องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 754 คิดบัญชีบนราชสำนัก
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 752 คิดบัญชีบนราชสำนัก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเจ้าล่ะ?”ฉีเฟยอวิ๋นตอบตกลงแล้วไม่มีประโยชน์ ยังมีหนานกงเย่ด้วย ซูอู๋ซินเลยมองหนานกงเย่ที่ยืนอยู่ใต้ฝ่าพระบาท
หากเขาไม่ตอบตกลง เขาก็จะต้องกักตัวพวกเขาแล้ว
หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋น คิดอยู่ชั่วขณะ แล้วกล่าวว่า“ข้าไม่สามารถตอบตกลงได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ก้าวก่าย หากต้องการให้อวิ๋นอวิ๋นกลับมาจริง ข้าเคารพการตัดสินใจของนาง แต่ข้าเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของเมืองต้าเหลียง กลับไม่สามารถรับปากส่งๆได้”
“…..”ซูอู๋ซินยิ้ม กล่าวว่า“เมืองต้าเหลียงมีเจ้าอยู่ หากว่าลูกสาวของข้าไม่ได้แต่งงานกับเจ้า และมีลูกด้วยกันถึงห้าคนแล้ว จากคำพูดของเจ้าวันนี้ เป็นสิ่งที่อันตรายแฝงเร้นต่อแคว้นเฟิ่งในอนาคตมาก เมื่อข้าต้องการสังหารเจ้า เช่นนั้นเกรงว่าทั้งสองเมืองจะเกิดการสู้รบขึ้น มันเลยไม่สามารถตัดเจ้าได้อย่างเด็ดขาด”
พอพูดถึงลูกห้าคน ทุกคนต่างทอดถอนหายใจ ทำไมเยอะเช่นนี้?
เมื่อมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างละเอียด ล้วนไม่อยากจะเชื่อ ว่านางมีลูกและเป็นแม่ของเด็กน้อยห้าคนแล้ว
แม้ว่าปีหนึ่งจะให้กำเนิดหนึ่งคน เธอก็ไม่สามารถให้กำเนิดได้ถึงปีละหนึ่งคน
หญิงของแคว้นเฟิ่งมีเกียรติอันสูงศักดิ์ องค์รัชทายาทของเมืองให้กำเนิดลูกแก่ชายเมืองต้าเหลียงถึงห้าคน จากที่คนส่วนใหญ่มองมันเป็นเรื่องที่เศร้าใจอย่างมาก
บรรยากาศบนราชสำนักอึมครึม ซูอู๋ซินถึงได้กล่าวว่า“ให้กำเนิดเด็กน้อยถึงห้าคนจะต้องลำบากอย่างแน่นอน คิดแล้วก็เป็นของที่ฟ้าประทาน พวกเจ้าสองสามีภรรยามีพรหมลิขิตที่ดีต่อกัน แน่นอนว่าข้าไม่แยกพวกเจ้าจากกันหรอก แต่คำพูดของเจ้านี้แน่นอนว่าข้าไม่พึงพอใจ”
“พี่น้องสายเลือดเดียวกันห้าคน?”
“พี่น้องสายเลือดเดียวกันห้าคน?”
พอได้ยินว่าให้กำเนิดสายเลือดเดียวกันห้าคน ทุกคนเสียงดังเกรียวกราวอื้ออึง เด็กแฝดสองคนพวกเขาเคยเห็น รูปร่างหน้าตาดีมาก อีกทั้งฉลาด แล้วพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกันห้าคนเป็นอย่างไรกัน
ทุกคนไม่เข้าใจเลยชี้แจงพูดคุยกันเกิดขึ้น คิดไม่ถึงว่าจะลืมว่าอยู่บนราชสำนักกัน
ฉีเฟยอวิ๋นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยากที่จะเห็นกำเนิดพี่น้องเดียวกันห้าคน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกตกใจเป็นการใหญ่เช่นนี้ไหม
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้ามองไปทางซูอู๋ซินที่นั่งอยู่ เขาต้องจงใจเป็นแน่
“ข้าเป็นคนพูดตรงๆตั้งแต่ไหนแต่ไรมา แต่ก็ซื่อสัตย์จริงใจพอ อวิ๋นอวิ๋นเป็นพระชายาของข้า เราสองสามีภรรยาไม่มีทางแยกจาก นอกจากข้าจะตายจากโลกนี้ไป
หากมีผู้ใดรั้ง พยายามแยกเราสองสามีภรรยา แม้ว่าข้าจะอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ก็สามารถปลุกระดมขึ้นได้ และเลือดจะนองทั่วทุกสารทิศ”
ทุกคนส่งเสียงเกรียวกราว นี่บ้าคลั่งเกินไปแล้ว
“คำพูดเช่นนี้ของเจ้า พอฟังแล้วค่อนข้างคุ้นหู เมื่อสิบเจ็ดปีก่อนก็มีคนกล่าวกับข้าเช่นนี้ แต่ข้ายังขำขันเขา บอกว่าเขาคุยโว คิดไม่ถึงว่าสิบเจ็ดปีให้หลังจะได้ยินราชบุตรเขยของข้ากล่าวว่าออกมาแบบเดียวกัน ทำให้แปลกใจอย่างมาก
