องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 734 ส่งหวาชิงจากไปc
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 732 ส่งหวาชิงจากไป
ทั้งสองคนออกไปพร้อมกัน ฉีเฟยอวิ๋นถามอวิ๋นหลัวฉวนว่า:”ช่วงสองสามวันก่อนพวกท่านยังมีปัญหาไม่มีความสุขเหตุใดถึงได้ดีกันแล้วหล่ะ?”
อวิ๋นหลัวฉวนยิ้ม: “เขาสัญญากับข้าแล้วและยังบอกกับข้าว่าในภายภาคหน้าจะไม่รับอนุภรรยา หากเขาทำตัวดีข้าก็จะยอมรับในตัวเขา”
อวิ๋นหลัวฉวนเพียงแค่ทำเพื่อฉีเฟยอวิ๋นถึงได้รีบจัดการกับเฉินอวิ๋นชูทันที ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถปกป้องจวนอ๋องเย่ได้อย่างเต็มที่
อ๋องตวนบอกเรื่องราวให้กับนางแล้วและนางก็รู้ในทันทีว่าต้องทำเช่นไร เรื่องของสามีภรรยานางต้องปล่อยวางเสียก่อน ที่สำคัญคือทางด้านจวนอ๋องเย่
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: ” เฉินอวิ๋นชูควรจะจัดการเช่นไร จะขังเอาไว้ตลอดไปก็ไม่ได้?”
“ข้าตั้งใจว่าจะรอพักหนึ่งหากไม่มีเรื่องใดแล้วก็ปล่อยตัว อ๋องตวนเขียนหนังสือหย่าแล้วและส่งไปให้กับทางฝ่าบาทเรียบร้อยแล้ว”
“ฝ่าบาททรงรับปากแล้วหรือ?”
“อืม รับปากแล้ว” อวิ๋นหลัวฉวนตอบอย่างตรงไปตรงมาแต่ฉีเฟยอวิ๋นกลับหัวเราะขึ้นมา
“หัวเราะสิ่งใด?”
“อ๋องตวนผู้นี้ทูลขอสิ่งใดจากฝ่าบาทฝ่าบาทก็ทรงประทานให้ แต่หากว่าอ๋องเย่ทูลขอสิ่งใดก็จะไม่ให้สิ่งนั้น”
“ใช่หรือ?”
อวิ๋นหลัวฉวนไม่ได้คิดเช่นนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากนัก ทั้งสองพูดคุยกันจากนั้นไปทางสวนดอกกล้วยไม้ซึ่งหนานกงเย่ได้จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว
เด็กๆพักอาศัยอยู่ในจวนอ๋องเย่และเพิ่มกำลังคนที่เรือนจวินจื่อ ส่วนเรื่องการโยกย้ายกำลังคนนั้นเรื่องนี้ให้อ๋องตวนจัดการ
อ๋องตวนสองสามีภรรยาอยู่ทานอาหารกลางวัน หวาชิงก็มาด้วย ในเมืองหลวงมีความเคลื่อนไหวหวาชิงก็รู้ แต่วันนี้ฝ่าบาทได้ทรงมีพระราชโองการให้นางกลับชายแดนเพื่อป้องกันชายแดนและจะต้องออกเดินทางไปในวันพรุ่งนี้
หวาชิงมาวันนี้ก็เพื่อมากล่าวคำอำลาต่อฉีเฟยอวิ๋นโดยเฉพาะ
ทานอาหารเสร็จฉีเฟยอวิ๋นรอหวาชิงอยู่ด้านนอก หวาชิงไปพบนาง อยู่ที่ลานเรือนแต่กลับไม่ได้กล่าวสิ่งใด
“ท่านมีสิ่งใดจะพูดกับข้า?” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าเรื่องนี้กระทำเกินไป อย่างไรก็รู้สึกผิดต่อหวาชิงนางถึงได้ไม่รู้ว่าจะกล่าวสิ่งใด
หวาชิงมองยังฉีเฟยอวิ๋น: “ข้าจะไปแล้ว ฝ่าบาทต้องการให้ข้าป้องกันชายแดน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อใด วันนี้ที่มาก็เพื่อพบกับท่าน พบแล้วพรุ่งนี้ข้าก็จะจากไปแล้ว ข้าต้องการให้ท่านไปส่งข้า ท่านไปส่งข้าได้หรือไม่?”
“ข้าก็ต้องไปเช่นกัน ข้าจะต้องไปจัดการเรื่องราวที่อื่น รอเมื่อข้ากลับมาแล้วข้าจะไปเยี่ยมท่าน แต่ว่าท่านต้องการให้ข้าไปส่งท่านข้าอาจจะไปไม่ได้”
“แล้วฉีเสี่ยวฮวนล่ะ?”
