องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 755 สามีเป็นฝูง
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 755 สามีเป็นฝูง
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงและเรียกให้คนเข้ามา มีคนเข้ามาเรื่อยๆ หกเจ็ดคน ล้วนแล้วแต่เป็นขุนนางรวมไปถึงหมอ อาการของโรคก็ต่างๆ นาๆออกไป
แรกๆ ฉีเฟยอวิ๋นทำการวินิจฉัยก่อน แต่หลังจากนั้นก็เริ่มทำการตรวจวัดชีพจร
หากสามารถออกใบสั่งยาได้ในขณะนั้น ฉีเฟยอวิ๋นก็ทำการออกใบสั่งยา และสั่งให้คนไปเชิญหมอหลวงในวังมา เมื่อยืนยันตัวยาเรียบร้อยแล้ว จึงมอบให้กับอีกฝ่าย
ฉีเฟยอวิ๋นสั่งยาให้สำหรับรับประทานสามวัน
เมื่อตรวจไปแล้วสี่คน ที่เหลืออยู่มีสามคนรวมทั้งเฟยอวิ๋นด้วย กลายเป็นอาการป่วยของแม่ที่ชราภาพ และลูกสาวอีกสองคนที่ไม่สามารถมีลูกได้
ฉีเฟยอวิ๋นบอกไว้ว่าจะออกไปข้างนอก
และรอให้ทั้งสามรออยู่ ฉีเฟยอวิ๋นไปหาหนานกงเย่ หนานกงเย่ได้รับรู้แล้ว
จากนั้นจึงเดินออกมาจากข้างใน และจัดเตรียมชุดเสื้อผ้าของเมืองต้าเหลียงมาให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองออกไปแต่กลับไม่พูดอะไรและทำการเปลี่ยนชุดจากนั้นจึงออกนอกวังไป
เฟยอวิ๋นเมื่อเห็นการแต่งกายของฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
แต่พวกเขาก็เป็นท่านอ๋องและพระชายาของเมืองต้าเหลียง นางจึงไม่กล้าพูดอะไร จากนั้นจึงพาทั้งสองเดินออกจากวังและพาไปยังจวนของนาง
ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าจะกลับไปถึงค่ำมืดดึกดื่นและไปไม่ทันงานเลี้ยงตอนค่ำ จึงได้บอกแม่ทัพฉีไว้ก่อน
เมื่อออกมาจากตำหนักเฟิ่งก็เดินทางโดยรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นมองไปรอบๆ เพื่อชื่นชมกับความยิ่งใหญ่และสวยงามของเมืองหลวงแคว้นเฟิ่ง
แคว้นเฟิ่งนับว่าร่ำรวยอย่างมาก บ้านเรือนต่างปูด้วยกระเบื้องเคลือบ ฉีเฟยอวิ๋นไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้เลยในเมืองต้าเหลียง
ถนนเงาและเรียบแววพอที่จะส่องเป็นกระจกได้เลยทีเดียว
จวนของเฟยอวิ๋นเป็นเพียงแค่จวนหมอคนหนึ่งเท่านั้น แต่ยิ่งใหญ่และงดงามราวกับจวนท่านแม่ทัพ
เมื่อลงมาจากรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นจึงทำได้เพียงรู้สึกอิจฉาและชื่นชมเท่านั้น
เมื่อเห็นจวนของคนอื่นแล้ว และนึกถึงจวนของท่านพ่อของเธอ จวนท่านอ๋องของเธอ ช่างเทียบกันไม่ได้เลย!
เมื่อเข้าไปในจวนของเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นตกใจอย่างมากกับภาพที่เห็นตรงหน้า ราวกับท้องพระโรงขนาดเล็กยังไงยังงั้น แต่ละเรือนมีความวิจิตรสวยงามและถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นระเบียบอย่างมาก
เฟยอวิ๋นชี้ไปที่หนึ่งในเรือนดังกล่าว “นี่คือเรือนของสามีเอกของหม่อมฉัน เขาเป็นคนดูแลสถานที่แห่งนี้ โดยปกติแล้วมักไม่ค่อยได้พูดจากันเท่าไรนัก แต่เขาเป็นคนดี
มกุฎราชกุมารีรอตรงนี้ประเดี๋ยวหนึ่งนะเพคะ หม่อมฉันไปดูและพูดกับเขาเรื่องนี้เพคะ”
“ไม่เป็นไร ใต้เท้าเชิญเลย”
เฟยอวิ๋นเดินไปพบสามีเอกของนาง ฉีเฟยอวิ๋นมองไปที่หนานกงเย่ “ท่านอ๋องกำลังคิดอะไรอยู่หรือเพคะ?”
