องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 786เกลี้ยกล่อม
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ ตอนที่783 เกลี้ยกล่อม
เฟยอิงตามฉีเฟยอวิ๋นไปอย่างไม่เต็มใจ ส่วนหนานกงเซวียนเหอไปตามลำพัง ที่ที่ผ่านมาก็มีเสียงหอนไปทั่วทุกระแหง สัตว์บนพื้นที่เขาเดินผ่านไปล้วนตายหมด ฉีเฟยอวิ๋นจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าหนานกงเซวียนเหอนั้นสามารถสร้างพิษขึ้นได้ ส่วนที่เขากับเฟยอิงไม่เป็นอันใดก็เพราะร่างกายของเขานั้นมีพิษ และเฟยอิงก็ดื่มยาของเขาเข้าไป
ทั้งสองติดตามหนานกงเซวียนเหอไป ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวขึ้น: “ออกมาก็ดีเช่นกัน ก็ถือว่าเจ้าได้ป้องกันภัยให้กับท่านอ๋องแล้วกัน
เขาแข็งแกร่งทรงพลังเช่นนี้ เก็บไว้จะเป็นอันทำร้ายท่านอ๋องได้ พื้นดินที่เท้าของเขาเดินผ่านไปแพร่กระจายไปด้วยผงพิษ ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก !”
เฟยอิงเองในขณะนี้ก็สัมผัสได้แล้ว เขาเพียงแค่มองฉีเฟยอวิ๋นครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไม่พูดอันใดอีกเลย
ทั้งสองตามหนานกงเซวียนเหอจนถึงปลายภูเขา มิรอให้หนานกงเย่มาถึง
ก็มีคนกลุ่มหนึ่งพร้อมกับม้าไม่กี่ตัวรออยู่ที่ปลายภูเขาด้านหนึ่งแล้ว
หนึ่งในกลุ่มคนเห็นหนานกงเซวียนเหอก็เดินเข้ามาถาม: “นายท่าน อาอวี้ล่ะขอรับ?”
ใบหน้าของหนานกงเซวียนเหอในขณะนี้ได้รับบาดเจ็บ ก็มีคนรีบนำฝ้ายที่มีผงยาอยู่มาจัดการให้กับหนานกงเซวียนเหอทันที
“อาอวี้ตายแล้ว!”น้ำเสียงของหนานกงเซวียนเหอนิ่ง แต่ฉีเฟยอวิ๋นมองออกว่าในใจของเขาไม่สบายใจยิ่งนัก
“ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ?”สีหน้าของคนถามเปลี่ยนไปทั่งยังเจ็บปวดนัก
“เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ? อาอวี้ตายได้อย่างไรเจ้าคะ!”ฉีเฟยอวิ๋นรู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับอาอวี้อย่างแน่นอน
หนานกงเซวียนเหอหันกลับไปมองฉีเฟยอวิ๋น ความเฉยเมยในดวงตาของเขามองเห็นได้อย่างชัดแจ้ง ฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจทันทีว่าหนานกงเซวียนเหอหมายความว่าอย่างไร
“หนานกงเย่เป็นคนฆ่าเอง”ฉีเฟยอวิ๋นมิรอให้หนานกงเซวียนเหอพูดอันใด ชิงพูดก่อน
หนานกงเซวียนเหอและเฟยอิงต่างตกใจนัก คาดไม่ถึงว่าฉีเฟยอวิ๋นจะสู้กลับทั้งยังโยนให้กับหนานกงเย่ด้วย
เฟยอิงต้องการพูดบางอย่าง ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างน่าสงสาร: “หรือเจ้าหวังให้พวกเราตายงั้นหรือ? เจ้า ในเมื่อเจ้าจับตัวข้าไปก็ควรรู้ว่าไม่มีหนทางย้อนกลับไปได้อีก หากเจ้าอยากตายนักก็ควรบอกกับข้าให้ไว ข้ามิออกมาตามเจ้าก็เพียงพอมิใช่หรือ มาตอนนี้ข้าก็ตามเจ้าออกมาแล้ว เจ้ากลับเป็นเช่นนี้ นายของเจ้าสำคัญหรือข้าสำคัญกว่ากัน?”
“ท่านพูดอันใดออกมา?”ท่าทางของเฟยอิงแทบจะบีบคอฉีเฟยอวิ๋นตายอย่างไรอย่างนั้น ฉีเฟยอวิ๋นร่ำไห้ทันที บอกร้องก็ร้องเลยทันที
“เจ้ายืนหยัดจะให้ข้าตามเจ้าไป ข้าทิ้งลูกไปแล้วทั้งยังเลิกรากับหนานกงเย่แล้วด้วย ตอนนี้ที่เจ้าทำเช่นนี้ต่อข้าก็เพราะต้องการมีชีวิตรอดแล้วทิ้งข้าไปใช่หรือไม่? เจ้าอย่าลืมล่ะ ในมือข้ากุมเรื่องที่เจ้าโกงเอาไว้ ข้ากลับไปทูลต่อหนานกงเย่ เจ้าตายแน่ !”