ก็ดี เจ้ามีใจมั่นก็ดี ส่วนความสามารถของเจ้า เก็บไว้วันนั้นที่มีจริง เอาไว้ให้ข้าดูเถิด
เมื่อสมัยข้ายังเป็นวัยรุ่นก็เคยชื่นชอบตี้จวินและอยากขี่ม้าฝึกซ้อมทำในสิ่งที่ตนต้องการกับเขา ไม่สนใจเมืองนี้กับบุญคุณความแค้นบ้านเมือง ข้าอยากไปด้วยกันกับเขา
เขาสามารถสืบทอดดินแดนทางปีกใต้ มีพระสนมสวยงามที่พระตำหนักหลังของเขา ส่วนข้าก็สามารถนั่งสนับสนุนพระตำหนักหลังของข้าได้ เพียงแต่…..ข้าชอบ เขาก็ชอบ มีความชอบจนทำให้คนไม่คิดสิ่งอื่นแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ข้ากับเขาเลยทอดทิ้งอำนาจบ้านเมือง กระโดดเข้าเตรียมพร้อมรับสิ่งใหม่ๆ
แต่ทว่าคิดไม่ถึงว่าแคว้นเฟิ่งจะไม่ยอมปล่อยข้า ปีกใต้ก็ไม่ยอมปล่อยเขา
พวกเราถูกตามสังหาร จนถึงขอบหน้าผาตวนโถว
เวลานั้นเดิมเขาสามารถหลบหนีได้ แต่ข้ามีลูกของเขา เพื่อที่จะหลบหนี เขาเลยแกล้งอ่อนแอ เพื่อที่จะหันเหพวกเขา คนเหล่านั้นเลยบีบเขาจนถึงก้นหน้าผาเชียวล่ะ
ข้าสิ้นหวังอย่างมาก อยากจะตายไปพร้อมกับเขา แต่ทว่าเกรงสงสารเด็กในท้อง นั่นเป็นเลือดเนื้อสิ่งที่เขาเหลือไว้เพียงอย่างเดียว ข้าจะตัดใจลงได้อย่างไร?
เพื่อเด็กคนนี้ ข้าเลยหลบหนีไป
ข้าโชคดีมาก ได้ถูกแม่ทัพฉีเมืองต้าเหลียงช่วยชีวิตไว้ เขารับข้าไว้ อีกทั้งดีกับข้าราวกับน้องสาวแท้ๆ ข้าไปต้าเหลียงกับเขา เวลานั้นเขามีคนที่ต้องการจะแต่งงานด้วยแล้ว แต่เป็นเพราะข้า เขาเลยได้ทอดทิ้ง
เป็นข้าที่ติดข้างท่านพี่ใหญ่อัน”
เวลานี้แม่ทัพฉีก็นั่งอยู่อีกด้าน เฟิ่งไป่ซูมองแม่ทัพฉี แม่ทัพฉีเลยกล่าวว่า“เรื่องที่ผ่านมาแล้วไม่ต้องพูดถึงหรอก”
“บุญคุณของท่านพี่ใหญ่อัน น้องยากจะลืมเลือน วันนี้ท่านพี่ใหญ่เป็นผู้มีพระคุณของเฟิ่งไป่ซู หากท่านพี่ใหญ่อยู่ น้องก็พร้อมที่จะผูกสัมพันธ์ไมตรีกับพี่ใหญ่ต่อไป”
“……”แม่ทัพฉีไม่ได้พูดอะไร เฟิ่งไป่ซูกล่าวอย่างต่อเนื่องว่า“เพื่อที่จะปกป้องจะข้า พี่ใหญ่อันเลยบอกว่าเด็กเป็นลูกของเขา และชื่อเสียงกับคุณงามความดีของเขาเลยทำให้คนไม่ได้สงสัยอะไร
หลังจากที่เด็กคลอดออกมา ข้าวางแผนว่าจะเลี้ยงดูจนโต แต่ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าเฟิ่งไป๋หมิงจะไม่ยอมปล่อยส่งคนมาตามหาถึงต้าเหลียง
ข้ารู้ เขาต้องการสังหารเด็กเป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนพลิกมือ ข้าเลยจำใจต้องหนีไปจากท่านพี่ใหญ่อัน ถือโอกาสตอนที่เฟิ่งไป๋หมิงไม่อยู่กลับไปที่แคว้นหมิง แล้วขึ้นครองราชบัลลังก์ก่อน”
เฟิ่งไป๋หมิงตัวสั่นระริกอยู่ที่พื้นกล่าวว่า“ข้าเลอะเลือน ฝ่าบาทโปรดประทานอภัยไว้ชีวิตข้าด้วย”
“เฟิ่งไป๋หมิง เมื่อสมัยนั้นเจ้าเห็นข้าขึ้นครองบัลลังก์ เรื่องต้องการตำแหน่งของข้าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แล้ว เจ้าเลยวางยาพิษข้า ไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะไม่ตาย เจ้าเลยต้อนรับขับสู้กับข้าจนถึงวันนี้”
“ฝ่าบาท ข้า….ข้าสมควรตาย โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด”
เฟิ่งไป๋หมิงโขกศีรษะที่ด้านล่างไม่หยุด
เฟิ่งไป่ซูกล่าวว่า“ปีที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าข้าสังหารเจ้าไม่ได้ แค่ข้าไม่อยากจะสังหารเจ้า ข้าอยากให้เจ้าเห็นลูกของข้า อยากให้เจ้าดู ว่าเจ้าใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรือไม่
เจ้ายังสมรู้ร่วมคิดกับจักรพรรดิปีกใต้ทำร้ายข้า เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือ?
