู๋ชิง แล้วกล่าวขึ้นว่า“เจ้าหอ หรือว่านางเป็น……”
“หุบปาก!”
เฟิงอู๋ชิงเอ่ยปากขึ้น อู๋ซังเลยรีบปิดปากเงียบไม่กล้าที่จะพูดมาก
เวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกงงงวยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจ้าจะไปไหนหรือ?”เฟิงอู๋ชิงมองไปทางฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเลยจำใจต้องพูดว่าไปดูหนานกงเย่
“ไป เดี๋ยวข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ตอบ ก็ถูกเฟิงอู๋ชิงลากไปเสียแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบชักมือกลับคืนมา แต่มือของเฟิงอู๋ชิงคล้ายดั่งคีบเหล็ก พัวพันรัดบีบที่มือของเธอ
เธอชักดึงกลับออกมาไม่ได้ เลยจำใจต้องกล่าวกับเฟิงอู๋ชิงว่า“เจ้าหอเฟิง เมืองต้าเหลียงมีประเพณีและวัฒนธรรมที่ซื่อสัตย์ เจ้าหอดึงจูงข้าเช่นนี้มันไม่งามเลย หากถูกท่านอ๋องเย่พบเข้า จะทำลายมิตรภาพได้”
”คนของหอทิงเฟิงมีทั่วสารทิศ ข้าเฟิงอู๋ชิงไม่ใช่คนที่เกรงว่าจะเกิดเรื่อง แม้ว่าหนานกงเย่จะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ไม่สามารถต้านทานข้าได้ หากข้าต้องการแย่งชิงเจ้า เกรงว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กล่าวว่า“เจ้าหอพูดเช่นนี้อาจจะบังคับคนอื่นให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำไปหน่อย อีกอย่างช่วงที่ผ่านมาเข้ากันได้ไม่ดี เหตุใดเจ้าหอทิงเฟิงถึงได้กล่าวคำพูดเหล่านี้ออกมาได้ ใช่หรือไม่ว่าพวกข้าสองสามีภรรยาทำผิดต่อเจ้าหอจนเกิดความไม่พอใจขึ้น?”
“ไม่ได้ทำให้ไม่พอใจหรือล่วงเกินหรอก แต่เรื่องอดีตของเจ้าที่ได้พบเจอ ข้าก็ได้ยินมาบางส่วนแล้ว เป็นหนานกงเย่ผู้นั้นทำผิดต่อเจ้า เขาไม่คู่ควรที่จะมีเจ้าอยู่ ข้าว่าเจ้าไปกับข้าเถิดนะ”
บนใบหน้าของเฟิงอู๋ชิงมีความน่าสงสาร คล้ายดั่งเจ็บปวดสงสารอย่างมาก ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างไม่เข้าใจว่า“เจ้าหอ….เจ้าเป็นอะไร?”
