องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 743 ราชาหนอนพิษกู่
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 743 ราชาหนอนพิษกู่
ซูอู๋ซินนำกำไลคู่หนึ่งออกจากเครื่องราชบรรณาการที่ฝังไว้กับศพซึ่งเป็นสีเขียวมรกตช่างสวยงามยิ่งนัก
“เอาไว้สิ”
ซูอู๋ซินมอบกำไลให้ฉีเฟยอวิ๋นแต่ฉีเฟยอวิ๋นไม่เอา: “สิ่งของของคนตายไม่เอา”
“เป็นของเสด็จพ่อทั้งสิ้น รับไป ตายไปก็ไม่ได้ใช้แล้วจะเอาของพวกนี้ไปทำสิ่งใด? หากเจ้าชื่อชอบก็เอาไปเลย”
เมืองต้าเหลียงขาดทรัพยากรชีวิตความเป็นอยู่ขอเจ้าก็คงไม่ได้ดีนัก เขาเป็นท่านอ๋องแต่เช่นไรก็เป็นแค่ท่านอ๋อง อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทก็คงจะไม่อิสระเสรีเท่าใดสินะ คำพูดสวยหรูว่ามีหลักการเป็นทรัพย์ มีเงินแล้วอยู่ที่เมืองต้าเหลียงนี้ก็สามารถกล่าวด้วยความทรงพลัง
รออีกสองสามวันพบกับเสด็จแม่ของเจ้าแล้วจะเปลี่ยนชื่อของเจ้า เจ้าเป็นมกุฎราชกุมารีแคว้นเฟิ่งและเป็นองค์หญิงแห่งปีกใต้ของเรา แม้ว่าสตรีของปีกใต้จะต่ำต้อยแต่เจ้าเป็นลูกสาวของข้าซูอู๋ซินซึ่งแตกต่างกันอยู่แล้ว”
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงราวกับว่าฐานะของนางสูงศักดิ์ยิ่งนัก
หลุมฝังศพกว้างขวางและด้านหน้ามีโลงศพลำดับรองหลายโลงซึ่งหนึ่งในนั้นที่อยู่ตรงกลางใหญ่ที่สุด ซูอู๋ซินเดินยังตรงกลางจากนั้นโค้งคำนับโลงศพโลงกลางแล้วหันกลับมาส่งสัญญาณให้ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไป ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปยังด้านข้างของซูอู๋ซินแล้วซูอู๋ซินก็ได้กล่าวว่า: “ที่นี่คือบรรพบุรุษของเจ้าเจ้าคำนับพวกเขาอย่างง่ายๆ เพชรพลอยเหล่านั้นตรงด้านนอกเป็นขอเจ้าทั้งสิ้น ถือซะว่าเป็นของรับไหว้ที่พบหน้ากับเจ้าจากพวกเขาละกัน
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึง การปล้นครั้งนี้ก็โจ่งแจ้งเกินไปแล้ว
“โอ้”
ฉีเฟยอวิ๋นแสร้งทำเป็นคำนับโลงศพ: “อวิ๋นอวิ๋นคารวะบรรพบุรุษทั้งหลาย?”
ซูอู๋ซินหัวเราะ: “พอแล้ว เดินไปหาท่านปู่ของเจ้าสิ”
หันหลังกลับแล้วซูอู๋ซินเดินไปยังด้านหน้า จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็เดินตามไปซึ่งอยู่ทางทิศใต้ที่สุดและมีโลงศพปิดทอง เมื่อไปถึงตรงนั้นซูอู๋ซินก็หยุดลงและมองไปยังโลงศพครู่หนึ่งแล้วมองฉีเฟยอวิ๋น: ” ในโลงศพของท่านปู่ของเจ้ามีแต่ของดีๆทั้งนั้น”
“โอ้”
ฉีเฟยอวิ๋นงุนงงเล็กน้อย รู้สึกเหมือนกำลังปล้นสุสานเลย
ห้องฝังศพนั้นสว่าง ขณะที่เข้ามายังมืดสนิทอยู่แต่พอก้าวเข้ามาที่นี่ไฟที่กำแพงก็สว่างขึ้นเอง ซึ่งทำงานได้ดีกว่าสวิตช์ไฟเปิดปิดของคนรุ่นหลังจริงๆ
“เสด็จพ่อ นี่คือหลานสาวของท่าน ไม่ใช่ว่าท่านไม่ชื่นชอบซูซูมาโดยตลอด ตอนนี้เด็กนั้นเติบใหญ่เช่นนี้แล้วและท่านก็ตายแล้วด้วย หากท่านโมโหก็กระโดดออกมาจากโลงศพได้เลย”
“……”
ฉีเฟยอวิ๋นเกือบจะหัวเราะ นี่เป็นการมาทำให้คนโกรธหรือ?
