องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 756 ล้วนกำลังรอตรวจอาการ
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 754 ล้วนกำลังรอตรวจอาการ
“เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น” ฉีเฟยอวิ๋นทำได้เพียงตอบไปเช่นนั้น
“ได้ยินมาว่ามกุฎราชกุมารีเป็นหมอเทวดาของเมืองต้าเหลียง ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่เพคะ?” หมอเฟยถามด้วยความนอบน้อมและให้เกียรติ ฉีเฟยอวิ๋นดูออกว่านางมีเรื่องในใจ จากนั้นจึงพิจารณามองอย่างละเอียด
คนคนนี้อายุประมาณสามสิบปี รูปร่างหน้าตาดี สวมใส่ชุดคุณหมอ และถือหินสลักไว้ในอ้อมแขน
“หมอเทวดานั้นข้าไม่กล้ารับไว้หรอก แต่ข้าก็เป็นหมอจริงๆ ท่านมีเรื่องอะไรหรือพูดออกมาได้ตามตรง หากข้าสามารถช่วยเหลือได้ ข้าจะช่วยอย่างเแน่นอน”
“เอ่อ……” สีหน้าของหมอเฟยโศกเศร้า มองไปรอบๆ ด้วยความลำบากใจ จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า “ขอพูดคุยกับมกุฎราชกุมารีเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่เพคะ?”
“เช่นนี้แล้วกัน เจ้าไปรอที่โถงข้าง ชุดของข้าค่อนข้างหนัก ฉันต้องไปเปลี่ยนก่อน หากเจ้ามีเรื่องต้องการจะพูดกับข้าละก็ เช่นนั้นเจ้าก็ไปที่โถงข้าง และคนอื่นๆ หากที่บ้านมีคนเจ็บไข้ได้ป่วยก็สามารถไปหาข้าได้ ส่วนเรื่องอื่นนั้นข้าก็ไม่สามารถทำได้แล้ว”
“หม่อมฉันรับทราบเพคะ ขอบพระทัยเพคะ” หมอเฟยรีบพูดขอบคุณ
จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินออกไปพร้อมกับหนานกงเย่ เมื่อพวกเขาออกไปฉีเฟยอวิ๋นก็จูงมือของหนานกงเย่ แต่เขากลับมีสีหน้าเย็นชา
“ท่านอ๋องกังวลว่าเราต้องเลื่อนกำหนดการเดินทางกลับให้ช้าลงใช่หรือไม่เพคะ?”
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะคิดเหลวไหลขึ้นมา หากแค่เพียงสามวันเช่นนั้นก็ไม่มีอะไร เพียงแต่ดูท่าทางของซูอู๋ซินแล้ว เขาดูไม่เหมือนว่าจะปล่อยพวกเรากลับไปได้”
“หาเวลาค่อยไปถามดูก็ได้เพคะ เขาก็นับว่าสามารถพูดคุยด้วยได้” ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่คิดว่าซูอู๋ซินจะดูห่างเหินกับเขา
บริเวณรอบๆ มีคนตามมาก ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองและโบกมือ เป็นสัญลักษณ์ให้ขันทีทั้งหลายถอยออกไป จากนั้นขันทีต่างก็ถอยออกไปไกล จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงกระซิบหนานกงเย่ “ท่านอ๋องรู้หรือไม่เพคะว่าในสุสานหลวงของปีกใต้มีอะไรแอบซ่อนอยู่?”
หนานกงเย่มองออกไป “ไม่ใช่หนอนพิษกู่หรอกหรือ?”
เสียวเฮยนั้นพามาจากในสุสานหลวงปีกใต้ หนานกงเย่เดาถูก
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทั้งสองข้างและโบกมือเพื่อให้หนานกงเย่ก้มศีรษะลง
หนานกงเย่ก้มศีรษะลง ฉีเฟยอวิ๋นกระซิบที่ข้างหูของเขา “เป็นสมบัติล้ำค่าที่มีจำนวนมหาศาล”
หนานกงเย่มองฉีเฟยอวิ๋น ดวงตาของฉีเฟยอวิ๋นเป็นประกายแวววาว และยิ้มราวกับดอกไม้ที่เบ่งบาน
หนานกงเย่หยุดชะงักลง จากนั้นยื่นมือออกมากุมมือของฉีเฟยอวิ๋น “มองเห็นหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นดึงมือออก และหยิบกำไลข้อมือออกมาจากอกให้หนานกงเย่ดู “ท่านอ๋อง ดูสิเพคะ!”