หวาชิงยังไม่ตายใจ ถึงเวลานี้แล้วนางก็ไม่รู้ว่ายังคงยึดมั่นสิ่งใดอยู่
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองไปตรงหน้าประตู: “ข้าจะถามดู ท่านอย่าได้เสียเวลา ในเมื่อพรุ่งนี้จะจากไปคิดว่าวันนี้ท่านก็คงจะยุ่งยิ่งนัก ด้านนอกไม่เจริญเท่าในเมืองหลวงแต่ไร้ซึ่งเล่ห์อุบาย ท่านอยู่ที่นั้นก็คงจะสงบ หากว่ามีผู้ที่ชื่นชอบอยู่ข้างกายท่านอย่าลืมจับให้มั่น”
หวาชิงเงียบไปครู่หนึ่ง: “ท่านเองก็รักษาตัวด้วย ข้าไปก่อนแล้ว”
หวาชิงไม่ได้ตามพัวพัน ในสายตาของหวาชิงการปกป้องบ้านเมืองนี้สำคัญกว่าความรักของชายหญิง นางกลับไปแล้วยังต้องออกสั่งการต่อทหารจึงล่าช้าไม่ได้
หวาชิงจากไปโดยไม่หันศีรษะกลับมาแต่ฉีเฟยอวิ๋นนั้นไม่สามารถวางใจได้
เช้าวันรุ่งขึ้นฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นตั้งแต่ยังไม่รุ่งสาง เปลี่ยนเสื้อผ้าของบุรุษแล้วออกประตูไป
กองทัพของหวาชิงรออยู่นอกเมืองห่างออกไปสิบลี้ หนานกงเย่และอ๋องตวนสองคนต่างก็ส่งอยู่ที่นั่นและคนอื่นๆทั้งยังมีขุนนางสำคัญของราชสำนัก
หวาชิงนั่งบนหลังม้าและมองไปในทิศทางของเมืองหลวง และก็ดูฝูงคนที่มาตรงนั้นด้วย
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ตามหนานกงเย่มา สำหรับหวาชิงแล้วยังมีโอกาส
แต่หวาชิงรอจนจะจากไปก็ไม่เห็นฉีเฟยอวิ๋น ก่อนไปหวาชิงมองไปยังหนานกงเย่: “หวังว่าจะดีต่อนาง”
สีหน้าของหนานกงเย่ดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง: “ได้เวลาของแม่ทัพน้อยแล้ว ควรไปได้แล้ว”
หวาชิงเหลือบมองไปโดยรอบอีกครั้งก่อนที่จะหันหลังกลับจากไป
หวาชิงเดินมาพักหนึ่งมองย้อนกลับไปก็ไม่เห็นฉีเฟยอวิ๋นนับว่าได้ตายใจแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นรออยู่ระหว่างทาง เมื่อเห็นกองทัพอยู่ตรงหน้าฉีเฟยอวิ๋นจึงได้ปล่อยเจ้าอีกาน้อยออกไป หวาชิงเห็นเจ้าอีการ่อนลงบนไหล่ก็เอื้อมมือออกไปคว้า มีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่บนขาของเจ้าอีกา
เปิดออกเป็นเนินสิบลี้สามคำ
หวาชิงสั่งให้คนรออยู่ที่เดิมในทันทีแล้วนางก็จากไปเลย
หวาชิงวิ่งไปที่นั่นและลงจากหลังม้า ฉีเฟยอวิ๋นสวมชุดของหมอและท่าท่างดังบุรุษ หวาชิงเดินไปสองสามก้าว: “ฉีเสี่ยวฮวน!”
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหวาชิงอย่างจนปัญญา: “ข้ามาส่งท่าน”
“ฉีเสี่ยวฮวน!”
เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นหวาชิงก็ร้องไห้ วิ่งตรงเข้าไปเลยและยังกอดไว้ด้วยกัน
ฉีเฟยอวิ๋นตบหวาชิงเบาๆ: “ท่านอย่าได้ร้องไห้ ข้ามาส่งท่านแล้ว”
หวาชิงจากไป: “ในที่สุดท่านก็ยินดีพบข้าแล้วหรือ?”