“เจ้าหุบปาก ข้านึกขึ้นได้แล้ว เจ้าคือคนที่จิตใจไม่เข้มแข็ง เขาพูดอะไรเจ้าก็ฟังอันนั้น เมื่ออดีตข้ายังไม่ค่อยเข้าใจ ระหว่างเจ้ากับเขามันคืออย่างไร ตอนนี้พอมานึกดูข้าเข้าใจแล้ว ระหว่างเจ้ากับเขาก็คือเขาหลอกลวงเจ้า เจ้าวางใจเลย มีข้าอยู่ ไม่อนุญาตเขาหรอก !”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกจนปัญญา เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทั้งสองคนเดินมาถึงเพิงร้านชา ทั้งสองเลยเดินเข้าไป เวลานี้หนานกงเย่กำลังทำคดี เพิงร้านชาถูกล้อมไว้หมดแล้ว บริเวณโดยรอบเป็นทหารที่เฝ้าอยู่
อาอวี่อยู่ด้านหลังได้ถูกอู๋ซังบีบบังคับให้เดินมาทางด้านนี้
อาอวี่มองที่มือของเฟิงอู๋ชิงแล้วรู้สึกไม่พอใจมาก จะทำอย่างไรได้ในเมื่อไม่สามารถห้ามได้ กริชของอู๋ซังอยู่บนคอของเขา จนมาถึงด้านนี้อาอวี่ถึงได้ถูกปล่อยออก
หนานกงเย่มองดูศพอยู่ด้านใน เขารู้สึกว่ามีคนมองเขา ถึงได้หมุนตัว
ผลสรุปพอหันกลับไปเขาได้มองเห็นมือที่อยากจะตายของเฟิงอู๋ชิงจับที่แขนของฉีเฟยอวิ๋น เลยเดินสีหน้าอึมครึมออกมา ยกมือขึ้นตี
เฟิงอู๋ชิงคล้ายดั่งว่าเตรียมใจมาแล้ว เลยดึงฉีเฟยอวิ๋นไว้ด้านหลังหนึ่งก้าว
หนานกงเย่ชำเลืองมองฉีเฟยอวิ๋น ขมวดคิ้วขึ้นถามว่า“เฟิงอู๋ชิง เขาเห็นแก่ความสามารถของเจ้า เลยเอาเจ้าเป็นแขกที่จวนอ๋องเย่ของข้า ปฏิบัติกับเจ้าอย่างดีมีมารยาท คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ เจ้าต้องการให้ข้าสังหารเจ้าหรือ?”
“ท่านอ๋องจัดการธุระก่อน เดี๋ยวข้าจะรอ”เฟิงอู๋ชิงแยกมือออก แววตาลึกล้ำ มือของเธอถูกปล่อยออกจึงได้เดินไปหาหนานกงเย่ เพราะว่าดึงกันไปมาระหว่างเดินทาง มือของฉีเฟยอวิ๋นเลยแดงระเรื่อ
“ท่านอ๋อง “ฉีเฟยอวิ๋นนวดคลึงมือ หนานกงเย่ก็ดึงมือของฉีเฟยอวิ๋นไปดูความโมโหจึงปะทุขึ้น
“เฟิงอู๋ชิง เจ้ารอข้าก่อน ตอนนี้ข้ามีธุระ รอข้าจัดการธุระเสร็จแล้ว ข้าจะจัดการเจ้าเสีย”
เฟิงอู๋ชิงไม่คัดค้าน เหลือบมองอู๋ซังแล้วกล่าวว่า“เอาคนที่มีความสามารถมาปกป้องอวิ๋นอวิ๋น อีกอย่าง หาเบาะแสว่าคนเหล่านั้นเมื่อครู่นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแค้วนเฟิ่งหรือไม่ ตรวจสอบทั้งในและนอกเมืองต้าเหลีย เมื่อมีคนมาทางเมืองหลวงด้านนี้แล้ว ทุกสองชั่วยามมารายงานข้า กระจายออกไปสู้คนทั่วทุกสารทิศ ไม่ใช่คนของต้าเหลียง ห้ามข้ามาในเขตแดนต้าเหลียง หากไม่ฟัง นั่นก็เป็นอริกับหอทิงเฟิง สังหารทิ้งให้หมด”
”…….”
มือของหนานกงเย่หนักอึ้ง แปลกประหลาด
ฉีเฟยอวิ๋นดึงหนานกงเย่เข้าด้านใน“ท่านอ๋อง ท่านมานี่หน่อยเพคะ”
เวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นก็แปลกใจ เพราะฉะนั้นเธอเลยจะต้องกล่าวพูดเรื่องราวให้ชัดเจน
หนานกงเย่แปลกใจกล่าวว่า“ความหมายของอวิ๋นอวิ๋นคือ คนเหล่านั้นเริ่มลอบสังหาร เฟิงอู๋ชิงเลยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนะหรือ?”