หนานกเงย่ก้มลงมองดูกำไลข้อมือสีเขียวในมือของฉีเฟยอวิ๋น และยกมือของฉีเฟยอวิ๋นขึ้นเพื่อจ้องมองอย่างละเอียด “คุณภาพของกำไลข้อมือนี้ดีมาก”
“แน่นอนว่าดีเพคะ นี่คือสิ่งของที่ถูกฝังอยู่ในสุสานหลวงของปีกใต้เพคะ”
“ทำไมถึงต้องนำของสิ่งนี้ออกมาด้วยหรือ?”
ของของคนที่ตายไปแล้วหนานกงเย่ไม่ได้อยากได้หรือเสียดายอะไร เขาเพียงแค่รู้สึกว่าเขาไม่ได้ขาดในสิ่งนี้
ฉีเฟยอวิ๋นเก็บเข้าไป “ซูอู๋ซินเป็นคนมอบให้กับหม่อมฉันเพคะ เขายังบอกอีกว่าเมืองต้าเหลียงนั้นลำบากยากจน หม่อมฉันแต่งงานกับท่านไปจะต้องลำบากไม่น้อย ฉะนั้นจึงอยากจะมอบของในสุสานหลวงทั้งหมดให้กับหม่อมฉัน คงประมาณอยากให้เป็นสินสอดที่หม่อมฉันแต่งงานออกไป”
“ให้เจ้าทั้งหมด?”
หนานกงเย่ขมวดคิ้วและยังรู้สึกไม่เชื่อเท่าไรนัก
ฉีเฟยอวิ๋นบอกเพิ่มอีกว่า “มีเยอะว่าที่ท่านไปเจอที่เมืองอู๋โยวมากกว่าสิบเท่าอีกเพคะ”
ดวงตาของหนานกงเย่เป็นประกาย ฉีเฟยอวิ๋นเห็นดวงตาแห่งความโลภของเขาก็รู้สึกหัวเราะชอบใจ
“ที่พูดว่าสิบเท่า เพียงแค่กองซ้อนกันเท่านั้น” ฉีเฟยอวิ๋นจงใจยกมือขึ้นมาทำท่าเป็นวงกลม จากนั้นจึงลูบกำไลข้อมือที่เหน็บไว้ที่เอวโดยที่ไม่รอให้หนานกงเย่มีสติ “นี่เพียงแค่หยิบออกมาโดยไม่ได้เลือกนะเพคะ ล้วนเป็นของดีทั้งหมด แต่เป็นสิ่งของที่มีมูลค่าสูงมาก”
“ช่างใจกว้างนัก หากข้าต้องการจริงๆ แต่กลยุทธ์ของเขานั้น หากข้าไม่ต้องการ มากมายเช่นนี้ ข้าก็คงทำไม่ได้เช่นกัน”
หนานกงเย่จูงมือของฉีเฟยอวิ๋นเดินไปพลางยิ้มไปพลาง
ทั้งสองกลับมาถึงโถงข้าง ฉีเฟยอวิ๋นเปลี่ยนเป็นชุดที่เรียบง่ายและคล่องตัว จากนั้นก็มีคนมาขอเข้าพบ
ฉีเฟยอวิ๋นเรียกให้คนเข้ามา แต่กลับเป็นหมอเฟยเพียงคนเดียว
“เชิญใต้เท้า”
“หม่อมฉันไม่กล้า หม่อมฉันรบกวนมกุฎราชกุมารีเพคะ” หมอเฟยก้มโค้งคำนับและกล่าว
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ใต้เท้านั่งตรงนี้สิ ท่านอ๋องเพคะ หากท่านเหนื่อยแล้ว เช่นนั้นก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะเพคะ หากมีอะไรหม่อมฉันจะเรียกเพคะ”
จากนั้นหนานกงเย่จึงลุกขึ้นและเข้าไปพักผ่อนข้างใน
จากนั้นหมอเฟยจึงเดินเข้าไปนั่งและพูดอย่างลำบากใจ “มกุฎราชกุมารีเพคะ หม่อมฉันมาขอวิธีให้มีลูกได้เพคะ”
“……อะไรนะ?”