“ข้าไม่ได้แต่งตั้งพระชายารองก็นับว่าถูกต้องแล้ว ไม่เช่นนั้นตอนนี้ก็คงไม่รู้จะวางตัวอย่างไร” ตลอดระยะเวลามานั้น หนานกงเย่เพิ่งจะค้นพบว่า ความเท่าเทียมกันของผู้หญิงและผู้ชายในเมืองต้าเหลียงนั้นไม่มีความยุติธรรมเท่าเทียมกัน เช่นเดียวกับความที่ผู้หญิงเป็นใหญ่และผู้ชายต่ำต้อยของที่นี่
ในเมื่อผู้ชายไม่คุ้นชินกับความเจ้าชู้ของผู้หญิง และเห็นผู้ชายเป็นเหมือนสินค้าที่จับต้องได้ตามใจชอบ และวางลงเมื่อไรก็ได้ เช่นนั้นผู้หญิงที่ถูกผู้ชายกระทำหรือจับต้องได้ตามอำเภอใจจะเป็นอย่างไร?
ฉีเฟยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ท่านอ๋องคิดเช่นนี้จริงๆ หรือเพคะ?”
“ไม่เช่นนั้นล่ะ?” หนานกงเย่กุมมือของฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นจึงหอมแก้มหนึ่งทีและขมวดคิ้วมองฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองเขาอย่างน่าสงสาร
ฉีเฟยอวิ๋นยื่นมือออกไปจับใบหน้าของหนานกงเย่ “พระสวามีต้องเชื่อฟังหม่อมฉันให้มากๆ นะเพคะ ไม่เช่นนั้นมกุฑราชกุมารีคนนี้จะให้ท่านต้องอยู่ที่แคว้นเฟิ่งนี้ต่อไป หากเป็นเช่นนั้นคงไม่สามารถอยู่ได้อย่างสุขสบายอีกต่อไปแล้วเพคะ”
“ข้าดูเหมือนว่าเมื่อคืนอวิ๋นอวิ๋นจะไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยนะ?” หนานกงเย่ดึงเธอเข้ามากอด และกำลังจะข่มขู่เธอเล็กน้อย เฟยอวิ๋นก็เดินออกมาจากข้างใน เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นถูกหนานกงเย่กอดไว้ เฟยอวิ๋นจึงหันไปทางอื่น
จากนั้นหนานกงเย่จึงปล่อยฉีเฟยอวิ๋นออก
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปเห็นว่ามีคนติดตามเฟยอวิ๋นออกมา และเมื่อจ้องมองอย่างละเอียด เขาเป็นผู้ชายที่อายุไล่เลี่ยกัน เมื่อเทียบไปแล้วเขาดูอ่อนเยาว์กว่าเล็กน้อย
“นี่คือมกุฎราชกุมารีและพระสวามี”
เฟยอวิ๋นแนะนำ จากนั้นผู้ชายคนนั้นจึงรีบก้มตัวโค้งคารวะ “ข้าน้อยคารวะมกุฎราชกุมารีและพระสวามีขอรับ”
“ไม่ต้องพีธีรีตองขั้นนั้นหรอก พวกข้าเป็นเพียงคนธรรมดา เจ้าคิดเสียว่าข้าเป็นเพื่อนของใต้เท้าเฟยก็แล้วกันนะ”
“ขอรับ”
ชายคนนั้นยืนหลังตรงและเหลือบมองหนานกงเย่แล้วรู้สึกตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่หล่อเหลาสง่าผ่าเผยเช่นนี้มีก่อนเลย คนคนนี้ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนของแคว้นเฟิ่ง
เมืองต้าเหลียงเป็นแผ่นดินที่มีความลำบากยากจน แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ชายอย่างเขาเช่นนี้
เฟยอวิ๋นเชิญฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในเรือนของสามีเอก จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินตามเข้าไป
ภายในเรือนตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ ไม่เพียงแค่ปลูกดอกไม้ไว้เป็นจำนวนมาก แถมยังมีพืชพันธุ์อีกมากมายที่ไม่เคยพบเห็น เรือนมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ทั้งสองฝั่งเป็นห้องพัก และฝั่งตรงข้ามก็เป็นห้องพักแนวนอน ในห้องมีคนอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ล้วนเป็นผู้ชายที่มีหน้าตาอ่อนเยาว์ และแต่งกายสะอาดเรียบร้อย
เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็รีบทำคารวะ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกไม่คุ้นอย่างมาก