“เจ้าพูดมั่ว”เฟยอิงมีปากแต่กลับมิสามารถกล่าวออกมาได้จนรีบร้อนไปหมด
หนานกงเซวียนเหอหัวเราะ : “มองมิออกเลยว่าพระชายาเย่คนนี้จะเกรงกลัวความตายด้วย ดีเช่นกัน เจ้าอยากเล่น ข้าสนองเจ้า”
หนานกงเซวียนเหอหันตัวกลัวแล้วกล่าว : “นางเป็นภรรยาของหนานกงเย่ ในเมื่ออาอวี้ตายด้วยน้ำมือของหนานกงเย่ หากเจ้าฆ่าภรรยาของหนานกงเย่ได้ก็ถือว่าล้างแค้นให้กับอาอวี้ได้แล้ว”
ฝ่ายตรงข้ามพิโรธจนตัวสั่นไปหมด อยากจะขยี้ฉีเฟยอวิ๋นให้เป็นเถ้าถ่านเสีย
อยู่ในแดนศัตรู ฉีเฟยอวิ๋นต้องมีชีวิตรอดถึงจะได้
“ข้าจะฆ่าเจ้า !”ฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้ามาทางฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นรีบหลบไปด้านหลังของเฟยอิงทันที เฟยอิงเองก็แปลกใจเล็กน้อย
และฟังที่ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว : “ถึงแม้ข้าจะเป็นพระชายาของหนานกงเย่ แต่ทว่าเขาไม่ทำดีต่อข้าเลยแม้แต่น้อย ที่ข้าตามคนคนนี้ออกมาก็เพราะต้องการหลุดพ้นจากการควบคุมของเขา หากเจ้าอยากจะฆ่าเขา ข้ายังสามารถช่วยเจ้าได้”
ฝ่ายตรงข้ามหยุดชะงักและจ้องไปยังฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นกล่าว : “เรามาร่วมมือกัน เจ้าจะสามารถข้าเขาได้อย่างแน่นอน”
มุมปากของหนานกงเซวียนเหอยกสูงขึ้น และสำรวจฉีเฟยอวิ๋นอย่างละเอียด: “เจ้าอยู่กับชายหยาบคนนี้ ก็อาจทำให้หนานกงเย่ตายไปก็เป็นได้ !”
กล่าวจบหนานกงเซวียนเหอก็ขึ้นม้า: “อาเซี่ยว นำหญิงสาวผู้นี้ไปพร้อมกับให้ชายผู้นั้นนั่งม้าตัวเดียวกันกับนางเสีย !”
อาเซี่ยวหันกลับไปมองหนานกงเซวียนเหอ มิกล้าขัดคำสั่ง จึงหันตัวกลับมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น และจับฉีเฟยอวิ๋นโยนลงบนหลังม้า จากนั้นอาเซี่ยวก็มองไปยังเฟยอิงด้วยสีหน้าดุร้าย: “ขึ้นไป”
ร่างกายของเฟยอิงเจ็บปวดอย่างมาก แต่เขาก็มิอาจทิ้งฉีเฟยอวิ๋นไว้ไม่สนใจ เขาเดินไปข้างกายฉีเฟยอวิ๋น เฟยอิงจะขึ้นม้า ฉีเฟยอวิ๋นก็ยื่นมือให้กับเฟยอิง ผ่านไปนานพอควรเฟยอิงถึงได้จับมือของฉีเฟยอวิ๋นและขึ้นม้าไป
ทั้งสองนั่งอยู่บนรถม้า เฟยอิงพยายามมิเข้าใกล้ฉีเฟยอวิ๋น แต่ฉีเฟยอวิ๋นกลับดึงแขนของเฟยอิง ทำให้เฟยอิงชนเข้ากับแผ่นหลังของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังหนานกงเซวียนเหอ : “ไปกันเถิด”
อาเซี่ยวตะลึงไปครู่หนึ่ง ตอนนี้ดูเหมือนฉีเฟยอวิ๋นกำลังออกคำสั่งอย่างไรอย่างนั้น อาเซี่ยวหยิบแส้ขึ้นมาต้องการจะไปฟาดฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเซวียนเหอก็ออกเดินทางไปไกลแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงใช้เท้าทั้งสองเตะม้าไปครั้งหนึ่ง ทำให้ม้าวิ่ง อาเซี่ยวตามมาทางด้านหลังอย่างใกล้ชิด ฉีเฟยอวิ๋นมิสามารถพาเฟยอิงหนีไปได้ นางจึงไปหาหนานกงเซวียนเหอ เมื่อถึงข้างหนานกงเซวียนเหอแล้วถึงได้หยุดม้าลง
หนานกงเซวียนเหอสวมหน้ากากอีกครั้งและนำผู้คนเดินทางลงไปตามถนนสายหนึ่ง อาเซี่ยวมาถึงข้างกายฉีเฟยอวิ๋น ต้องการจะฟาดแส้ต่อไป แต่เมื่อเห็นมีคนมาจากทางด้านหน้า จึงได้มิเข้าใกล้ต่อไป
ตลอดทางที่จากมา ฉีเฟยอวิ๋นมิได้หันหลังกลับเลย เฟยอิงได้ฝังหนามไว้ในใจของตน หญิงสาวคนนี้มิเหมาะสมกับท่านอ๋อง นางเป็นเพียง…
เฟยอิงมองคนที่อยู่ตรงหน้า หญิงชายมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน พวกเขาเป็นเช่นนี้กลับไปถึงก็มิต้องมีชีวิตต่อไปอีกแล้ว
“จงชินอ๋องเพคะ”ฉีเฟยอวิ๋นใจเย็นนัก เป็นเพลานานแล้วที่ไม่มีผู้ใดเรียกเขาเช่นนั้น เขามองไปยังฉีเฟยอวิ๋น
“มีอันใด เจ้าคิดจะมาด้วยวิธีใดอีกงั้นรึ ?”