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึง หมอเฟยหน้าแดงก่ำและกล่าวว่า “หม่อมฉันอายุสามสิบสามปีแล้ว อายุเท่านี้แล้วหากยังไม่มีลูก เช่นนั้นเกรงว่าจะไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไปแล้วเพคะ
หม่อมฉันมีสามีทั้งหมดหกคน นับว่าสามารถเข้ากันได้ดี แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หม่อมฉันก็แต่งงานมาแล้วยี่สิบปี แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ หม่อมฉันได้เชิญให้หมอหลวงมาตรวจดูแล้ว แต่ต่างก็บอกว่าไม่มีปัญหา แต่ถึงหม่อมฉันจะไม่มีปัญหา หม่อมฉันมีสามีหกคน ในหกคนนี้ก็คงไม่ได้เจ็บป่วยหรือมีโรคร้ายทั้งหมด”
“ใต้เท้ามีแซ่ว่าอะไรหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นถาม
หมอเฟยรีบลุกขึ้นมาและก้มตัวโค้งคำนับ “หม่อมฉันเฟยอวิ๋นเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ชื่อของผู้หญิงแคว้นเฟิ่งนี้ ล้วนไม่ธรรมดา
แต่ละคนดูเหมือนจะรับมือได้ไม่ง่ายเลย
“ใต้เท้าไม่ต้องทำถึงเช่นนั้นหรอก ข้าเพียงแค่ต้องการเรียกใต้เท้าก็เท่านั้นเอง หมอนั่งลงเถอะ”
จากนัั้นเฟยอวิ๋นจึงนั่งลง ฉีเฟยอวิ๋นจึงพูดขึ้นมา “ใต้เท้ายื่นมือออกมาวางบนโต๊ะ ข้าจะทำการตรวจสอบให้ใต้เท้า”
“นี่……”
เฟยอวิ๋นรู้สึกไม่กล้าเล็กน้อย ฉีเฟยอวิ๋นจึงพูดขึ้นมา “วันนี้ที่ใต้เท้ามา ไม่ได้มาให้ข้าตรวจหรอกหรือ?”
ใบหน้าของเฟยอวิ๋นแดงก่ำ จากนั้นจึงยื่นมือออกไปให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นตรวจสอบชีพจรให้นางอย่างละเอียด ทั้งหมดล้วนอิงจากที่เธอศึกษามา
ตรวจอยู่พักหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเพียงแค่เลือดลมของเฟยอวิ๋นไม่เพียงพอ อย่างอื่นนั้นไม่มีอะไร
เมื่อเปลี่ยนมืออีกข้างหนึ่งเพื่อตรวจดู ก็ยังเป็นเลือดลมไม่เพียงพอ
ครั้งสุดท้าย เมื่อตรวจจับชีพจรดูก็เป็นอย่างที่เธอว่าไว้ไม่ต่างกัน ฉีเฟยอวิ๋นจึงกล่าวว่า “ใต้เท้า ปัญหาอาจจะเป็นที่ท่าน ไม่เกี่ยวข้องกับสามีทั้งหกของท่าน แต่เพื่อให้การตรวจแม่นยำขึ้น ข้าต้องการเห็นสามีทั้งหกของท่าน เช่นนี้ก็สามารถมั่นใจได้”
“จริงหรือเพคะ?” เฟยอวิ๋นทั้งตกใจและดีใจไปพร้อมกัน
“ใต้เท้าวางใจได้ โรคที่ข้าตรวจเจอนั้นล้วนสามารถรักษาให้หายได้ ฉะนั้นใต้เท้าไม่ต้องเป็นกังวลหรอก”
“อ๋า!” เฟยอวิ๋นแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเองว่าได้ยินอะไรไป จากนั้นจึงรีบลุกขึ้นขอบคุณ “หากหม่อมฉันสามารถหายดี และให้ท่านแม่ของหม่อมฉันได้อุ้มหลานสาว หม่อมฉันจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่เป็นการตอบแทนเลยเพคะ มกุฎราชกุมารีนับว่าเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเฟยของหม่อมฉันเลยเพค!”