เมื่อเข้าไปในห้อง สามีเอกก็สั่งให้คนนำน้ำชามาต้อนรับ เมื่อหนานกงเย่และฉีเฟยอวิ๋นนั่งลง สามีเอกก็ประคองเฟยอวิ๋นนั่งลง จากนั้นจึงสั่งให้สามีรองที่เหลือเข้ามาพบ มีคนออกไปเชิญ ส่วนเฟยอวิ๋นบอกให้สามีของนางยื่นมือออกมาวางไว้ ล้วนพูดอย่างการออกคำสั่งและไม่ไว้หน้าหรือให้เกียรติเลย
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก นี่คือกระจกที่สะท้อนภาพกลับ
โดยปกติผู้ชายของเมืองต้าหลียงก็ทำเช่นนี้กับผู้หญิง และวันนี้หนานกงเย่ได้เห็นเช่นนี้เข้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเช่นไรเหมือนกัน
แต่สามีเอกก็ไม่คิดว่าเสียหน้า กลับกัน เขาดูเหมือนยอมเชื่อฟังและยื่นมือไปให้ฉีเฟยอวิ๋นอย่างนอบน้อม
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกไม่คุ้นชินกับผู้ชายของแคว้นเฟิ่งเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะไม่ใช่เป็นคนอิดออดหรือสำอางอย่างที่คิดไว้ แต่เธอก็รู้สึกชอบผู้ชายที่แข็งแกร่งกำยำมากกว่า
โดยปกติก็คุ้นชินกับหนานกงเย่ ไม่คิดว่าเขาดีมากมาย บางครั้งเอาก็เอาใจยาก ส่วนตอนที่เขาไม่ฟังอะไรเลย เธอก็รู้สึกว่ามากเกินไป
แต่ลองมาคิดดูในตอนนี้ หนานกงเย่ก็ยังดีกว่ามาก
ผู้ชายต้องมีความแข็งแกร่งและน่ายำเกรงบ้าง หากไม่มีก็คงไม่ใช่ผู้ชาย
แต่ละคนดูเหมือนกับขันที เช่นนั้นก็รู้สึกแปลกประหลาดเกินไป
ฉีเฟยอวิ๋นทำการตรวจวัดชีพจรและไม่พบปัญหาอะไร
“ไม่มีปัญหา”
เฟยอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองไปที่สามีเอก จากนั้นยกมือขึ้นมาและลูบเขา “ข้าบอกแล้วว่าไม่ใช่เจ้า แต่เจ้ามักโทษตัวเองตลอด ตอนนี้ก็วางใจลงได้แล้วใช่ไหม มกุฎราชกุมารีนับว่าเป็นหมอเทวดา”
“……” ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ว่าควรพูดอะไร เธอก็ไม่ได้มาเพื่อให้พวกเขาทดสอบ
มีคนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปดู ล้วนต่างก็สวมใส่ชุดที่ดูดีไม่ธรรมดา อีกทั้งแต่ละคนล้วนยังเป็นวัยรุ่น
ทั้งห้าคนยืนเรียงแถวอยู่ตรงข้าม จากนั้นหันไปทำความเคารพฉีเฟยอวิ๋น “คารวะมกุฎราชกุมารีและพระสวามีขอรับ”
“นี่คือมกุฎราชกุมารีและพระสวามี พวกเจ้าคารวะสิ” เฟยอวิ๋นสั่งออกไป จากนั้นทั้งห้าจึงคุกเข่าคารวะ ฉีเฟยอวิ๋นสั่งให้พวกเขาลุกขึ้น
“สามีเอก เจ้ามาบอกพวกเขาหน่อยสิ”
เฟยอวิ๋นนับว่ามีกฎระเบียบอย่างมาก ลักษณะท่าทางเหมือนกับผู้ชายของเมืองต้าเหลียงอยู่บ้าง นับว่าก็ให้เกียรติสามีเอกอยู่บ้าง
และสามารถเห็นฐานะและตำแหน่งสามีเอกได้
“พวกเจ้ายืนอยู่ทางนี้ แล้วค่อยๆ มาทีละคนเพื่อให้มกุฎราชกุมารีตรวจอาการให้พวกเจ้า มกุฎราชกุมารีเป็นหมอเทวดาของเมืองต้าเหลียง โดยปกติแล้วจะไม่ออกไปที่ไหน แต่ไม่รู้ว่าวันนี้มีเหตุผลอะไร วันนี้ก็ลองตรวจดูหน่อย”
คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งพูดขึ้นมาก่อน “ท่านหมอได้ตรวจอาการหรือยัง?”
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมอง เป็นผู้ชายที่มีดวงตาราวกับหงส์ เมื่อเห็นเข้าก็รู้สึกว่าไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่าย โดยปกติต้องถูกเอาอกเอาใจอย่างมากแน่ๆ
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?” สามีเอกก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอเลยและน้ำเสียงก็รุนแรงขึ้นมาก และความเย่อหยิ่งของชายผู้นี้ก็ลดลง เขานั่งข้างๆ และยื่นมือให้กับฉีเฟยอวิ๋น