“หม่อมฉันเพียงอยากรู้ว่าที่ท่านทำมาจวบจนวันนี้ สิ่งที่ท่านต้องการจริงๆ คืออันใดงั้นหรือเพคะ?”
หนานกงเซวียนเหอหัวเราะ หันไปมองยังด้านหน้า : “ข้าเองก็มิรู้ว่าสิ่งที่ข้าต้องการจริงๆ นั้นคืออันใด เครือญาติที่ข้าเป็นผู้นำต้องการช่วยความทะเยอทะยานที่จะครอบครองของเสด็จพ่อของข้า แต่ก็มิพอใจนักที่จะเป็นคนธรรมดา จึงต้องการแย่งชิงตำแหน่งในเมืองต้าเหลียงให้กับตนเอง”
“แท้จริงแล้ว เมืองต้าเหลียงไม่มีที่ใดให้ท่านไล่ตามเลย หากหม่อมฉันเป็นท่าน หม่อมฉันยอมออกจากเมืองต้าเหลียงและหาดินแดนบริสุทธิ์ดินแดนหนึ่งและประสบความสำเร็จในอาชีพของตน ถึงแม้นสิ่งที่หม่อมฉันพูดจะดูโหดร้ายไปบ้าง แต่ที่ท่านมาสร้างปัญหาตอนนี้ มันมิได้มีความหมายอันใดเลยเพคะ ท่านไปเริ่มต้นที่เมืองเล็กรอบๆ ดีกว่า มีหลายเมืองที่พังสลายไปแล้ว หากท่านสามารถปกครองที่นั่นได้ ก็สามารถสร้างเมืองของตนเองขึ้นมาได้ จากนั้นก็ค่อยเพิ่มอาณาเขตให้กับเมืองของท่าน หม่อมฉันคิดว่าอย่างน้อยท่านเองก็มีกองทัพหลักของตนอยู่เป็นแน่ ก็ดีกว่าหลบซ่อนเช่นนี้ ทั้งยังต้องใช้ผู้อื่นเพื่อมาตีเมืองต้าเหลียงอีกด้วย
วิธีเจรจากับเสือเพื่อขอหนังเสือเช่นนี้ ท้ายสุดแล้วก็มิใช่วิธีที่ดีที่สุดเพคะ
หากท่านต้องการสู้กับเมืองต้าเหลียง ก็ต้องมีกองกำลังทหารที่เพียงพอ ท่านตอนนี้ไม่มีกองกำลังทหาร ท่านจะสู้ได้อย่างไร
เหตุใดบรรพบุรุษของท่านจึงอยากครอบครองเมืองต้าเหลียงกัน?
สำหรับพวกท่านแล้ว สิ่งที่ไม่พอใจคือความโปรดปรานของจักรพรรดิองค์ก่อน แต่พวกท่านถามตนเองในใจเถิดว่าเมืองต้าเหลียงนั้นเป็นเนื้อชิ้นดีจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
ครอบครองตำแหน่งจักรพรรดิแล้วอย่างไร ก็ยังคงต้องดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้านมิใช่หรือเพคะ?
เมือต้าเหลียงไม่มีทั้งเงินไม่มีทั้งอาหาร ทุกๆ อย่างก็มิอาจเทียบกับเมืองอื่นๆ ได้
มิอาจรู้จริงๆ ว่าจะครอบครองไปเพื่ออันใด อยู่อย่างเสรีไม่ดีหรือเพคะ?
ไม่ว่าอาณาเขตของเมืองต้าเหลียงจะกว้างใหญ่เพียงใด ที่ที่จักรพรรดิไปได้ก็มีเพียงพระราชวังเท่านั้น จะเสรีเหมือนท่านได้อย่างไร ท่านต้องการมาปีกใต้ก็มาปีกใต้ ต้องการไปแคว้นเฟิ่งก็ไปแคว้นเฟิ่ง ท่านมีคนซื่อสัตย์คอยอยู่ข้างกาย มีเงินทองในมือนับไม่ถ้วน ท่านต้องการอันใดล้วนมีหมด และมิต้องกังวลใจว่าเมืองต้าเหลียงจะประสบภัยแล้งหรืออุทกภัยหรือไม่ แต่หากเป็นจักรพรรดิเมืองต้าเหลียงนั้นเป็นเช่นนั้นมิได้ !”