ข้ารู้ ข้าก็แค่ไม่อยากสังหารเจ้า ข้าแค่อยากรอ รอวันนี้แหละ
เพราะว่าข้ารู้ว่าตี้จวินยังมีชีวิตอยู่”
เฟิ่งไป๋หมิงชะงักงัน เงยหน้ามองเฟิ่งไป่ซูกล่าวว่า“เป็นไปได้อย่างไร?”
“เรื่องนี้เจ้าไม่รู้สินะ ซูอู๋เฮิ่นเขาคิดว่าเขาเป็นคนฉลาด แต่ผิดแล้ว เพราะว่าข้าเห็นตี้จวินตกลงเหวลึกกับตา แต่ทว่าเขานำเอาชิงกู่มาให้ข้าใช้ ทุกครั้งที่พระจันทร์เต็มดวงข้าเจ็บปวดรวดร้าวใจแทบอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไป
อย่างที่เขากล่าว เพียงแค่ข้าไม่คิดถึงตี้จวิน ตัดความรักถวิลหาที่มีต่อตี้จวินแน่นอนว่าชิงกู่ก็จะขจัดได้
แต่เขาลืมแล้วว่าตี้จวินเป็นองค์ชายรองของปีกใต้ ตั้งแต่เล็กองค์ชายรองก็สามารถช่ำชองเรื่องหนอนพิษกู่ เขาสามารถบัญชาการหนอนพิษกู่ได้
ข้าอยู่กับตี้จวินนานนับแรมปี เขาจะไม่บอกเรื่องหนอนพิษกู่กับข้าหรือ?
ชิงกู่ต้องใช้เลือดคนที่รัก ถึงสามารถมีชีวิตได้ หลังจากมีชีวิตแล้วจะเข้าสู่ร่างกาย และยังต้องถูกคนด้วย
เขาไม่รู้ว่าครั้งแรกที่ข้ารับพิษชิงกู่กัดกร่อนทรมานใจข้านั้น ข้ามีความสุขแค่ไหน เพียงแค่ข้ารู้ว่าตี้จวินยังมีชีวิตอยู่
ข้าถึงได้จัดเตรียมคนจำนวนมากมายอยู่ที่พระตำหนักหลัง สิ่งที่พวกเจ้าแนะนำข้าล้วนยอมรับทั้งสิ้น นั่นเป็นเพราะว่า ข้าอยากให้พวกเจ้ารู้ ข้าได้ประนีประนอมแล้ว แต่ช่วงปีที่ผ่านมานี้ พวกเขามีไว้เพื่อการใช้งานของข้า
ทุกค่ำคืนที่นอนไม่หลับ ตอนที่ข้าเจ็บเจียนตายแทบไม่อยากมีชีวิต พวกเขาล้วนช่วยปกป้องข้าทุกวิถีทาง
เฟิ่งไป๋หมิง ไม่ประมาณกำลังความสามารถของตนเอง
ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไป เจ้าต้องตาย และเจ้า ……เฟิ่งไป๋เซียว เจ้าก็เหมือนกัน เจ้าไม่ใช่วงศ์ตระกูลของข้า แน่นอนว่าไม่ใช่จิตใจเดียวกันกับข้า ข้ามีจิตใจเมตตากรุณาปล่อยพวกเจ้าไป พวกเจ้าเนรคุณกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ทำร้ายรักครึ่งค่อนชีวิตของข้า วันนี้พวกเจ้าสองคนจะต้องถูกลงโทษเฉือนเนื้อออกจากกระดูก และบุคคลในตระกูลของเจ้า ให้ตัดศีรษะพร้อมกัน”
“เฟิ่งไป่ซู เจ้าไม่ใช่คน พวกเราคือชินอ๋อง เจ้ากล้าสังหารพวกเราหรือ?”
เฟิ่งไป๋เซียวตกใจจนเป็นลมสลบไป เฟิ่งไป๋หมิงไม่ยินยอมด่าขึ้นมาเสียงดัง เฟิ่งไป่ซูมองด้วยสายตาเยือกเย็นกล่าวว่า“ทหาร ลากออกไปตัดลิ้นเสีย”
“เฟิ่งไป่ซูเจ้าไม่ใช่คน เจ้าคือภูตผี…..”
เฟิ่งไป๋หมิงด่ากราดเสียงดังแล้วถูกลากออกไป คนที่อยู่บนราชสำนักล้วนคุกเข่าลง กล่าวว่า“ฝ่าบาทผู้ปรีชาญาณ”