ฉีเฟยอวิ๋นตกใจ สถานที่แห่งนี้นับว่าให้ความสำคัญกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย คนทั่วไปมักบอกว่าจะได้อุ้มหลานชาย แต่ที่นี่กลับพูดว่าอุ้มหลานสาว
“ใต้เท้าไม่ต้องทำเช่นนั้นหมอ ตามที่ข้าดูวันนี้นั้น เลือดลมของใต้เท้าไม่เพียงพอ และมีความหนาวเย็นอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าตอนเด็กๆ ใต้เท้าได้เผชิญกับความหนาวเย็นมาบ้างหรือไม่?”
“เอ่อ……” เฟยอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงกล่าวว่า “เมื่อตอนหม่อมฉันยังเด็ก ครอบครัวของหม่อมฉันยากจนมาก หลังจากนั้นก็ได้สอบเป็นหมอ และชีวิตก็ดีขึ้นมา ตอนเด็กๆ หม่อมฉันมักไปที่ถ้ำน้ำแข็งเพื่อจับปลา ไม่รู้ว่าเป็นการโดนความหนาวเย็นหรือไม่เพคะ?”
“ใต้เท้ายื่นมือมาให้ข้า ข้าขอตรวจหน่อย” ฉีเฟยอวิ๋นต้องการตรวจดูอีกครั้ง
เฟยอวิ๋นยื่นมือให้กับฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเริ่มทำการตรวจจับชีพจร และตรวจที่ท้องของนาง หลังจากตรวจสอบจึงพูดขึ้นมาว่า “ได้รับความหนาวเย็นอยู่มาก แต่ก็ไม่ถึงกับไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ฉะนั้นข้ายังต้องการตรวจสามีของใต้เท้าด้วย”
“เช่นนั้นหม่อมฉันจะกลับไปจัดการและเรียกให้พวกเขามาพบ……พวกขาล้วนเป็นชายที่มีเจ้าของแล้ว จะเข้ามาพบมกุฎราชกุมารีได้อย่างไรหรือเพคะ” เฟยอวิ๋นรู้สึกลำบากใจ
อยากจะมีลูกก็อยาก นางต้องการมีลูกและกระตือรือร้นมาปลายปีแล้ว
แต่หากสามีของนางเข้าวังมาพบมกุฎราชกุมารี ไหนจะความไม่เหมาะสม และรวมไปถึงวังหลวงเป็นเขตต้องห้าม
ฉีเฟยอวิ๋นมองความคิดของเฟยอวิ๋นออกจึงพูดว่า “ข้าและพระสวามีของข้ามาที่นี่ก็ยังไม่ได้ออกไปเดินเล่นข้างนอกเลย ไม่งั้นเช่นนี้ ประเดี๋ยวข้าและพระสวามีของข้าจะออกไปเดินเล่น ใต้เท้าสามารถเป็นผู้นำเส้นทางได้หรือไม่?”
เฟยอวิ๋นตกตะลึงและรีบลุกขึ้นก้มตัวโค้งคำนับ “หม่อมฉันขอบพระทัยเพคะ!”
“เช่นนั้นรอข้าก่อน ข้าจะไปพูดกับพระสวามีของข้า”
“มกุฎราชกุมารีเพคะ เกรงว่าจะไปไม่ได้เพคะ” เฟยอวิ๋นรู้สึกลำบากใจ ฉีเฟยอวิ๋นกลับรู้สึกแปลกใจ
“ทำไมหรือ?”
“ข้างนอกยังมีคนอีกจำนวนมากที่รอให้มกุฎราชกุมารีรักษาโรคให้เพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะรู้ว่าที่มากันนั้นยังไม่เข้ามาข้างใน!