“ไม่ผิด คล้ายดั่งว่าเขาถูกกระตุ้นแล้ว แล้วใส่ใจหม่อมฉันอย่างไงอย่างงั้นเลยเพคะ แต่ไม่ใช่ความใส่ใจแบบระหว่างชายหญิง ในแววตาของเขาคล้ายได้พบความเจ็บปวดที่แสนทรมาน อีกอย่างเขารู้จักดาบไร้ใจด้วย ดาบไร้ใจเป็นท่านพ่อมอบแก่หม่อมฉัน ท่านพ่อบอกกับหม่อมฉันว่าท่านแม่ทิ้งไว้ให้ แต่ท่านพ่อไม่ได้บอกว่าทำไมถึงได้ส่งต่อลงมา
แล้วยังมีความแปลกเล็กๆ เขาบอกกับหม่อมฉันว่า……ดาบไร้ใจเป็นการร่ำเรียนเฉพาะจักรพรรดินีแคว้นเฟิ่ง ไม่ได้เผยแพร่ออกภายนอกเพคะ”
หนานกงเย่มือหนักอึ้ง กล่าวว่า“จักรพรรดินีแคว้นเฟิ่งหรือ? เมื่อสมัยนั้นแม่ทัพฉีเอาหญิงผู้หนึ่งกลับมาด้วย ระหว่างทางมีลูก กลับมาแล้วจึงคลอดเจ้า ไม่นานหญิงผู้นั้นก็ไป เรื่องราวต่อมา……แท่ทัพฉีได้สารภาพเมื่อไม่นานมานี้ว่าหญิงผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ หรือว่าเป็นจักรพรรดินีแคว้นเฟิ่ง?
“แต่จักรพรรดินีแคว้นเฟิ่งไม่เคยออกจากแคว้นเฟิ่งถึงจะถูก แต่เมื่อสมัยนั้นแม่ทัพฉีเอาเจ้ากลับมา คืออยู่ที่ปีกใต้นะ!”
ใบหน้าของหนานกงเย่มีความโศกเศร้า มันเป็นเคลื่อนที่ไร้ความสงบสั่นสะเทือน
บนพื้นยังมีศพหนึ่งศพ ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถามว่า“ท่านอ๋องตรวจสอบได้หรือยังเพคะ?”
“ยังเลย”หนานกงเย่หงุดหงิดใจมาก เขาจะมีจิตใจมาตรวจสอบคดีที่ไหนกันล่ะ
แต่ทว่าฉีเฟยอวิ๋นกลับเดินไปนั่งยองๆลง และเริ่มตรวจสอบศพที่อยู่บนพื้น
“มีเพียงแค่คนเดียวหรือ?”ฉีเฟยอวิ๋นถาม ด้านข้างมีคนรีบเดินมา แล้วตอบว่ามีคนเดียว
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหมอพิสูจน์ศพ จากนั้นได้ทำการตรวจสอบศพอีกครั้ง ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า“เถ้าแก่ที่นี่ล่ะ?”
“เรียกเถ้าแก่มาแล้วหรือ?”ตอนนี้หนานกงเย่หงุดหงิดใจ อะไรก็ทำไม่สำเร็จ เขากลับมองเฟิงอู๋ชิงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ภายในใจว้าวุ่นมาก
ไม่นานเถ้าแก่จึงมาถึง จากนั้นรีบคุกเข่าลง กล่าวว่า“ข้าเป็นเจ้าของโรงน้ำชาแห่งนี้ ขอเชิญท่านอ๋องตรวจสอบมองอย่างทะลุปรุโปร่ง มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าเลย”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่รอให้หนานกงเย่พูดอะไร มองไปทางเจ้าของ จากนั้นกล่าวว่า“เจ้าพูดกับข้า ข้าเป็นคนทำคดีนี้”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าหนานกงเย่ไม่มีกะจิตกะใจ เธอเลยดึงมาทำเอง