ซูอู๋ซินเดินไปยังด้านหนึ่งของโลงศพ ยกมือขึ้นผลักโลงออกไปแล้วมองเข้าไปในโลงศพ ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ภายในโลงศพมีคนที่เสมือนมีชีวิตอยู่อายุประมาณหกเจ็ดสิบปี หลับตานอนอยู่ด้วยความสงบ
บนร่างสวมเสื้อคลุมสีเหลืองสดใสและยังถือเฉาจูพวงหนึ่งอยู่ในมือ
ซูอู๋ซินมองอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก้มลงหยิบเฉาจูไป หยิบเฉาจูไปแล้วร่างนั้นก็กลายเป็นขี้เถ้า
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงและมองไปยังซูอู๋ซิน ซูอู๋ซินหยิบเฉาจูมาม้วนเป็นวงกลมสองรอบแล้วแขวนไว้บนคอของฉีเฟยอวิ๋นและหยิบไข่มุกสีดำใต้โลงศพไป
ไข่มุกนั้นเคยเห็นซึ่งสีดำก็มีไม่น้อย แต่เม็ดนี้ดูเหมือนจะแตกต่างออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า: “นี่คือสิ่งใด?”
“นี่คือราชาหนอนพิษกู่”
ซูอู๋ซินใส่ไข่มุกสีดำลงในกระเป๋าเล็กๆบนหน้าอกของฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นราชาแมลงที่อยู่ภายในก็เริ่มขยับเขยื้อนและไม่สงบนิ่งอยู่ที่ด้านใน
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นราชาแมลงคลานออกมา ราชาแมลงดูเหมือนจะหวาดกลัวมากและต้องการหาที่หลบซ่อน ฉีเฟยอวิ๋นจับราชาแมลง: “เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ราชาหนอนพิษกู่เป็นราชาแมลงในหมู่ราชาแมลง แม้ว่าชื่อจินจื่อจะมีพลังมากและกินหนอนพิษกู่โดยเฉพาะ แต่มันก็กลัวหนอนพิษกู่ด้วย
เพราะอาหารของราชาหนอนพิษกู่นั้นมีเพียงนางพญาชื่อจินจื่อเท่านั้น”
ซูอู๋ซินทำให้ฉีเฟยอวิ๋นตกใจ
“เช่นนั้นข้าจะฆ่ามันเดี๋ยวนี้” ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นยื่นมือออกไปก็จะขยี้ราชาหนอนพิษกู่ให้ตาย
“เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดราชาหนอนพิษกู่ถึงต้องเลี้ยงไว้บนศพ?”
ซูอู๋ซินจับมือลูกสาวเอาไว้ ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้น: “ไม่ทราบ”
“มันเลี้ยงอยู่ที่ใดที่นั่นก็คือบ้านของมัน พอมันออกมามันก็จะจำเจ้านาย ถึงเวลาก็จะฟังเจ้านาย เจ้านายไม่ให้มันกินมันก็จะไม่กิน ให้มันกินมันก็กิน”
“แต่ข้าก็ไม่ใช่ศพนี่นา” ฉีเฟยอวิ๋นไม่พอใจ
ซูอู๋ซินกลับชื่นชอบนัก: “หนอนตัวนี้ปรากฏตัวตั้งแต่เสด็จพ่อถือกำเนิด มันถูกท่านปู่ของเจ้าค้นพบ ขณะที่เสด็จพ่อทรงบรรทมมันก็อยู่ที่ข้างหูของเสด็จพ่อ
เสด็จพ่อก็ไม่ใช่ศพเช่นกัน ”
ฉีเฟยอวิ๋นสงสัย: “หมายความเช่นไร?”