“อืม” หวาชิงยังคงร้องไห้
ฉีเฟยอวิ๋นสูดลมหายใจ: “ท่านชอบท่านอ๋อง เดิมทีข้าตั้งใจจะทำให้เจ้าไม่ชอบเขา แต่ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้ากลับตกหลุมรักข้า ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องดึงเวลากับเจ้า เจ้าจะจากไปข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่านางก็ช่างพอดี พบเจอบุรุษไม่กี่คนแต่กลับกลายเป็นหญิงทั้งสิ้น ไม่แปลกใจเลยที่หนานกงเย่จะเข้าใจผิด ใครบอกให้นางทำให้ผู้คนเกลียดชังได้เช่นนี้
หวาชิงสูดจมูก: “ข้าไม่สนใจ ท่านเป็นหญิงข้าก็ชอบ ข้าไปชายแดนครั้งนี้หากว่าไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นอีกสามหรือห้าปีก็จะกลับมา เมื่อวานข้าเข้าวังไปพบเสด็จอาแล้ว นางบอกกับข้าว่าเช่นนี้ข้าจะไม่ปลอดภัย ไม่ได้เข้าประตูจวนอ๋องเย่ต่อไปก็ต้องเข้าวัง ข้าถึงได้รีบร้อนจากไป ท่านวางใจได้ข้าจะต้องกลับมาแน่”
“……” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกทำสิ่งใดไม่ถูก: “หวาชิง ข้ารู้ว่าท่านคิดเช่นไรกับข้า แต่ข้านั้นเป็นหญิงผู้หนึ่ง พวกเราไม่เหมาะสมกันและข้าก็ไม่ชอบสตรี”
“ไม่เป็นไร มีแต่คนบอกว่าข้าเป็นบุรุษปลอม ท่านคิดว่าข้าเป็นบุรุษก็พอแล้ว”
“…… ฉีเฟยอวิ๋นก็ยิ่งทำสิ่งใดไม่ถูก แต่เมื่อมองไปรอบๆฉีเฟยอวิ๋นก็หยิบกระเป๋าผ้าให้หวาชิง “ท่านพกไว้นี่เป็นของที่สามารถป้องกันงูและแมลงมีพิษ ท่านอยู่ด้านนอกต้องพบเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีสิ่งนี้แล้วยุงก็จะไม่เข้าใกล้”
“อืม”
หวาชิงราวกับเด็กน้อยรีบเก็บมันเอาไว้
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูนางครู่หนึ่ง: “สิ่งของท่านก็ไม่ต้องสนใจแล้ว หากว่าพบเจอผู้ที่ต้องการชีวิตของท่านอย่าได้สนใจแต่สิ่งของธรมมดาๆเช่นนี้ หากเป็นเช่นนั้นท่านไม่ต้องเก็บมันไว้กลับมาแล้วข้าจะทำให้ท่านด้วยตนเองหลายๆอัน”
“ท่านกล่าวเองนะ” หวาชิงคว้าฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้ทันที
“ข้ากล่าวเอง เมื่อท่านกลับมาข้าเชิญท่านมาทานข้าว ตามนี้นะ แต่หากว่าท่านมีผู้ที่ชื่นชอบพากลับมาให้ข้าดู เพียงแค่ความฉลาดของเขาเอาชนะข้าได้ ข้าจะรับปากให้ท่านแต่งงานกับเขา”
“เช่นนั้นท่านก็จำไว้และรอข้ากลับมา ข้าไม่อยากกลับมาแล้วเห็นกองกระดูก ท่านป้าของข้าบอกว่าเมืองหลวงนี้เป็นสถานที่กินคนไม่เหมาะที่คนอย่างพวกเราจะดำเนินชีวิต ท่านก็หลังจากรู้ตัวขึ้นมาแล้วถึงได้เป็นลักษณะเช่นนี้”
“ไท่เฟยกล่าวได้ถูกต้อง เมืองหลวงของต้าเหลียงดูเหมือนจะสงบแต่ไม่เหมาะกับคนอย่างพวกเราที่จะอาศัยอยู่ ข้าคิดว่าท่านจัดหาเรือนอยู่ที่ชายแดนเป็นการดีกว่า หากว่าวันหนึ่งข้าไม่อยู่ในเมืองหลวงแล้วข้าจะไปหาท่าน ท่านว่าเช่นไรบ้าง?”
“นั่นเป็นสิ่งที่ท่านกล่าวเองนะ”
หวาชิงจับมือของฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้ ฉีเฟยอวิ๋นก้มลงมองแล้วกล่าวว่า: “หวาชิง ท่านสามารถชอบข้าได้แต่ว่าท่านจะต้องหาสวามีของตนเองด้วย”
หวาชิงสีหน้าเย็นชา: “นั่นเป็นเรื่องของข้า ท่านไม่ต้องสนใจหรอก หากว่าหนานกงเย่รังแกท่านท่านก็เขียนจดหมายให้ข้า ข้าจะกลับมาหาเขา”
“เกรงว่าท่านจะสู้เขาไม่ได้ หากท่านมีสวามีที่เก่งกาจกว่าเขาก็สามารถกลับมาชกเขาด้วยกันไม่ใช่หรือ?”
“หือ?” หวาชิงคิดว่านี่เป็นทางออกหนึ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นยังคงพยายามต่อไป: “เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าสวามีในอนาคตของเจ้าจะสนใจที่เจ้าชอบข้าหรือไม่
“เขากล้าสนใจหรือ!”
“ไม่สนใจก็ดี”
หวาชิงอาลัยอาวรณ์ที่จะจากไป ฉีเฟยอวิ๋นมองหวาชิงจากไปแล้วถอนหายใจ ความรู้สึกผิดยิ่งเพิ่มมากขึ้น
หันหลังเตรียมกลับไป พอหันหลังกลับเห็นซูมู่หรงเข้า