“เด็กโง่ เหตุผลที่ตระกูลซูครองปีกใต้ไม่ใช่เพราะว่าตระกูลซูมีความสามารถเพียงใด แต่เป็นเพราะตระกูลซูมีราชาแห่งแมลง
บรรพบุรุษของตระกูลซูคือคนที่สร้างหนอนพิษกู่โดยเฉพาะ
หนอนพิษกู่สามารถควบคุมผู้คนได้ แต่หนอนพิษกู่ของราชาแมลงกลับเสาะหาเจ้านายหลังเกิดมาและก็ทำเช่นนั้นทุกๆรุ่น
ราชาหนอนพิษกู่นั้นอยู่เคียงข้างเจ้านายเท่านั้นถึงจะเติบใหญ่ได้ เติบโตแล้วก็จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต
เว้นแต่เจ้านายจะให้มันกับผู้อื่น ตอนนี้มอบให้เจ้าเจ้าก็คือราชาแห่งปีกใต้ แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้อยู่ในปีกใต้ ปีกใต้ก็จะถือว่าเจ้าเป็นราชา
ราชาแมลงอยู่ ปีกใต้ก็เป็นของเจ้า
“เหตุใดท่านถึงไม่เอาไว้เองหล่ะ?” ฉีเฟยอวิ๋นนั้นไม่รู้สึกต้องการจริงๆ
“เสด็จแม่ของเจ้าก็ถามเช่นนี้ เจ้าทายสิ?” ซูอู๋ซินมองดูลูกสาวและยิ่งดูก็ยิ่งชื่นชอบ คิดไม่ถึงว่าหลายปีผ่านมาแล้วยังสามารถเห็นใบหน้าเช่นเดียวกันกับภรรยา
ฉีเฟยอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “ท่านไม่ชอบฝ่าบาทพระองค์นี้และท่านก็ไม่ต้องการเป็นจักรพรรดิแห่งปีกใต้ ท่านเพียงแค่ต้องการอยู่กับเสด็จแม่”
ถูกซูอู๋ซินนำพาฉีเฟยอวิ๋นก็นั่งลงตามตำแหน่งที่นั่งเช่นกัน
ซูอู๋ซินยิ้ม: “เจ้าช่างฉลาดนักเช่นเดียวกับเสด็จแม่ของเจ้า”
“ข้าไม่รู้สึกเสียดาย ท่านก็อย่าได้ว่าข้าเช่นนั้น”
ฉีเฟยอวิ๋นนั้นไม่ได้รู้สึกเสียดายจริงๆและเตรียมที่จะหยิบราชาหนอนพิษกู่ออกมา
“เจ้าสามารถรู้สึกไม่เสียดาย แต่หากว่าราชาหนอนพิษกู่ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น เช่นนั้นพญาชื่อจินจื่อก็จะถูกมันกิน หากว่าเจ้าเก็บมันไว้เมื่อมันออกมาเจ้าก็แค่ปล่อยให้พวกมันผสมพันธุ์กันก็จะไม่เกิดเรื่อง
ราชาหนอนพิษกู่จะมีเมียเพียงตัวเดียวตลอดชีวิตและมันจะรักนางไปตลอดชีวิต ”
“ข้าไม่เชื่อ พวกมันไม่เหมือนกัน”
“ราชาหนอนพิษกู่กับชื่อจินจื่อเดิมทีก็เหมือนกัน พวกมันฟักออกมาเหมือนกันเพียงแต่ว่าสีต่างกัน ตัวหนึ่งสีทอง ตัวหนึ่งสีดำ ตัวสีทองคือชื่อจินจื่อและตัวสีดำคือราชาหนอนพิษกู่ เจ้าดูตัวแมลงชื่อจินจื่อไม่ใช่สีดำหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่พื้นอย่างตกอยู่ในภวังค์และมองไปยังซูอู๋ซิน: “ข้าไม่เข้าใจในความคิดของท่านเลยจริงๆ”
ซูอู๋ซินตบไหล่ของฉีเฟยอวิ๋น: “เด็กโง่ ข้าจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่เจ้า ราชาหนอนพิษกู่เป็นหนอนไหมสีทองชนิดหนึ่ง หลังจากที่หนอนไหมสีทองออกมาแล้วมีหนึ่งหรือสองตัวซึ่งผิดปกติจากนั้นจึงนำมาให้ตระกูลซูสร้างหนอนพิษกู่ สำหรับหนอนพิษกู่ตัวอื่นๆนั้นคุณภาพไม่ดีและราชาหนอนพิษกู่สามารถสั่งการหนอนพิษกู่ได้
มีพญาชื่อจินจื่อและราชาหนอนพิษกู่ แม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถสั่งการหนอนพิษกู่ได้แต่อย่างน้อยก็สามารถปกป้องตนเองและปกป้องพญาชื่อจินจื่อได้ก็เพียงพอแล้ว ”
ฉีเฟยอวิ๋นครุ่นคิดครู่หนึ่ง: “ท่านไม่ได้โกหกข้านะ?”
“ไม่มีเหตุผลที่จะโกหกเจ้า หรือว่าเจ้าไม่รู้ว่าพญาชื่อจินจื่อจะผสมพันธุ์เป็นครั้งแรกภายในหนึ่งปี มิเช่นนั้นมันจะตาย”
“……” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าคำถามนี้ทำให้กระทำสิ่งใดไม่ถูกนัก ไม่ใช่หัวข้อที่ควรจะพูดคุยกับท่านพ่อเอาซะเลย
แต่ซูอู๋ซินกลับจริงจังยิ่งนัก นางจึงยิ่งต้องส่ายศีรษะอย่างจริงจังขึ้น: “ไม่ทราบ”